19 ม.ค. เวลา 08:45 • ความคิดเห็น

สูตรสุดสำคัญในโลกที่สุดผันผวน

วันก่อน แมค สุนาถ CEO แห่งบริษัท Accenture Song ประเทศไทยมาเล่างานวิจัยเรื่อง Life Trend 2025 ที่ Accenture ทำทั่วโลกให้ฟังที่ HOW Club ว่าปีที่จะถึงนี้ มี เทรนด์อะไรที่สำคัญที่สุด
เทรนด์แรกของโลกที่เขาเล่าถึงก็คือ “Cost of hesitation”
ความหมายของเทรนด์นี้ก็คือผู้คนทั่วโลกลังเลสับสนมากขึ้นมากว่าอะไรหรือจริง อะไรคือปลอม ยิ่งตั้งแต่ AI เก่งกาจสามารถจนสร้าง deep fake ปลอมโน่นนี่จนแยกไม่ออก บ้านเราก็โดนคอลล์เซนเตอร์หลอกกันกระหน่ำจากข้อมูลที่รั่วไหลแล้วเอามาใช้จนหลายคนหลงเชื่อ พวกแพลตฟอร์มก็ส่งโฆษณามาให้เราดูตลอดเวลา ไปอ่านรีวิวก็แยกยากว่าเหล่าอินฟลูที่รีวิวไม่ว่าจะเป็นหนัง อาหาร โรงแรม รับตังค์มารีวิวหรือให้ความเห็นจริงๆ สลิปโอนเงินก็ไม่รู้โอนจริงหรือปลอม ไม่นับของก๊อปเกรดเอที่แยกไม่ออกอีก
นี่คือเทรนด์อันดับหนึ่งที่ผู้คนกังวลสงสัยกับสิ่งที่เห็น ที่ได้ยินกันมากขึ้นเรื่อยๆในโลก…
เวลาพี่เตา บรรยง พงษ์พานิช บรรยายหรือให้ข้อมูลในเรื่องต่างๆ พี่เตามักจะพูดตบท้ายว่าต้องใช้กาลามสูตรประกอบการฟังไปด้วยนะ อย่าเชื่อเลยซะทีเดียว ผมได้ยินเผินๆถึงกาลามสูตรมาก่อนหน้านี้ แต่พอพี่เตาพูดก็เลยไปอ่านเพิ่มเติมได้ใจความว่า กาลามสูตรนั้นเกิดจากเมื่อครั้งพระพุทธเจ้าเดินทางไปแคว้นโกศล แล้วได้พบกับชาวกาลามะซึ่งกำลังสับสนกับลัทธิต่างๆที่กำลังแข่งขันอย่างหนัก
ในแคว้นนั้น มีหกลัทธิใหญ่ที่ต่างคนนอกจากจะพยายามชักชวนจนถึงอวดอ้างให้ชาวบ้านมาเข้าลัทธิตนแล้ว ก็ยังดูถูกดูหมิ่นใส่ร้ายลัทธิอื่นอีกด้วย ชาวกาลามะจึงทูลถามพระพุทธเจ้าว่าจะเชื่อใครดี จะรู้ได้อย่างไรว่าใครพูดจริงหรือพูดเท็จ
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่าให้ควรเชื่อใคร ทำตามคำสอนลัทธิไหน แต่ทรงให้ถือหลัก 10 ข้อซึ่งภายหลังเรียกว่ากาลามสูตร ซึ่งก็คือ
1 อย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามๆกันมา
2 อย่าปลงใจเชี่อด้วยการถือสืบๆกันมา
3 อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
4 อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5 อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรรกะ
6 อย่าปลงใจเชื่อเพราะการอนุมาน
7 อย่าปลงใจเชื่อเพราะการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8 อย่าปลงใจเชื่อเพราะเข้ากันได้กับทฤษฏีที่พินิจไว้แล้ว
9 อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10 อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
พอฟัง Accenture life trend 2025 ข้อแรก หลักกาลามสูตรก็ปิ๊งแว้บขึ้นมาในหัว พออ่านกาลามสูตรข้อแรกว่าอย่าปลงใจเชื่อด้วยการฟังตามๆ กันมา ก็นึกถึงเรื่องนี้ต่อ…
พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ สุดยอดนักคิดร่วมสมัยของไทย เคยเล่าถึงการทดลองครั้งหนึ่งที่ผู้ทดลองนำลิงหกตัวเข้าไปอยู่ในห้องทดลอง ตรงกลางห้องมีบันไดขึ้นไปสูงเกือบถึงเพดาน และเพดานนั้นมีช่องห้อยของเปิดปิดได้ พอลิงหกตัวเข้าไปอยู่ซักพัก ผู้ทดลองก็ห้อยกล้วยลงมาจากเพดาน
ลิงเห็นกล้วยก็รีบแย่งกันปีนขึ้นไป พอใกล้จะแตะกล้วย ก็เกิดมีน้ำเย็นเฉียบฉีดไปทั่วห้อง โดนทั้งลิงที่อยู่บนบันไดและที่อยู่ให้ห้อง ลิงต่างก็ตกใจและทรมานด้วยความหนาวจากน้ำเย็นจัด ลองอีกครั้งก็เป็นแบบนั้น ซักพักลิงทุกตัวก็ไม่มีตัวไหนกล้าปีนบันไดอีก ซักพักผู้ทดลองก็เก็บกล้วยไปเหลือแต่บันไดเปล่าๆ
ผู้ทดลองเริ่มเปลี่ยนเอาลิงออกไปหนึ่งตัว พอตัวใหม่เข้ามาเห็นบันได พอเดินเข้าไปใกล้ทำท่าว่าจะปีนเล่น ลิงที่เหลืออีกห้าตัวก็รีบพุ่งเข้าไปทั้งโวยวาย ทั้งกัด ทั้งข่วนไม่ให้ตัวใหม่ปีนบันได ลิงตัวใหม่ก็ไม่กล้าปีนอีกเลย
ผู้ทดลองค่อยๆเปลี่ยนลิงที่เคยเห็นกล้วยออกไปทีละตัวจาก หนึ่งเป็นสองสามสี่ห้า จนกลายเป็นลิงหกตัวที่ไม่เคยเห็นกล้วย แต่เมื่อไรก็ตามพอมีลิงตัวใหม่เข้ามาและพยายามปีนบันได ทุกตัวก็จะแยกเขี้ยว ขู่คำราม ฉุด ข่วน กัด เพื่อไม่ให้ตัวใหม่แตะบันได โดยที่ไม่ได้รู้ ไม่เคยเห็นว่าก่อนหน้านี้มีกล้วย ไม่เคยโดนน้ำเย็นจัดใดๆ เป็นแค่กรอบลวงตาที่ขีดไว้ต่อๆกันมา บอกตามกันมา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง…
ในเรื่องราวที่สับสนหลายเรื่องที่เกิดจากข้อมูลล้นเกินในโลกแห่งโซเชียลมีเดียและการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้พูดที่จริงบ้างเท็จบ้าง และเกิดขึ้นอย่างมากมายในยุคนี้สมัยนี้ก็ไม่ได้ต่างจากชาวกาลามะที่สับสนจนต้องถามพระพุทธเจ้าในครั้งนั้น หรือแม้แต่การตั้งคำถามของการทำธุรกิจในยุค disruption หรือยุคหลังโควิด ว่าสิ่งที่เคยเป็นเคยทำต่อๆ กันมานั้นจะยังใช้ได้อยู่หรือไม่
สูตรที่พระพุทธเจ้าสอนชาวกาลามะจึงน่าจะเป็นสูตรที่กลับมามีประโยชน์ที่สุดในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าผู้พูดจะน่าเชื่อถือแค่ไหน หรือตรงกับจริตเราแค่ไหน ไม่ว่าของตรงหน้าจะดูจริงแค่ไหน หรือชาวเน็ตจะตัดสินใครว่าผิดหรือถูก แม้กระทั่งคำตอบของ AI ที่ดูน่าเชื่อถือแต่มั่วก็เยอะ
ก่อนตกลงปลงใจเชื่ออะไร นึกถึงสูตรของพระพุทธเจ้าดูก่อนที่จะตามรอยอินฟลู กดโอนเงินให้ใครที่ไม่รู้จัก ให้ข้อมูลเว็บที่ดูน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่ตามไปถล่มด่าคนตามเพจส่วนตัวต่างๆอันเป็นบาปกรรมติดตัวแค่เพียงเพราะโมโหตามกระแสโซเชียล….
ถ้านึกอะไรไกลไม่ออก ให้นึกถึงเคสคนดังที่เกิดขึ้นวันสองวันนี้ก็จะเข้าใจหลักกาลามสูตรได้ดีเลยล่ะครับ…..
โฆษณา