19 ม.ค. เวลา 05:19 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

วิชามาร การตลาดหนังตรุษจีน

มังกรหยก กับ ห้องสิน เจอหนักสุด
8 วันอันตรายช่วงตรุษจีนกับการแข่งขันทำเงินของหนังเต็งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในวงการหนังจีนก็ว่าได้ เพราะแม้จะมีโรงฉายนับแสนจอ มีหนังลงชิงชัยไม่กี่เรื่องก็ตาม แต่จอฉายนับแสนใช่ว่าจะเพียงพอ หนังหลายเรื่องยังต้องแย่งโรงฉายกันอย่างอุตลุด ทำให้สตูดิโอต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อสร้างหนังที่ดึงดูดผู้ชม และพยายามแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงพื้นที่โรงฉาย
ในปี 2025 มีหนังภาคต่อ 4 เรื่องระดับเป้งๆ ทั้งนั้น รวมถึงผลงานที่ได้รับการคาดหวังสูงอย่าง มังกรหยก ทำให้การต่อสู้เพื่อครองตารางรอบฉายกลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
การแข่งขันในตลาดภาพยนตร์ช่วงตรุษจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโปรโมตผลงาน แต่ยังขยายไปถึงการใช้ “วิชามาร” หรือกลยุทธ์ที่ไม่โปร่งใส หนังมังกรหยกของฉีเคอะซึ่งนำแสดงโดยเซียวจ้าน นักแสดงที่มีฐานแฟนคลับมหาศาล ทั้งที่แทบจะยังไม่มีใครได้ชมหนังเรื่องนี้เลย แต่ตัวหนังก็มีคนออกมาพูดถึงในแง่ลบโดยเฉพาะทางด้านดาราและเรื่องอื่นๆเพื่อดิสเครดิตในสื่อโซเชียล
มีการเปิดเผยว่ากลุ่มคนรับจ้างโพสต์รีวิวลบสามารถทำเงินได้ 2 หยวน (ประมาณ 10 บาท) ต่อหนึ่งโพสต์ และจะได้รับโบนัสสูงถึง 20 หยวน หากโพสต์นั้นได้รับความนิยมเกิน 500 ไลก์
เป้าหมายหลักของการโจมตีครั้งนี้คือ การสร้างความกังวลเกี่ยวกับตัวเนื้อหาของหนัง รวมถึงลดความเชื่อมั่นในตัวนักแสดง และฐานแฟนคลับ
แม้ว่าค่าจ้างในการโพสต์รีวิวลบจะดูน้อยนิด แต่ผลกระทบที่ตามมากลับไม่เล็กน้อยอย่างที่คิด ในวงการที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ การเสียพื้นที่เล็กน้อยในตลาดให้กับคู่แข่งอาจหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาล การโจมตีแบบนี้จึงไม่ได้เพียงแค่ทำลายภาพลักษณ์ของหนังเรื่องหนึ่ง แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคู่แข่งที่ต้องการครองพื้นที่โรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์ที่แยบยลกว่า อย่างเช่นการเผยแพร่ข่าวลือเชิงไสยศาสตร์เพื่อดิสเครดิตภาพยนตร์เรื่อง ห้องสิน ภาค 2 Fengshen Part 2: War in Xiqi ด้วยข้อความที่ว่า "ห้ามดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในช่วงตรุษจีน เพราะจะกระทบเทพเจ้าโชคลาภ" แม้วิธีนี้จะดูน่าขันในสายตาหลายคน แต่สำหรับผู้ชมบางกลุ่มในสังคมจีนที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อและโชคลาง ข่าวลือดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเลือกดูหนังของพวกเขา ขณะเดียวกันด้วยเงินจำนวนพอๆ กับก็สามารถจ้างให้คนพูดถึงหนังของตนในเชิงบวกได้เช่นกัน
สงครามแย่งชิงพื้นที่โรงฉายไม่ได้หยุดอยู่แค่วันเปิดตัว แต่ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงช่วงสามวันแรกของเทศกาล ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาชี้ชะตาของภาพยนตร์แต่ละเรื่อง หากเรื่องใดสามารถดึงดูดผู้ชมได้มากที่สุดในช่วงนี้ ย่อมได้รับการจัดรอบฉายเพิ่มเติม นั่นหมายความว่าการลงทุนใน "วิชามาร" ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีคู่แข่งหรือสร้างกระแสให้กับตัวเอง ก็ล้วนมุ่งไปที่เป้าหมายเดียวกันคือ การครองตารางรอบฉายให้ได้มากที่สุด
แม้ว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะดูเหมือนเป็นการเล่นเกมนอกกติกา แต่ในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันแบบไร้ปรานีเช่นนี้ การถูกลืมหรือไม่ถูกพูดถึงเลยต่างหากคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ซึ่งหนังบางเรื่องประกาศสู้ศึกตรุษจีนกลับไร้การพูดถึง หนังเหล่านี้ถึงกับประกาศถอนตัวเลื่อนฉายไปอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะการให้คนวิจารณ์เชิงลบก็ยังสร้างการรับรู้ได้มากกว่าไม่มีใครพูดถึง
และอย่างน้อยก็ยังแสดงให้เห็นว่าหนังสองเรื่องที่ถูกแช่งชักหักกระดูก ยังคง
"อยู่ในเส้นทาง"
โฆษณา