Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Right Style by Bom+
•
ติดตาม
19 ม.ค. เวลา 02:02 • ข่าวรอบโลก
หรือว่าดีลหยุดยิงจะล่ม
เนทันยาฮูกล่าวหาฮามาสว่า “ละเมิด” ข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่ส่งมอบรายชื่อตัวประกันที่จะปล่อยตัวให้อิสราเอล
1
อิสราเอลยังไม่ได้รับรายชื่อตัวประกันที่กลุ่มฮามาสต้องปล่อยตัวตามข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอระหว่างกันไว้ “เราจะไม่เดินหน้าตามแผนนี้จนกว่าจะได้รับรายชื่อตัวประกันที่จะได้รับการปล่อยตัวตามที่ตกลงกันไว้ อิสราเอลจะไม่ยอมให้มีการฝ่าฝืนข้อตกลงนี้ ฮามาสต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด” เนทันยาฮูกล่าว [1]
4
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 มกราคม 2025 (13.30 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันอาทิตย์นี้)
1
ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่มีการคุยกันเมื่อไม่นานนี้ ฮามาสต้องจัดเตรียมรายชื่อตัวประกันที่จะได้รับการปล่อยตัวอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการแลกเปลี่ยนตัวประกันซึ่งกำหนดไว้ในเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 19 มกราคม 2025 (3 ทุ่ม ของวันอาทิตย์ 19 มกราคมนี้ในประเทศไทย ตามกำหนดการจะมีการแลกเปลี่ยนตัวประกันรอบแรก)
1
ในขั้นตอนแรกของข้อตกลงหยุดยิง ฮามาสจะต้องปล่อยตัวประกัน 33 คนที่ถูกจับตัวไป และอิสราเอลจะต้องปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์เกือบ 1,900 คนออกจากคุก โดยก่อนหน้านี้สื่ออิสราเอลได้เผยแพร่รายชื่อตัวประกัน 33 คนที่คาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวในขั้นตอนแรกของข้อตกลง โดยยังไม่มีรายชื่อคนไทยที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันที่เหลืออยู่อีก 6 คน ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศไทยแต่อย่างใด [2][3]
1
2
รายชื่อตัวประกัน 33 คน ที่ทางการอิสราเอลคาดว่าฮามาสจะปล่อยตัวรอบแรกตามข้อตกลงหยุดยิงรอบล่าสุดปี 2025 เครดิตภาพ: The Time of Israel
■
หรือว่าฝ่ายขวาของอิสราเอลต้องการทำลายข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาส และพวกเขาอาจจะทำสำเร็จ (แม้ว่าจะไม่ใช่ทันที)
ในคืนวันที่ 17-18 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากการอภิปรายกันหลายชั่วโมง รัฐบาลอิสราเอลได้อนุมัติข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาและการแลกเปลี่ยนตัวประกันชาวอิสราเอลกับนักโทษชาวปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ รัฐมนตรีหลายคนซึ่งเคร่งศาสนายูดาห์ยังต้องละเมิดข้อห้ามในการทำงานในวันสะบาโตด้วยซ้ำ (วันศุกร์ 18.00 – วันเสาร์ 17.59 ความเชื่อที่ว่าพระเจ้าทรงหยุดพักจากการสร้างโลก) ข้อบังคับของชาวยิวอนุญาตให้ทำได้หากเป็นเรื่องความเป็นความตาย [4]
1
สมาชิกรัฐบาล 8 คน โหวตคัดค้านข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว การประท้วงครั้งนี้นำโดย Itamar Ben-Gvir รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (พรรค Jewish Power) และ Bezalel Smotrich รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง (Religious Zionist) นอกจากสมาชิกพรรคเดียวกัน (รวมรัฐมนตรีหกคน) แล้ว ยังมีรัฐมนตรีจากพรรค Likud อีกสองคน ซึ่งเป็นพรรคของนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเข้าร่วมด้วย
ทว่ากลุ่มพวกเขา 8 คนอยู่ในกลุ่มเสียงข้างน้อย โดยมีสมาชิกรัฐบาล 24 คนลงคะแนนเสียง “เห็นด้วย” กับข้อตกลงหยุดยิง แต่เรื่องนี้ไม่ได้หยุดยั้ง Ben-Gvir “เบน-กวิร์” และ Smotrich “สโมทริช” พวกเขาพร้อมที่จะลาออกและสร้างวิกฤตทางการเมือง เพื่อหาทางให้สงครามกับฮามาสยังคงดำเนินต่อไป เหตุใดพวกเขาจึงต้องการสิ่งนี้? [5]
รัฐบาลอิสราเอลชุดปัจจุบันเป็นรัฐบาลฝ่ายขวาจัดที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ทว่ารัฐมนตรีบางคนก็ยังเป็นฝ่ายขวาขั้นสุดมากกว่าคนอื่นๆ ขึ้นไปอีก “Jewish Power" และ “Religious Zionist” เป็นพรรคการเมืองชาตินิยมสุดโต่งและเป็นผู้สนับสนุนอุดมการณ์ในการแก้ปัญหาปาเลสไตน์อย่างแข็งกร้าว เช่น การผนวกดินแดนเวสต์แบงก์ให้ได้โดยเร็ว การคืนถิ่นฐานของอิสราเอลในฉนวนกาซา และขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่
ข้อโต้แย้งของพวกเขาต่อข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสสรุปได้ว่า เป็นข้อเท็จจริงที่ว่าโดยหลักการแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะเจรจาอะไรกับกลุ่มก่อการร้ายพวกนี้ - คุณทำได้แค่ต่อสู้จนกว่าจะทำลายล้างให้สิ้นซากเท่านั้น สำหรับพวกเขาข้อตกลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ของอิสราเอลในสงคราม 15 เดือน (ซึ่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์) เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ฮามาสฟื้นตัว ยึดอำนาจเหนือฉนวนกาซาคืนมาได้อีกครั้ง
1
และหลังจากนั้นไม่นานก็จะก่อเหตุสังหารหมู่ในอิสราเอลอีกครั้งในลักษณะเดียวกับวันที่ 7 ตุลาคม 2023 นอกจากนี้ข้อตกลงหยุดยิงที่ทำกันอยู่นี้ยังถือว่ามีการปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ที่มีเลือดติดมือเพื่อแลกกับตัวประกันผู้บริสุทธิ์ ซึ่งฝ่ายขวาจัดยืนกรานว่ามันทำให้เลือดแปดเปื้อนมือของชาวยิว
2
ในช่วงเริ่มต้นของสงครามฮามาสเมื่อตุลาคม 2023 เนทันยาฮูได้ประกาศเป้าหมายหลักสองประการ ได้แก่ การส่งคืนตัวประกันและการทำลายล้างฮามาส แม้ในตอนนั้นก็ชัดเจนว่าเป้าหมายเหล่านี้ขัดแย้งกันโดยพื้นฐาน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสงครามทำลายล้างหากคุณต้องยับยั้งชั่งใจอยู่ตลอดเวลา เพราะกลัวว่าตัวประกันจะได้รับอันตราย ดังนั้นจึงเกิดความแตกแยกทางการเมืองในอิสราเอล ฝ่ายซ้ายให้ความสำคัญกับการปล่อยตัวประกัน ส่วนฝ่ายขวาให้ความสำคัญกับการทำลายล้างฮามาส
เนื้อหาเบื้องต้นของข้อตกลงที่อิสราเอลและฮามาสสรุปกันได้เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2025 ในโดฮานั้น “วางกองอยู่บนโต๊ะ” ตั้งแต่พฤษภาคม 2024 แล้ว เหตุใดทั้งสองฝ่ายจึงตกลงกันได้อีกทีเก้าเดือนให้หลัง มันจึงไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่เป็นส่วนสำคัญของมันที่ทำให้ไม่เดิน - “เบน-กวิร์” และ “สโมทริช” รัฐมนตรีฝ่ายขวาจัดของอิสราเอลให้ความเห็น
1
เบน-กวีร์ได้ออกมากล่าวอย่างเปิดเผยว่าเขาได้ขัดขวางข้อตกลงนี้หลายครั้ง ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลง เขาจะไปพบนายกเนทันยาฮูและขู่ว่าจะลาออกและออกจากรัฐบาลผสมที่ปกครองอิสราเอลอยู่ ตามคำกล่าวของฝ่ายตรงข้ามของเนทันยาฮู และตามที่เบน-กวีร์เองก็แย้มว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องยอมจำนนต่อการแบล็กเมล์ และในการเจรจารอบต่อไป เขาจะเสนอเงื่อนไขใหม่บางอย่างที่ออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่ากลุ่มฮามาสจะไม่ยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ และข้อตกลงจะไม่เกิดขึ้น [6]
ในอนาคตอันใกล้นี้ เบน-กวีร์อาจหวังพึ่งตำแหน่งผู้นำในแวดวงการเมืองอิสราเอลไม่ได้ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงสามารถสร้างเรื่องอื้อฉาวและคุยโวเกี่ยวกับมันต่อสาธารณะเข้าไว้ แม้ว่าชาวอิสราเอลสายกลางจะไม่ลงคะแนนให้เขาอยู่แล้ว แต่ความอื้อฉาวเช่นนี้อาจดึงดูดพวกหัวรุนแรงและผู้แสวงหาวิธีแก้ปัญหาแบบตื้นเขิน
การลาออกของพรรค Jewish Power ของเบน-กวีร์ จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมาก นั่นเกือบจะแน่นอนว่าจะหมายถึงการล่มสลายของรัฐบาลเนทันยาฮูและทำให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนด เนทันยาฮูและพรรค Likud ของเขาเกือบจะแน่นอนว่าจะแพ้การเลือกตั้งครั้งถัดไป
เนทันยาฮูจึงมองว่า “นี่เป็นการแบล็กเมล์เขา” รู้ทั้งรู้ว่าตัวเขาเองมีคดีอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง คดีทุจริต 3 คดีและอาจถูกจำคุก 10 ปี (ตอนนี้เขาอายุ 75 ปีแล้ว) ดังนั้นตัวเนทันยาฮูจึงต้องการให้ผู้สนับสนุนตัวเขาเชื่อมั่นว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง มีอำนาจ (รวมถึงในระดับนานาชาติ) และมีประสบการณ์ในการนำพาอิสราเอลผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ใครก็ตามที่เข้ามาแทนที่เขาจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงเท่านั้น [7]
Itamar Ben-Gvir “เบน-กวีร์” รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล (ซ้าย) กับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู เครดิตภาพ: Mostafa Alkharouf / Anadolu Agency / Getty Images
ล่าสุดมกราคม 2025 เมื่อการเจรจากับกลุ่มฮามาสเริ่มคืบหน้าอีกครั้ง เบน-กวีร์ไม่สามารถขัดขาข้อตกลงได้อีกต่อไป ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยให้คำมั่นต่อสาธารณะว่าจะลาออกหากข้อตกลงได้รับการอนุมัติ และเรียกร้องให้ “เบซาเลล สโมทริช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทำด้วยเช่นเดียวกัน พรรค Religious Zionist ของสโมทริชมีอุดมการณ์เดียวกับพรรค Jewish Power ของเบน-กวีร์ ทั้งคู่เชื่อว่าถ้าถอนตัวจากพรรคร่วม รัฐบาลเนทันยาฮูจะล้มลงทันที [8]
แต่ “สโมทริช” ไม่เห็นด้วยกับความชอบในการแสดงท่าทีดรามาของ “เบน-กวีร์” ตัวเขามีแผนคือการขยายการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเขตเวสต์แบงก์และกาซา แทนที่ชาวปาเลสไตน์ การเปลี่ยนภูมิภาคเหล่านี้ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลอย่างเต็มตัว จากนั้นจึงทำให้ข้อเท็จจริงนี้เป็นทางการตามกฎหมาย (ค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอน) โดยสโมทริชในช่วงที่ผ่านมาเขาจะมุ่งเน้นในการหาทางขยายดินแดนเข้าไปในเขตเวสต์แบงก์เป็นหลัก [9]
นับตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคม 2023 สโมทริชได้ย้ำคำกล่าวของเขาในปี 2015 อยู่เสมอว่า “องค์การปาเลสไตน์ (PA) ที่ปกครองเวสต์แบงก์เป็นหนี้สิน ส่วนฮามาสเป็นสินทรัพย์” นัยยะก็คือ อิสราเอลควรทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ PA อ่อนแอลง ซึ่งพวกเขาได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติและถือเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐปาเลสไตน์ ความจริงที่ว่าฮามาสขัดแย้งกับ PA และตราบใดที่ฮามาสยังคงมีอำนาจในฉนวนกาซา ขบวนการปาเลสไตน์ก็จะยังคงแตกแยก และรัฐปาเลสไตน์ก็จะยังคงเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ [10]
มีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางในอิสราเอลว่า “เบน-กวีร์” และ “สโมทริช” มีส่วนรับผิดชอบอย่างมากต่อความล้มเหลวด้านความมั่นคงในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โดยเชื่อกันว่า ตามคำยืนกรานของพวกเขา กองกำลังสำคัญที่ควรจะคอยปกป้องชายแดนกับฉนวนกาซาถูกย้ายไปยังเวสต์แบงก์เพื่อให้การสนับสนุนทางทหารสำหรับการขยายการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลที่นั่น
”เบซาเลล สโมทริช” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอิสราเอล (ซ้าย) เครดิตภาพ: Amir Cohen / Reuters
ในคืนวันที่ 15-16 มกราคม 2025 ทันทีที่ผู้ไกล่เกลี่ยในการเจรจาที่โดฮาประกาศว่าบรรลุข้อตกลงแล้ว เนทันยาฮูและสโมทริชได้ประชุมกันเป็นเวลานานมาก และมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่น่าพอใจเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีฝ่ายทหารและการเมืองได้เลื่อนการประชุมที่มุ่งให้กับการอนุมัติข้อตกลงออกไปมากกว่าหนึ่งวัน มีการปล่อยข่าวว่าฮามาสต้องรับผิดชอบต่อความล่าช้า ซึ่งพยายามจะนำเสนอเงื่อนไขใหม่ๆ บางอย่างในเอกสารที่ตกลงกันแล้ว
ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวกำหนดให้ปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลทั้งหมด (รวม 98 คน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตแล้ว) ในเวลาประมาณ 3 เดือน โดย 33 คนอยู่ในขั้นแรกของข้อตกลง เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นที่สอง ซึ่งกินเวลานาน 6 สัปดาห์
นายกรัฐมนตรีกาตาร์ “โมฮัมเหม็ด อัล-ธานี” ก่อนการแถลงข่าวที่เขาประกาศข้อตกลงระหว่างอิสราเอลและฮามาส เมื่อ 15 มกราคม 2025 เครดิตภาพ: Karima Jafaar / AFP
ท้ายที่สุดสโมทริชก็ตัดสินใจโหวตคัดค้านข้อตกลงนี้ โดยรู้ล่วงหน้าว่าข้อตกลงนี้จะต้องได้รับการอนุมัติอยู่ดี และเขาเรียกร้องให้มีการรับประกันว่าหลังจากปล่อยตัวตัวประกันแล้ว สงครามจะดำเนินต่อไป กองทัพอิสราเอลจะกลับเข้าสู่ฉนวนกาซาอีกครั้ง และทำลายกลุ่มฮามาสต่อไป รวมถึงควบคุมการแจกจ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หากสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น สโมทริชก็สัญญาว่าจะยุติการร่วมรัฐบาล [11]
■
วิเคราะห์ความเป็นไปได้สิ่งที่จะเกิดขึ้น
●
ฉากทัศน์ที่ 1: หากเนทันยาฮูยอมรับข้อเรียกร้องของสโมทริช สงครามในฮามาสก็จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนเมษายนหรือไม่นานหลังจากนั้น หากเกิดขึ้นจริง เบน-กวีร์ได้ให้คำมั่นไว้แล้วว่าจะกลับเข้าร่วมกลุ่มอีกครั้ง
●
ฉากทัศน์ที่ 2: หรือมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ สงครามจะไม่เกิดขึ้นอีก สโมทริชทำตามคำขู่ของเขาคือถอนตัวจากรัฐบาล และในบางช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนปีนี้ รัฐบาลของเนทันยาฮูจะล้ม ตอนนี้มีผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าในการเลือกตั้งแบบกะทันหัน รัฐบาลผสมที่ปกครองอยู่ในปัจจุบันจะพบว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสียงข้างน้อยที่หมดหวัง และรัฐบาลใหม่จะยังคงเป็นฝ่ายขวาแต่มีความเป็นกลางมากขึ้น [12]
1
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้อาจมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นาฟตาลี เบนเน็ตต์” ซึ่งเป็นฝ่ายขวาได้เตรียมกลับมาเล่นการเมืองกับพรรคการเมืองใหม่ และการกลับมาของเขามีแนวโน้มว่ากำชัยชนะ เขามีโอกาสดีที่จะได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลอีกครั้ง [13]
นอกจากนี้หากสงครามไม่เกิดขึ้นอีก คณะกรรมการสอบสวนของรัฐเกี่ยวกับเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ก็พร้อมที่จะจัดตั้งขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่ส่งผลกระทบทางการเมืองที่ไม่สามารถคาดเดาได้
●
ฉากทัศน์ที่ 3: ในอีกสามเดือนข้างหน้า เนทันยาฮูจะหาวิธีบางอย่างเพื่อกำจัดสโมทริช เช่นเดียวกับที่เขากำจัดเบน-กวีร์ไปก่อนหน้านี้ เช่น เขาจะบรรลุข้อตกลงกับฝ่ายค้านในรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้จนถึงสิ้นวาระ (ตุลาคม 2026) แม้ว่าจะไม่มีเสียงข้างมากก็ตาม หรือเขาจะเสนอข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจแก่เบน-กวีร์และสโมทริช เพื่อให้พวกเขายังคงอยู่ในคณะรัฐบาล แม้ว่าสงครามจะสิ้นสุดลงแล้วก็ตาม
1
ในตอนนี้เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าฉากทัศน์ใดน่าจะเป็นไปได้มากกว่ากัน
1
เรียบเรียงโดย Right Style
19th Jan 2025
■
เชิงอรรถ:
[1]
https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/netanyahu-israel-wont-move-forward-with-ceasefire-until-hamas-names-first-hostages-to-be-freed
[2]
https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/list-of-33-hostages-due-to-be-freed-in-first-stay-of-ceasefire-deal-with-hamas-released
[3]
https://www.mfa.go.th/th/content/vfm-met-fm-israel?page=5d5bd3c915e39c306002a907
[4]
https://www.britannica.com/topic/Judaism/The-Sabbath
[5]
https://www.aljazeera.com/news/2025/1/17/israels-national-security-minister-threatens-to-resign-over-ceasefire
[6]
https://www.ynetnews.com/article/hymhto7wyg
[7]
https://www.reuters.com/world/middle-east/netanyahu-corruption-trial-divides-israeli-public-2024-12-09
[8]
https://www.haaretz.com/israel-news/2025-01-14/ty-article/.premium/ben-gvir-urges-smotrich-to-join-in-quitting-government-if-hostage-deal-approved/00000194-6447-dabc-afff-6f5714ea0000
[9]
https://hashiloach.org.il/israels-decisive-plan
[10]
https://www.timesofisrael.com/for-years-netanyahu-propped-up-hamas-now-its-blown-up-in-our-faces
[11]
https://www.jpost.com/israel-news/politics-and-diplomacy/article-837687
[12]
https://news.walla.co.il/item/3719998
[13]
https://www.jpost.com/israel-news/article-824248
<เครดิตภาพปก: Reuters, Wion Web Team>
อิสราเอล
ปาเลสไตน์
ข่าวรอบโลก
2 บันทึก
25
15
4
2
25
15
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย