Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สันติ ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
•
ติดตาม
19 ม.ค. เวลา 03:05 • ครอบครัว & เด็ก
คริสตจักรคือพระเยซู
ยอห์น 4:4-26, 28-30 TH1971
[4] พระองค์จำต้องเสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย [5] พระองค์จึงเสด็จไปถึงเมืองหนึ่ง ชื่อสิคาร์ในแคว้นสะมาเรีย ใกล้ที่ดินซึ่งยาโคบให้แก่โยเซฟบุตรของตน [6] บ่อน้ำของยาโคบอยู่ที่นั่น พระเยซูทรงดำเนินทางมาเหน็ดเหนื่อย จึงประทับลงที่ข้างบ่อนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยง [7] มีหญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำ พระเยซูตรัสกับนางว่า <<ขอน้ำให้เราดื่มบ้าง>> [8] ขณะนั้นสาวกของพระองค์เข้าไปซื้ออาหารในเมือง
[9] หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า <<ไฉนท่านผู้เป็นยิวจึงขอน้ำดื่มจากดิฉัน ผู้เป็นหญิงชาวสะมาเรีย>> (เพราะพวกยิวไม่คบหาชาวสะมาเรียเลย) [10] พระเยซูตรัสตอบนางว่า <<ถ้าเจ้าได้รู้จักของที่พระเจ้าประทาน และรู้จักผู้ที่พูดกับเจ้าว่า <ขอน้ำให้เราดื่มบ้าง> เจ้าก็คงจะได้ขอจากท่านผู้นั้น และท่านผู้นั้นก็คงจะให้น้ำธำรงชีวิตแก่เจ้า>>
[11] นางทูลพระองค์ว่า <<ท่านเจ้าคะ ท่านไม่มีถังตัก และบ่อนี้ก็ลึก ท่านจะได้น้ำธำรงชีวิตนั้นมาจากไหน [12] ท่านเป็นใหญ่กว่ายาโคบบรรพบุรุษของเรา ผู้ได้ให้บ่อน้ำนี้แก่เราหรือ และยาโคบเองก็ได้ดื่มจากบ่อนี้รวมทั้งบุตรและฝูงสัตว์ของท่านด้วย>> (13] พระเยซูตรัสตอบว่า <<ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก [14] แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้แก่เขานั้น จะไม่กระหายอีกเลย น้ำซึ่งเราจะให้เขานั้น จะบังเกิดเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขาพลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์>>
[15] นางทูลพระองค์ว่า <<ท่านเจ้าคะ ขอน้ำนั้นให้ดิฉันเถิด เพื่อดิฉันจะได้ไม่กระหายอีก และจะได้ไม่ต้องมาตักที่นี่>> [16] พระเยซูตรัสกับนางว่า <<ไปเรียกผัวของเจ้ามานี่เถิด>> [17] นางทูลพระองค์ว่า <<ดิฉันไม่มีผัวค่ะ>> พระเยซูตรัสกับนางว่า <<เจ้าพูดถูกแล้วว่าผัวไม่มี [18] เพราะเจ้าได้มีผัวห้าคนแล้ว และคนที่เจ้ามีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ผัวของเจ้า เรื่องนี้เจ้าพูดจริง>>
[19] นางทูลพระองค์ว่า <<ท่านเจ้าคะ ดิฉันเห็นจริงแล้วว่าท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ [20] บรรพบุรุษของพวกเรานมัสการที่ภูเขานี้ แต่พวกท่านว่าตำบลที่ควรนมัสการนั้น คือเยรูซาเล็ม>>
[21] พระเยซูตรัสกับนางว่า <<หญิงเอ๋ย เชื่อเราเถิด คงมีวันหนึ่งที่พวกเจ้าจะมิได้ไหว้นมัสการพระบิดา เฉพาะที่ภูเขานี้หรือที่เยรูซาเล็ม [22] ซึ่งเจ้านมัสการนั้นเจ้าไม่รู้จัก ซึ่งพวกเรานมัสการเรารู้จัก เพราะความรอดนั้นมาจากพวกยิว [23] แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์[24] พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง>>
[25] นางทูลพระองค์ว่า <<ดิฉันทราบว่าพระเมสสิยาห์ (ที่เรียกว่าพระคริสต์) จะเสด็จมา เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงชี้แจงทุกสิ่งแก่เรา>> [26] พระเยซูตรัสกับนางว่า <<เราที่พูดกับเจ้าคือท่านผู้นั้น>>
[28] หญิงนั้นจึงทิ้งหม้อน้ำไว้และเข้าไปในเมืองบอกคนทั้งปวงว่า [29] <<มาเถิด มาดูท่านผู้หนึ่งที่เล่าถึงสิ่งสารพัดซึ่งฉันได้กระทำ ท่านผู้นี้จะเป็นพระคริสต์ได้ไหม>> [30] คนทั้งหลายจึงพากันออกจากเมืองไปหาพระองค์
https://bible.com/bible/275/jhn.4.4-30.TH1971
ตอนที่ผมได้เจอกับอาจารย์คิมฮักเชิลตอนแรกๆ ที่เข้ามาเป็นนักเรียนมิชชันนารี ผมมองข้ามหรือดูหมิ่นอาจารย์มากครับ ให้ความสำคัญน้อยมากครับ ผมจะไปสนใจฟังอยู่แต่กับพวกลูกศิษย์รุ่นพี่มากกว่า
ผมก็เลยไม่รู้เลยครับว่าอาจารย์สอนอะไรให้กับผมบ้างแม้อยู่ด้วยกันมาหลายปี มาถึงวันนี้ก็ย่างเข้าสิบแปดปีแล้ว เพราะผมก็จะมีความรู้เดิมเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาบ้างจากโบสถ์เก่าที่เคยอยู่มาสิบสองปีก่อนออกมาเจอที่คริสตจักรข่าวประเสริฐ
แต่ก็เห็นว่าพระเจ้าก็ค่อยๆให้ผมเห็นครับว่าพระเจ้ากำลังทำงานเพื่อผมผ่านอาจารย์ เหมือนกับที่หญิงสะมาเรียคนนี้ได้เห็นพระเยซูนี้ครับ หลังจากได้พูดคุยกัน จากที่เธอเห็นพระเยซูเป็นเพียงคนยิวคนหนึ่ง ต่อมาก็เห็นว่าพระองค์คือผู้เผยพระวจนะและในที่สุดก็ได้เห็นว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์พระผู้ช่วยให้รอดที่ชาวอิสราเอลกำลังรอคอยแบบนี้ครับ
ใจที่มันปิดกับอาจารย์ก็ค่อยๆเปิดออกจากการที่ได้ฟังได้เห็นจากการได้เข้ามาเป็นนักเรียนมิชชันนารีนี้ครับ จากตอนโสดมาตอนนี้อาจารย์ก็แนะนำให้ได้แต่งงานด้วย ก็ใช้ชีวิตผู้เผยแพร่แบบครอบครัวมาได้สิบปีแล้วครับ ลูกสาวก็สิบปีเต็มละ แม้จะได้เริ่มต้นกับชีวิตครอบครัวจริงๆ ก็ย่างห้าสิบปีแล้วตอนแต่งงาน ก็รู้สึกขอบคุณที่พระเจ้ายังให้โอกาสผมได้เป็นสามี ได้เป็นพ่อคน และเป็นผู้จูงนำโบสถ์ด้วย จากคนที่มีแต่ตัวเอง ไม่เอาเลยกับภาระหรือความรับผิดชอบเพื่อใคร ทำลายชีวิตผู้คนได้แบบไม่รู้สึกผิดอ่ะไร
มันเห็นครับว่าชีวิตผมมันปกติได้เพราะมีอาจารย์คอยดูแลชีวิต ตลอดมาก่อนได้มาพบอาจารย์ผมเคยมีแฟนมาหลายคน แต่ละคนอยู่กันไม่ได้นานก็เลิก ขัดใจอะไรผมนิดนึงผมก็ทิ้ง มีลูกก็ทำแท้งเอาออกหมดครับรู้สึกตัวเองไม่ได้เลยว่ากำลังใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายยังไง คบใครให้สนิทใจไม่ได้เลย หวาดระแวงกับทุกคน ยกเว้นตัวเองทั้งๆที่สกปรกชั่วร้ายแบบนี้แต่ก็ยังกล้าเชื่อวางใจกับมัน เพราะไม่รู้สึกตัวนี้ครับ
การมีโอกาสได้พบกับคนของพระเจ้าจึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะรู้สึกตัวเองไม่ได้นี้ครับ เพราะความบาปจึงทำให้มนุษย์สูญเสียจิตสัมผัสต่อความจริงหรือต่อพระเจ้าไป ยุคนี้พระเจ้าก็ได้ให้พระคัมภีร์ไบเบิ้ลกับคริสตจักรมาช่วยแยกแยะให้ระหว่างความจริงกับเรื่องโกหกครับ
มนุษย์กับพระเจ้าก็เหมือนหญิงสะมาเรียกับพระเยซูตอนนี้ครับ ก่อนพบพระเยซูเธอก็ใช้ชีวิตที่มีแต่ความกลัวก็มีความหวังอยู่กับสามี แต่พอได้สามีมาแล้วก็ไม่เป็นอย่างที่คิด จะเปลี่ยนกี่คนๆ ก็เหมือนเดิม เธอก็ยังออกจากความกลัวไม่ได้เหมือนเดิม จนเธอได้มาพบกับพระเยซูนี้ครับ
หลังได้พบกับพระเยซูเธอได้ทิ้งหม้อน้ำไปบอกเรื่องนี้ให้กับชาวบ้านที่ตลอดมาเธอมีแต่ความเกลียดกลัวกับพวกเขา เหมือนตอนที่ผมได้มารู้จักกับพระเยซูก็เหมือนกันครับ จิตใจที่มีแต่ความกลัวหวาดระแวงกับผู้คนก็หายไป อยากจะบอกความจริงนี้ให้กับทุกคน
เพราะผมก็เห็นว่ามันเป็นข่าวดีที่สุดแล้วสำหรับมนุษย์ทุกคน กับการได้รู้ว่าพระเจ้าได้ให้อภัยโทษบาปทั้งหมดของเรา และกำลังดูแลรับผิดชอบกับชีวิตของเรา ให้คริสตจักรกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาช่วยให้เราได้รู้ความจริงและพอเวลาบนโลกนี้จบลง วิญญาณเราก็จะได้กลับสวรรค์บ้านแท้ ที่ๆ ไม่มีการล่อลวงความสกปรกชั่วร้ายอีกต่อไป
2 เปโตร 3:11-13 TH1971
[11] เมื่อเห็นแล้วว่าสิ่งทั้งปวงจะต้องสลายไปหมดสิ้นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายควรจะเป็นคนเช่นใดในชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงาม [12] จงเฝ้ารอและเร่งวันของพระเจ้าให้มาถึง ซึ่งวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟผลาญสลายไป และโลกธาตุก็จะถูกไฟเผาให้สลายไป [13] แต่ว่าตามพระสัญญาของพระองค์นั้น เราจึงคอยท้องฟ้าอากาศใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่
https://bible.com/bible/275/2pe.3.11-13.TH1971
พัฒนาตัวเอง
ข่าวรอบโลก
ความรู้รอบตัว
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย