19 ม.ค. เวลา 13:28 • ข่าวรอบโลก

ตอนที่ 3: เส้นทางการสืบสวน – การเปิดโปงความจริง

การจับกุมซามูเอล ลิตเติลในปี 2012 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงความจริงที่สังคมและเจ้าหน้าที่มองข้ามมานานหลายปี คดีนี้เริ่มต้นจากการที่เขาถูกจับในข้อหายาเสพติดในลอสแอนเจลิส แต่หลักฐานดีเอ็นเอได้เชื่อมโยงเขากับคดีฆาตกรรมที่ยังไม่คลี่คลายในช่วงปี 1987 ถึง 1989 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
ซามูเอล ลิตเติล ขณะอยู่ในศาลระหว่างการพิจารณาคดีในปี 2012 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดโปงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องจำนวนมากที่เขาก่อขึ้นในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
บทบาทของเทคโนโลยี
1. การตรวจสอบดีเอ็นเอ
เทคโนโลยีดีเอ็นเอที่ทันสมัยช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเชื่อมโยงหลักฐานจากสถานที่เกิดเหตุกับตัวซามูเอล ลิตเติล แม้ว่าคดีเหล่านี้จะเกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษ
2. ฐานข้อมูลระดับประเทศ
ฐานข้อมูล CODIS (Combined DNA Index System) ของ FBI มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เจ้าหน้าที่ระบุความเชื่อมโยงระหว่างคดีในรัฐต่างๆ
การสารภาพ
ในระหว่างการสอบสวน ซามูเอล ลิตเติลได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อแต่ละรายที่เขาสังหาร โดยให้รายละเอียดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับลักษณะของเหยื่อ สถานที่เกิดเหตุ และวิธีการก่อเหตุ นอกจากนี้ เขายังวาดภาพเหมือนของเหยื่อแต่ละรายจากความทรงจำ ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการระบุเหยื่อที่ยังไม่มีชื่อ
ซามูเอล ลิตเติล นั่งข้างทนายความของเขาระหว่างการพิจารณาคดีในศาล สะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินเพื่อเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการกระทำอันโหดเหี้ยมของเขา
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
คดีของลิตเติลแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานตำรวจในระดับท้องถิ่น รัฐ และรัฐบาลกลาง เจ้าหน้าที่จากหลายรัฐได้ร่วมมือกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและหลักฐานที่ช่วยให้สามารถคลี่คลายคดีได้มากขึ้น
การเปิดเผยเหยื่อเพิ่มเติม
1. กระบวนการระบุเหยื่อ
ภาพวาดของลิตเติลถูกเผยแพร่ผ่านสื่อและเว็บไซต์ของ FBI เพื่อขอความช่วยเหลือจากสาธารณชนในการระบุเหยื่อ
2. จำนวนเหยื่อที่เพิ่มขึ้น
จากการสอบสวนและคำสารภาพ พบว่าจำนวนเหยื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 93 ราย ทำให้เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
การสืบสวนคดีของซามูเอล ลิตเติลเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการเปิดโปงฆาตกรที่อาศัยช่องว่างของระบบกฎหมาย การเปิดเผยเหยื่อและรายละเอียดของคดีช่วยให้ครอบครัวของเหยื่อได้รับความยุติธรรมและสังคมตระหนักถึงความสำคัญของการไม่ละเลยต่อผู้ด้อยโอกาส
ในตอนถัดไป เราจะสำรวจผลกระทบของคดีนี้ต่อกระบวนการยุติธรรมและบทเรียนที่เจ้าหน้าที่ได้รับจากคดีที่สะเทือนขวัญนี้
📚 References
1
FBI – Samuel Little: Confessions of a Killer
ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการสืบสวนและการจับกุมซามูเอล ลิตเติล รวมถึงบทบาทของเทคโนโลยีดีเอ็นเอและฐานข้อมูล CODIS
CNN – Samuel Little: America’s Most Prolific Serial Killer
รายละเอียดเกี่ยวกับการเชื่อมโยงคดีด้วยเทคโนโลยีและคำสารภาพของลิตเติลที่ช่วยในการระบุเหยื่อ
1
BBC News – Samuel Little: FBI Confirms Most Prolific US Serial Killer
บทบาทของ FBI และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับคดีนี้
The Guardian – How DNA Technology Caught America’s Most Dangerous Serial Killer
รายงานเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอและฐานข้อมูลในการเชื่อมโยงคดี
New York Times – Samuel Little’s Confessions Open Doors to Justice
การวิเคราะห์คำสารภาพของลิตเติลและความสำคัญของการใช้คำให้การในการระบุเหยื่อ
Los Angeles Times – The Role of DNA in Solving Cold Cases
บทความที่เน้นบทบาทของดีเอ็นเอและเทคโนโลยีในการช่วยแก้คดีฆาตกรรมที่ยังไม่คลี่คลาย
ABC News – How Samuel Little’s Confessions Solved Decades-Old Cases
รายละเอียดเกี่ยวกับการสอบสวนและคำสารภาพที่ช่วยเปิดโปงคดีเก่า
Biography – Samuel Little: How a Serial Killer Went Undetected for Decades
ประวัติและกระบวนการสืบสวนที่ช่วยเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับซามูเอล ลิตเติล
Washington Post – Inside the Investigation of Samuel Little’s Murders
บทความที่อธิบายถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและการตรวจสอบคดีที่ล่าช้า
Time – How FBI’s Technology Solved the Samuel Little Case
การใช้เทคโนโลยีและภาพวาดในการสืบสวนและระบุเหยื่อ
โฆษณา