18 ม.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

ทำไม 'การจะรวยได้ คือต้องมีเงินมากขึ้น' ถึงเป็นความเชื่อที่ผิด?

4 นิสัยความมั่งคั่งจากหนังสือ 'เงินเรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน
ความมั่งคั่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เรามี แต่ขึ้นอยู่กับวิธีที่เราจัดการกับเงินต่างหาก นี่คือข้อความสำคัญที่หนังสือ "เงินเรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน” ที่เขียนโดยคุณมณฑานี ตันติสุข
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่าการมีรายได้จำกัดไม่ใช่อุปสรรคในการสร้างความมั่งคั่ง แต่กุญแจสำคัญอยู่ที่การพัฒนา "นิสัยแห่งความมั่งคั่ง" (Wealth Habit) ซึ่งจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
แม้จะมีรายได้มากแค่ไหน หากไม่มีนิสัยการเงินที่ดี เงินก็จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ดูได้จากหลายกรณีของผู้ที่ถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่หรือได้รับมรดกก้อนโต แต่กลับประสบปัญหาการเงินในเวลาต่อมา
2
[ Wealth Habit คืออะไร? ]
Wealth Habit หรือ นิสัยมั่งคั่ง คือวิถีปฏิบัติหรือแนวทางที่สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว มันคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและแนวคิดเกี่ยวกับการใช้เงิน โดยยึดหลักว่า “เงินต้องทำงานให้คุณ” แทนที่จะปล่อยให้เงินไหลออกไปอย่างไร้ทิศทาง การสร้าง Wealth Habit เริ่มจากการมีวินัยในการใช้จ่าย เก็บออม และจัดการเงินอย่างเป็นระบบ เมื่อทำจนติดเป็นนิสัย คุณจะพบว่าความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
1
[ 4 ขั้นตอนการสร้างนิสัยมั่งคั่ง ]
1. ใช้เงินต่ำกว่ารายได้ และหักออม 10% ทันที
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการกันเงิน 10% ของรายได้ เข้าบัญชีออมทรัพย์โดยไม่ต้องมีข้ออ้างหรือข้อแก้ตัวใดๆ ให้เริ่มทำเลยโดยไม่ต้องคิดมาก ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไหร่ก็ตาม หากเริ่มเก็บทันที คุณจะเห็นเงินก้อนแรกเติบโตได้ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
1
ตัวอย่างเช่น หากรายได้ 6,000 บาท ให้กัน 600 บาทเข้าบัญชีทันที หรือรายได้ 16,000 บาท ก็ให้เก็บ 1,600 บาท เมื่อทำจนเคยชิน คุณจะเริ่มมองเห็นศักยภาพการสร้างเงินของตัวเองแทนการใช้จ่ายจนหมดทุกเดือน
2. เมื่อครบ 6 เดือน เพิ่มอัตราการออมเป็น 15% และ 20%
หลังจากออมได้สำเร็จ 10% ติดต่อกัน 6 เดือน ให้เพิ่มอัตราการออมเป็น 15% และปรับเป็น 20% ในขั้นนี้คุณอาจจะรู้สึกว่าเยอะมาก กลัวทำไม่ได้และอาจหมดกำลังใจในที่สุด ดังนั้นการค่อยๆ ปรับนิสัยและเป้าหมายจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ตอบโจทย์ และทำให้ไม่อึดอัดจนเกินไป
เพราะการเริ่มสร้างนิสัยออมเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากการออม 10% ของรายได้ เมื่อทำได้ต่อเนื่องและเริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเอง ค่อยๆ เพิ่มเป็น 15% ในระยะเวลา 6 เดือน จนกระทั่งการออมเงินกลายเป็นนิสัยที่ทำได้โดยไม่รู้สึกกดดันหรือฝืนใจตัวเอง จากนั้นค่อยปรับเพิ่มการออมเป็น 20% และรักษานิสัยนี้ไว้ การค่อยๆ ฝึกเช่นนี้จะช่วยให้คุณสร้างวินัยทางการเงินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
เมื่อคุณเริ่มออมเงิน 20% จากรายได้สำเร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะจัดระเบียบการเงินให้เป็นระบบมากขึ้น โดยแบ่ง 20% นี้ออกเป็น 2 ส่วน
1
- 10% สำหรับเงินออมเพื่อสร้างความมั่นคง บัญชีนี้จะเป็นเงินออมที่เราตั้งใจเก็บไว้สำหรับเป้าหมายในอนาคต เช่น การลงทุน หรือการซื้อบ้าน ซื้อรถ
- 10% สำหรับเงินฉุกเฉิน บัญชีนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเงินที่คุณเตรียมไว้ใช้ในกรณีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วย การซ่อมแซมบ้าน หรือการซ่อมรถ
ในหนังสือเล่มนี้แนะนำว่าให้ทำการแยกบัญชีนี้ออกจากกัน เพื่อช่วยให้คุณไม่เผลอนำเงินทั้งหมดไปใช้จนหมด
การเก็บเงินฉุกเฉินไว้ต่างหากทำให้คุณสามารถจัดการค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเร่งด่วนโดยไม่กระทบเงินออมระยะยาว คุณจะรู้สึกมั่นใจและมีกำลังใจในการออมต่อไป เพราะเงินที่คุณเก็บไว้จะไม่สูญเปล่าหรือหายไปโดยไม่มีการจัดการ
เมื่อคุณรวบรวมเงินเพื่ออนาคตได้จนพอใจแล้ว คุณสามารถนำเงินก้อนนี้ไปสร้างประโยชน์สูงสุดให้ตัวเอง เช่น ลงทุนในกิจการ ส่งลูกเรียนต่อ ซื้อบ้าน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณสุขใจและเกิดประโยชน์มากที่สุด
ส่วนเงินฉุกเฉินที่แยกไว้ก็จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดได้อย่างมั่นใจ คุณจึงไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์การเงินฉุกเฉินเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป
3. เมื่อออมเงิน 20% จนเป็นนิสัยได้สำเร็จให้เริ่มฝึกหักรายได้เพิ่มเป็น 30% เพื่อลงทุนแล้วค่อยเพิ่มเป็น 50%
เมื่อคุณมีนิสัยออมเงิน 20% แล้ว ให้เริ่มแบ่งเพิ่มเป็น 30% โดยนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อให้เงินทำงานแทนคุณ เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนนี้เป็นกุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่งในระยะยาว เพราะไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าเงิน แต่ยังช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income
การฝึกเพิ่มสัดส่วนการออมจากรายได้เป็น 30% และค่อยๆ ขยับไปจนถึง 50% เพื่อใช้สำหรับการลงทุนและสร้างฐานะในระยะยาว นิสัยนี้อาจทำได้ยากกว่าเดิม เพราะนอกจากจะต้องมีวินัยและควบคุมตัวเองในการตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเกือบทั้งหมดแล้ว ยังต้องอาศัยความอดทนและตั้งใจจริงเป็นอย่างมาก แต่ถ้าทำสำเร็จ คุณจะได้พฤติกรรมการใช้เงินที่เป็นรากฐานของความมั่งคั่งที่แท้จริง
4. เงินออม 30% ที่ออมเพิ่มไว้เพื่อ 'ให้เงินทำงานให้คุณ' หรือ ใช้เงินสร้างเงิน นั่นเอง
หลักการ Investment เป็นหนึ่งในสี่ขั้นของเงินลงทุน เป็นหนึ่งในสี่ขั้นของการบริหารเงินส่วนตัวที่เรียบง่ายได้ใจความมากคือ Earning, Spending, Saving และ Investment นำเงินไปลงทุนนั่นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าจับหลัก 4 ขั้นนี้ได้ คุณจะจัดการเงินได้อยู่หมัดไปตลอดชีวิต
🔚 หนังสือ ‘เงินเรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน’ เป็นหนังสือที่เน้นเรื่อง 'Money Habit' เยอะมากๆ ตั้งแต่ต้น ในหนังสือเล่มนี้บอกว่า ถ้าจะสร้างอนาคตทางการเงิน (Financial Future) ไปสู่อิสรภาพทางการเงิน (Financial Freedom) ได้จริงๆ คุณต้องแก้ที่ความคิดเกี่ยวกับเงินและนิสัยการใช้เงินก่อนอื่นทั้งหมด เพราะเรื่องของเงินสัมพันธ์กับจิตใจ คล้ายกับจิตใจและร่างกายที่ทำงานสัมพันธ์กัน
ซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ที่: https://www.naiin.com/product/detail/632551
#aomMONEY #การเงินส่วนบุคคล #นิสัยความมั่งคั่ง #สร้างนิสัยออมเงิน #นิสัยมั่งคั่ง
โฆษณา