19 ม.ค. เวลา 08:08 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

บ.Bomber ทอ.Mitsubishi Ki-21 หรือ "Sally" เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลาง

ของกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ที่ได้รับการออกแบบและผลิตโดย Mitsubishi Heavy Industries โดยได้รับชื่อรหัสจากฝ่ายสัมพันธมิตรว่า "Sally"
ประวัติสำคัญของ Ki-21 ในบริบทกองทัพอากาศไทย (บ.ท.๔):
1. การเข้าประจำการในกองทัพอากาศไทย:
Ki-21 ถูกนำมาใช้โดยกองทัพอากาศไทยในชื่อ "บ.ท.๔" (ย่อมาจากเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ 4) โดยได้รับมอบมาหลังจากช่วงปี พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) ในช่วงสงครามอินโดจีนไทย-ฝรั่งเศส
2. บทบาทในสงคราม:
เครื่องบิน บ.ท.๔ ถูกใช้งานในการปฏิบัติการทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์และสนับสนุนการรบ โดยเฉพาะในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน การใช้งานช่วยสร้างความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ให้กับกองทัพไทยในช่วงนั้น
3. สมรรถนะ:
เครื่องยนต์: Mitsubishi Ha-5 หรือ Ha-101 (เครื่องยนต์รัศมี)
พิสัยบิน: ประมาณ 2,700 กิโลเมตร
ความเร็วสูงสุด: ประมาณ 450 กม./ชม.
อาวุธ: บรรทุกระเบิดได้สูงสุด 750 กิโลกรัม พร้อมปืนกลป้องกันตัว
4. ช่วงสิ้นสุดการใช้งาน:
Ki-21 ถูกใช้งานในกองทัพอากาศไทยจนถึงปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) เมื่อเทคโนโลยีและยุทธศาสตร์การบินพัฒนาขึ้น บทบาทของ บ.ท.๔ จึงลดลงและถูกปลดระวางในที่สุด
5. มรดกทางประวัติศาสตร์:
ปัจจุบัน Ki-21 หรือ บ.ท.๔ เป็นหนึ่งในเครื่องบินที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศไทย และได้รับการจัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศไทย เพื่อรำลึกถึงยุคแห่งการพัฒนาศักยภาพด้านการบินของประเทศ
โมเดลขนาด 1/144 ของ Ki-21 จึงเป็นที่สนใจของนักสะสมและผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์การบิน รวมถึงสะท้อนภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิดในยุคสงครามที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
Ki-21
Mitsubishi Ki-21 ("Sally") หรือ บ.ท.๔ ที่กองทัพอากาศไทยใช้งานในช่วงปี 2484-2492 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดกลางที่ต้องอาศัยลูกเรือทั้งหมด 5-6 คน ต่อหนึ่งภารกิจ โดยแต่ละคนมีหน้าที่เฉพาะดังนี้:
หน้าที่ของลูกเรือใน Ki-21
  • ​นักบิน (Pilot)
  • ​รับผิดชอบการควบคุมเครื่องบิน
  • ​นำทางไปยังเป้าหมายและหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีจากศัตรู
  • ​ทำงานร่วมกับผู้ช่วยนักบินในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ
  • ​นักบิน (Pilot)
  • ​รับผิดชอบการควบคุมเครื่องบิน
  • ​นำทางไปยังเป้าหมายและหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีจากศัตรู
  • ​ทำงานร่วมกับผู้ช่วยนักบินในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือ
  • ​ผู้ช่วยนักบิน (Co-Pilot)
  • ​ช่วยนักบินควบคุมเครื่องบินในระหว่างการบิน
  • ​ตรวจสอบเครื่องยนต์และเครื่องมือบนเครื่องบิน
  • ​ทำหน้าที่สำรองหากนักบินหลักไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
  • ​ผู้ช่วยนักบิน (Co-Pilot)
  • ​ช่วยนักบินควบคุมเครื่องบินในระหว่างการบิน
  • ​ตรวจสอบเครื่องยนต์และเครื่องมือบนเครื่องบิน
  • ​ทำหน้าที่สำรองหากนักบินหลักไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
  • ​นักทิ้งระเบิด (Bombardier)
  • ​คำนวณและปล่อยระเบิดเมื่อถึงตำแหน่งเป้าหมาย
  • ​ใช้อุปกรณ์เล็งระเบิด (bombsight) เพื่อความแม่นยำในการโจมตี
  • ​ทำงานร่วมกับนักบินและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เพื่อให้การโจมตีบรรลุเป้าหมาย
  • ​นักทิ้งระเบิด (Bombardier)
  • ​คำนวณและปล่อยระเบิดเมื่อถึงตำแหน่งเป้าหมาย
  • ​ใช้อุปกรณ์เล็งระเบิด (bombsight) เพื่อความแม่นยำในการโจมตี
  • ​ทำงานร่วมกับนักบินและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ เพื่อให้การโจมตีบรรลุเป้าหมาย
  • ​ช่างวิทยุ (Radio Operator)
  • ​ดูแลการสื่อสารระหว่างเครื่องบินกับฐานทัพหรือหน่วยอื่น
  • ​รับส่งข้อความและคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
  • ​ตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • ​ช่างวิทยุ (Radio Operator)
  • ​ดูแลการสื่อสารระหว่างเครื่องบินกับฐานทัพหรือหน่วยอื่น
  • ​รับส่งข้อความและคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
  • ​ตรวจสอบอุปกรณ์สื่อสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • ​พลปืนท้าย (Rear Gunner)
  • ​รับผิดชอบการป้องกันด้านหลังของเครื่องบิน
  • ​ใช้ปืนกลป้องกัน (เช่น ปืนกล 7.7 มม. หรือ 12.7 มม.) เพื่อต่อสู้กับเครื่องบินข้าศึกที่เข้ามาโจมตี
  • ​ทำงานร่วมกับพลปืนด้านอื่น ๆ เพื่อคุ้มครองเครื่องบิน
  • ​พลปืนท้าย (Rear Gunner)
  • ​รับผิดชอบการป้องกันด้านหลังของเครื่องบิน
  • ​ใช้ปืนกลป้องกัน (เช่น ปืนกล 7.7 มม. หรือ 12.7 มม.) เพื่อต่อสู้กับเครื่องบินข้าศึกที่เข้ามาโจมตี
  • ​ทำงานร่วมกับพลปืนด้านอื่น ๆ เพื่อคุ้มครองเครื่องบิน
  • ​พลปืนหอคอย (Dorsal Gunner) (บางภารกิจอาจรวมตำแหน่งนี้)
  • ​ป้องกันการโจมตีจากด้านบนของเครื่องบิน
  • ​ใช้ปืนกลที่ติดตั้งในหอคอยปืนหรือบริเวณหลังคาเครื่องบิน
  • ​พลปืนหอคอย (Dorsal Gunner) (บางภารกิจอาจรวมตำแหน่งนี้)
  • ​ป้องกันการโจมตีจากด้านบนของเครื่องบิน
  • ​ใช้ปืนกลที่ติดตั้งในหอคอยปืนหรือบริเวณหลังคาเครื่องบิน
  • ​การทำงานร่วมกันของลูกเรือ
  • ​ภารกิจของ Ki-21 เน้นการทำงานเป็นทีมเพื่อให้การโจมตีประสบความสำเร็จและเครื่องบินสามารถกลับฐานได้อย่างปลอดภัย
  • ​นักบินและผู้ช่วยนักบินควบคุมเครื่องบินและนำทาง
  • ​นักทิ้งระเบิดประสานกับนักบินเพื่อปล่อยระเบิดในจังหวะที่เหมาะสม
  • ​พลปืนและช่างวิทยุช่วยสนับสนุนการป้องกันเครื่องบินและดูแลการสื่อสาร
  • ​ความสามัคคีและการฝึกฝนที่ดีของลูกเรือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ภารกิจประสบความสำเร็จ.
Mitsubishi Ki-21 ("Sally") หรือ บ.ท.๔ ของกองทัพอากาศไทย ถูกใช้ในภารกิจทิ้งระเบิดและโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในช่วงสงครามอินโดจีนไทย-ฝรั่งเศส (พ.ศ. 2483-2484) และบางช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีเป้าหมายสำคัญที่ทำลายได้สำเร็จดังนี้:
1. เป้าหมายทางทหาร
  • ​ฐานทัพและค่ายทหารฝรั่งเศสในอินโดจีน:
  • ​บ.ท.๔ ถูกใช้โจมตีฐานทัพและจุดรวมกำลังทหารฝรั่งเศสในอินโดจีน เช่น บริเวณใกล้ชายแดนไทย-ลาว และพื้นที่เวียดนามตอนเหนือ
  • ​เป้าหมาย: ทำลายคลังเสบียง, อาวุธ, และกดดันข้าศึกให้ล่าถอย
  • ​ผลลัพธ์: การโจมตีเหล่านี้ช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับกองทัพไทยในการเจรจาสันติภาพ
  • ​ฐานทัพและค่ายทหารฝรั่งเศสในอินโดจีน:
  • ​บ.ท.๔ ถูกใช้โจมตีฐานทัพและจุดรวมกำลังทหารฝรั่งเศสในอินโดจีน เช่น บริเวณใกล้ชายแดนไทย-ลาว และพื้นที่เวียดนามตอนเหนือ
  • ​เป้าหมาย: ทำลายคลังเสบียง, อาวุธ, และกดดันข้าศึกให้ล่าถอย
  • ​ผลลัพธ์: การโจมตีเหล่านี้ช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับกองทัพไทยในการเจรจาสันติภาพ
  • ​2. โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
  • ​สะพานและเส้นทางขนส่ง:
  • ​บ.ท.๔ ถูกใช้ทำลายสะพานและเส้นทางรถไฟที่ข้าศึกใช้ในการลำเลียงกำลังและอาวุธ
  • ​เป้าหมาย: ตัดเส้นทางสนับสนุนของศัตรูในพื้นที่ยุทธศาสตร์
  • ​ผลลัพธ์: การโจมตีทำให้ข้าศึกประสบปัญหาในการส่งกำลังบำรุง
  • ​สะพานและเส้นทางขนส่ง:
  • ​บ.ท.๔ ถูกใช้ทำลายสะพานและเส้นทางรถไฟที่ข้าศึกใช้ในการลำเลียงกำลังและอาวุธ
  • ​เป้าหมาย: ตัดเส้นทางสนับสนุนของศัตรูในพื้นที่ยุทธศาสตร์
  • ​ผลลัพธ์: การโจมตีทำให้ข้าศึกประสบปัญหาในการส่งกำลังบำรุง
  • ​3. สนามบินและเครื่องบินข้าศึก
  • ​สนามบินของฝรั่งเศสในอินโดจีน:
  • ​การโจมตีสนามบินช่วยลดศักยภาพของฝรั่งเศสในการตอบโต้ทางอากาศ
  • ​เป้าหมาย: ทำลายเครื่องบินที่จอดอยู่และสร้างความเสียหายให้กับรันเวย์
  • ​ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงของการโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่ไทย
  • ​สนามบินของฝรั่งเศสในอินโดจีน:
  • ​การโจมตีสนามบินช่วยลดศักยภาพของฝรั่งเศสในการตอบโต้ทางอากาศ
  • ​เป้าหมาย: ทำลายเครื่องบินที่จอดอยู่และสร้างความเสียหายให้กับรันเวย์
  • ​ผลลัพธ์: ลดความเสี่ยงของการโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่ไทย
  • ​4. การสนับสนุนการปฏิบัติการภาคพื้นดิน
  • ​บ.ท.๔ ยังถูกใช้ในบทบาทสนับสนุนทหารราบและทหารม้า โดยทำลายแนวป้องกันของข้าศึก
  • ​เป้าหมาย: การเสริมกำลังให้กับหน่วยรบภาคพื้นดินของไทยในพื้นที่ที่มีการปะทะ
  • ​ผลลัพธ์: ช่วยให้การบุกยึดพื้นที่สำเร็จได้ง่ายขึ้นบ.ท.๔ ยังถูกใช้ในบทบาทสนับสนุนทหารราบและทหารม้า โดยทำลายแนวป้องกันของข้าศึก
  • ​เป้าหมาย: การเสริมกำลังให้กับหน่วยรบภาคพื้นดินของไทยในพื้นที่ที่มีการปะทะ
  • ​ผลลัพธ์: ช่วยให้การบุกยึดพื้นที่สำเร็จได้ง่ายขึ้น
  • ​ความสำเร็จเชิงยุทธศาสตร์
  • ​การใช้ บ.ท.๔ ในการโจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์เหล่านี้ช่วยให้ไทยสามารถป้องกันอธิปไตยในช่วงที่มีความขัดแย้งกับฝรั่งเศส รวมถึงแสดงศักยภาพของกองทัพอากาศไทยในยุคนั้น โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างหน่วยบินและหน่วยรบภาคพื้นดิน.
  • ​อย่างไรก็ตาม บ.ท.๔ ไม่ได้ใช้ในการโจมตีเป้าหมายขนาดใหญ่นอกภูมิภาค และภารกิจส่วนใหญ่ของเครื่องบินนี้มุ่งเน้นในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPt และ ภาพพี่ไพบูลย์มากครับ
โฆษณา