เมื่อวาน เวลา 14:46 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นไทย กลับสู่ความเป็นจริง อีกครั้ง จากปรากฏการณ์ DELEVERAGE

1. ในรูปนี้คือ ดัชนีหุ้น SET กับ mai ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
2. ใครลงทุนใน SET ไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยจะ -20%
6
3. แต่ที่น่าสนใจคือ ใครลงทุนในหุ้น mai ไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยจะ -60%
1
4. SET เป็นที่อยู่ของบริษัทที่ใหญ่ ส่วน mai เป็นที่อยู่ของบริษัทเล็ก โดยปกติแล้ว P/E (ราคาต่อกำไร) เฉลี่ยของ mai จะสูงกว่า SET เสมอมา เพราะตลาดจะคาดหวังการเติบโตของบริษัทใน mai ที่มากกว่า
2
5. ดังนั้นในยามที่ตลาดดี mai ก็จะขึ้นแรงกว่า SET ส่วนในยามที่ตลาดแย่ mai ก็จะตกแรงกว่า SET
6. ดังนั้นก็จะเห็นได้ว่าในช่วง 3 ปีนี้ หุ้นของบริษัทที่อยู่ mai ตกลงมาแรงมาก เพราะเป็นช่วงแย่ของตลาดหุ้นไทยโดยรวม
7. ย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้ว เมื่อดูความจริง ตลาดหุ้นไทยทั้ง SET และ mai ไม่ได้มีราคาถูก ซึ่งลงทุนแมนมองเห็นเรื่องนี้มานานแล้ว และพูดอยู่เสมอให้ลองมองโอกาสในการลงทุนหุ้นต่างประเทศ เช่น การจัดงานอิเวนต์ลงทุนนอก ให้คนเข้าใจในการลงทุนต่างประเทศกันมากขึ้น
2
8. ตอนนั้นบางคนบอกว่าตลาดหุ้นอเมริกาเป็นพรีเมียร์ลีก เราไม่ทางที่จะเอาชนะตลาดที่มีแต่นักลงทุนเก่ง ๆ ที่ competitive แบบนั้นได้
9. เมื่อเวลาผ่านไป คนไทยคงเข้าใจกันมากขึ้นว่า การได้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในบางครั้งไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับใคร ถ้าบริษัทมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ก็ลงทุนได้
2
10. ดังนั้นการเหมารวมทั้งหมด "ทั้งตลาดหุ้น" ของประเทศนั้น ว่าน่าลงทุนหรือไม่ ดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดที่แคบเกินไป
1
11. ย้อนกลับมาที่สภาพตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ ก็เช่นกัน บางคนบอกว่าให้หนีออกจากตลาดหุ้นไทย ไปลงหุ้นนอกให้หมด มันจะเป็นความคิดที่ "เหมารวม" และควรลองคิดให้รอบ
2
12. โดยเฉพาะการร่วงลงของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้มุ่งเป้าไปที่บริษัทขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่อยู่ในตลาด mai และ SET คุณลักษณะที่คล้ายกันก็คือ
- เป็นหุ้นที่มีมูลค่าบริษัท ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท
- เป็นหุ้นที่ผู้ก่อตั้งกิจการยังถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท
1
13. คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะบอกว่า สาเหตุของการลงรอบนี้ก็คือ ความกังวล เรื่องการจำนำหุ้นแล้วถูกบังคับขาย จึงทำให้ทั้งนักลงทุนทั่วไปขายหุ้นออกมาก่อน และคนที่จำนำหุ้นเดิมกลัวจะถูกบังคับขาย จึงขายหุ้นอื่น ๆ ออกมาด้วยเช่นกันเพื่อลดการกู้เงินของตัวเอง
2
14. สรุปก็คือ ตลาดหุ้นไทย กำลังถูก "DELEVERAGE" ของทั้งตลาดที่ลดการซื้อหุ้นด้วยเงินกู้อย่างชัดเจน ซึ่งปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการเร่งขายหุ้นออกมา และจะกระทบกลุ่มหุ้นขนาดเล็กและขนาดกลางที่มีสภาพคล่องน้อย ไม่สามารถดูดซับแรงขายนี้ได้
5
15. และนั่นก็เป็นสาเหตุทำให้ ตลาด mai ตกลงมาแรงกว่า SET ในช่วงที่ผ่านมา บางบริษัทตกลงมา -20% ถึง -50% ภายในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้ว่ายังไม่มีการบังคับขายเกิดขึ้นที่หุ้นนั้นก็ตาม..
3
16. เรียกได้ว่า นักลงทุนหลายคนกำลังยอมตัดขาดทุน ยอมให้หุ้นเสียราคา ดีกว่าเสียหมดตัวจากการถูกบังคับขายเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นหลายรายที่โดนไปก่อนหน้านี้
5
17. ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเจอกับ ภาวะโลก 2 ใบ กล่าวคือ ”หุ้นราคาถูกแต่กิจการไม่น่าสนใจ แต่หุ้นน่าสนใจกลับมีราคาแพง“
3
18. ในตอนนี้หุ้นน่าสนใจราคาแพงหลายตัวกำลังถูกปรากฏการณ์พายุ DELEVERAGE ซัดอย่างหนัก บางตัวลงมาต่ำเท่าตอนเกิดวิกฤติล็อกดาวน์ บางตัวลงต่ำกว่าตอนนั้นเสียอีก
3
19. เรียกได้ว่า ระดับ Valuation ของตลาดประมาณนี้ ลงทุนแมนนึกถึงตอนยุค 10 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ตลาดหุ้นโดยรวมยังไม่แพงไปนัก
1
20. แน่นอนว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยยังไม่ดี และหลายบริษัทก็ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้น แต่อย่างที่ได้อธิบายไป การดูแบบ "เหมารวม" เป็นวิธีคิดที่แคบเกินไป
4
21. เพราะมีบริษัทไทยจำนวนไม่น้อยที่รายได้ยังเติบโตในเวลานี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ไม่ดี แต่ราคาหุ้นของมันกลับตกต่ำเพราะโดนการ DELEVERAGE ของตลาดเข้าไปด้วย
3
22. ทำให้ภาวะโลก 2 ใบ กำลังขยับเข้าใกล้กันเรื่อย ๆ จนเกือบจะกลับมาเหลือเพียงใบเดียว หุ้นน่าสนใจราคาแพงที่เคยมองข้ามไป หลายตัวกลับมาน่าดึงดูดอีกครั้ง
2
23. คำว่า "ฤดูที่แตกต่าง" ยังใช้ได้เสมอ.. เมื่อเวลาที่ฝนจาง ฟ้าก็คงสว่าง และทำให้มันคุ้มค่าที่เฝ้ารอ
2
ถึงแม้ว่าตอนนี้ลงทุนแมนก็ยังมองว่าการกระจายไปลงทุนหุ้นนอกเป็นสิ่งสำคัญมาก
2
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ช่วงนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่ลงทุนแมนพบ "หุ้นไทยที่น่าสนใจ ที่มีราคาไม่แพงไป" มีจำนวนมากขึ้น จนไม่แพ้ หุ้นนอก เลย..
3
โฆษณา