19 ม.ค. เวลา 15:00 • ปรัชญา

ความสัมพันธ์แบบพิเศษใส่ไข่กับการตั้งชื่อ

มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนมีสิ่งของถือครองอยู่ทั่วร่างกาย แม้บางคนอาจจะไม่เหลือทรัพย์สินที่เป็นสิ่งของในรูปแบบของรูปธรรม แต่พวกเขายังคงถือสิ่งของเป็นนามธรรมอย่างชื่อเสียงเรียงนาม ประสบการณ์ และความทรงจำ รวมถึงร่างกายกับจิตใจภายใต้สิ่งที่เรียกว่า “ภาษา” เอาไว้ระบุมวลสารซึ่งสามารถจ้องมองได้ผ่านสายตาและความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ผ่านการสนทนาหรือปฏิสัมพันธ์กับคน สัตว์ และสิ่งของ
ความจริงคือตัวเราต่างอยู่ในสังคมที่มีผู้คนมากมายหลายหลาก การตั้งชื่อเพื่อให้แตกต่างเพื่อประโยชน์ในการจำแนกนามตามระดับความสัมพันธ์ของมนุษย์ ความหลงใหลที่มีให้กันแสดงออกเป็นตัวอักษรติดแนบไว้ผ่านสมองจดจ่อต่อสิ่งรอบตัว จุดประสงค์เพื่อแสดงอำนาจหรือแสดงสถานะโดยใส่ความหมายแฝงให้เข้าใจในวงแคบ
“เราตั้งชื่อให้โน๊ตบุ๊ค ตุ๊กตา รู้สึกมันมีชื่อแล้วมันดูมีค่ากว่า มันไม่ใช่ของที่เฉยๆ หรือของปกติ มันคือสิ่งที่พิเศษสำหรับเราง่ะ” คำกล่าวของสาวผู้หนึ่งผ่านความรู้สึกสู่ตัวอักษรบนแอปฯแชทสีรุ้ง ถ้อยคำเหล่านั้นถูกส่งต่อถึงผู้รับสารให้เข้าอกเข้าใจว่า สิ่งของเหล่านั้นมีคุณค่ามากแค่ไหนต่อตัวของเธอ
การตั้งชื่อก่อเกิดความพิเศษในรูปของสัญญะจากการตั้งชื่อนั้นมีความหมายแตกต่างออกจากความเข้าใจของคนทั่วไปให้มีความเฉพาะเจาะจงโดยมีความหมายโดยนัย กล่าวคือ
คำหนึ่งคำซึ่งเป็นคำซึ่งไม่มีความหมายถูกทำให้มีความหมายโดยเข้าใจทั่วกัน เช่น คำว่า เต่า โดยทั่วไปเต่าคือสัตว์เลื้อยคลานเดินสี่ขา แต่เมื่อคำว่า เต่า ถูกทำให้กลายเป็นชื่อเล่นชื่อเรียกของคนที่ทำอะไรหลายสิ่งได้เชื่องช้า หรือเป็นคำที่ถูกเรียกใช้สำหรับพี่เรียกน้องว่า เต่า พวกเขาก็จะเข้าใจว่าพี่กำลังเรียกน้อง ซึ่งคนอื่นก็จะเข้าใจในความหมายโดยตรงว่าเรียกเป็นการเรียกสัตว์ตัวหนึ่ง ซึ่งความหมายแฝงแต่คำอาจแตกต่างไปตามแต่ละวัฒนธรรม สังคม แวดวง หรือ ตามแต่ปัจเจก
แล้วคำใดคำหนึ่งก่อร่างสร้างความพิเศษต่อสิ่งนั้นได้อย่างไร? คำถามที่ไม่มีผู้ตอบจะมีความหมายได้อย่างไรถ้าหากไม่มีผู้อ่าน คำหวานบางคำมาในรูปของลักษณะทางร่างกายกับบริบทในปัจจุบัน คำว่า “อ้วน” กับคำว่า “ต้าว” โดยคำหลังเป็นคำที่ไม่มีความหมายต่อเมื่อไม่ได้ถูกขานเรียกจากคนรัก เป็นความเข้าใจร่วมกันโดยละม่อม เฉกเช่นกับคำว่าอ้วน
ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสถานะเพื่อนสนิทหรือแฟน การขานเรียกคำว่า อ้วน เป็นการเสียมารยาทเปรียบเสมือนโดนมีดแทงปม กลับกันเมื่อคำเหล่านี้ถูกเรียกตามความเข้าใจของปัจเจกต่อปัจเจกหรือกลุ่มคนกลับกลายเป็นความเอ็นดูซึ่งกันและกัน
ความลื่นไหลของภาษาพาสองคำเหล่านี้กอดเกลียวกันเป็นคำว่า “ต้วน” ในความเข้าใจของผู้เขียนคำนี้เป็นคำเรียกแทนสรรพนามบ่งบอกถึงคนรักที่อ้วนหรือไม่อ้วนก็ได้ แต่ดูน่ารักและมีความพิเศษมากกว่าก่อนสองคำข้างต้นจะประกอบเป็นคำว่า ต้วน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณเดินปรี่เข้าไปเรียกกับใครสักคนที่คุณไม่รู้จัก พวกเขาก็คงงงงวยและกล่าวกลับมาด้วยความเป็นห่วงว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า?
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นแม้ว่าคุณจะอธิบายถึงความหมายและจุดประสงค์ของการนำไปใช้ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อคำดังกล่าวเฉกเช่นตัวคุณเองสามารถรับรู้ถึงคุณค่าของการมีส่วนร่วมในการใช้คำเรียกระหว่างคู่หรือกลุ่มความสัมพันธ์ของคุณเอง
ความพิเศษจากคำไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ความเข้าใจร่วมกันเพียงอย่างเดียว แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใคร และมีสถานะแบบไหน มนุษย์เราเข้าใจยากเกินกว่าจะทำให้พอใจพร้อมกัน ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นจากอารมณ์ และอุดมการณ์ที่ไม่อิ่มท้อง การเรียกชื่อทักทายในสมัยนี้(2025) ต้องคอยพะว้าพะวังว่าจะทำใครไม่พอใจในขั้นตอนเรียกชื่อ ภาษามันวิเศษวิโสมากพอจะทำให้คนอื่นไม่ชอบหน้าคุณได้ บางครั้งเรามักอย่างสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นหน้าใหม่หรือคนรู้จักหน้าเก่าให้มากยิ่งขึ้น
การมอบความพิเศษให้แก่พวกเขาโดยเรียกชื่อที่แตกต่างจากชื่อของเขาหรือเสริมเติมแต่งให้กับชื่อไปอีกคำสองคำหรือมากกว่านั้น ในช่วงก้าวย่างของเวลา ถ้อยคำของเราเปล่งเรียกออกไปด้วยคำที่ไม่คุ้นหูคู่สนทนา
ความหมายโดยนัยคือการสร้างชื่อทางเลือกให้เขา คล้ายกับการทอยลูกเต๋าบนเกมบันไดงูเพราะผู้ส่งสารไม่ทราบได้ว่าผู้รับสาร(อาจ)รู้สึกพิเศษหลังจากสงสัยว่าคำเหล่านั้นหมายความว่าอย่างไร ทางตรงกันข้ามผู้ถูกเรียกไม่ประทับใจและยังสร้างความขุ่นเคืองได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทของช่วงเวลา สถานะทางสังคม และระดับความสัมพันธ์ รวมทั้งประสบการณ์วัยเด็กของผู้ถูกเรียกอีกเช่นกัน ซึ่งอาจจะมีความต่างบางอย่างถ้าสิ่งที่ถูกตั้งชื่อเป็นสัตว์หรือสิ่งของ
สังคมมนุษย์เริ่มมีการเลี้ยงสัตว์ประมาณ 12,000 กว่าปีที่แล้ว ในทางประวัติศาสตร์ไม่สามารถระบุได้ว่า การตั้งชื่อเล่นให้คน สัตว์ และสิ่งของเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งปัจจุบันเรารับรู้ว่ามีการตั้งชื่อให้สัตว์เกิดขึ้นและมีชื่อมากมายถูกตั้งให้สัตว์โดยมนุษย์เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่เจ้าของมีให้แก่มัน สัตว์เลี้ยงบางสปีชีส์
เช่น หมาหรือแมว มีการรับรู้ถึงการมีชื่อของมันเองผ่านความคุ้นชินจากน้ำเสียงของเจ้าของขณะเปล่งชื่อออกมา ซึ่งต่างจากสิ่งของที่ไม่มีการรับรู้เนื่องจากสิ่งของเหล่านั้นไม่มีชีวิตและจิตใจ แต่แล้วไซร้ถึงมีการตั้งชื่อให้กับสิ่งของ?
“กูไม่เคยตั้งชื่อสิ่งของเลยหวะ ไม่ได้รู้สึกจะไปตั้งชื่ออะไรให้ อาจจะมีมั้งตอนเด็กๆ เคยตั้งชื่อให้กีต้าร์ แต่มันก็นานมาแล้ว” ประโยคจากบทสนทนาของวงดิสคอร์ดช่องหนึ่งที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการตั้งชื่อสิ่งของ
คำสารภาพดังกล่าวถูกกลั่นกรองมาจากความทรงจำช่วงวัยกระเตาะของพนักงานบริษัทเอ้าท์ซอร์สสักแห่งในกรุงเทพมหานคร ประโยคบอกเล่าของเขาได้สะท้อนความรู้สึก(เคย)ร่วมไปกับการทำให้สิ่งของแลดูมีชีวิตและเกิดความผูกพันต่อสินค้าชิ้นใหม่ที่ผู้ผลิตยื่นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคพร้อมมอบความรักกับผลิตภัณฑ์จากโรงงาน
การตั้งชื่อจึงเป็นกระบวนการนิยามตนเองเข้ากับสิ่งของ สร้างความพิเศษให้กับตุ๊กตาหรือมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าดูแตกต่างจากสินค้าชิ้นอื่นเหมือนกัน ในแง่มุมหนึ่งการตั้งชื่อให้กับสิ่งของเป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะร่วมกับตัวตนของเจ้าของได้เช่นกัน ความรู้สึกเกิดประทุขึ้นหลังจากได้รับสิ่งของเหล่านั้นมีปัจจัยหลายหลาก เช่น ได้รับมาจากผู้เป็นที่รัก ได้รับมาจากการเป็นหนึ่งเดียวในการแข่งขัน หรือได้รับมาจากความบากบั่นอุตสาหะจากการเก็บหอมรอมริบในการทำงาน เป็นต้น
ดังนั้นการตั้งชื่อให้สิ่งของหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับค่านิยมในสังคม ประสบการณ์ในชีวิต และวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มคน
ทั้งหมดทั้งมวลความพิเศษเกิดจากการตั้งชื่อให้กับปัจเจกเป็นลักษณะการสร้างสัญญะเพื่อนำไปใช้กับกลุ่มคนหรือสังคมตั้งแต่ขนาดเล็กขึ้นไปได้รับทราบถึงความหมายโดยนัยผ่านการรับรู้ที่เหมือนกันต่อคำเหล่านั้น ซึ่งคำแต่ละคำมีความหมายและจุดประสงค์ในการใช้แตกต่างกันตามแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหรือคนรัก ไปถึงระดับองค์กรลับระดับโลกมักไม่ต้องการให้กลุ่มสังคมภายนอกเข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อให้นอกเหนือจากคนในเท่านั้น
นอกจากนี้การตั้งชื่อให้กับสัตว์เลี้ยงและสิ่งของเปรียบเสมือนการยกระดับความสำคัญต่อทรัพย์สินของเจ้าของให้มีความพิเศษเหนือกว่าสรรพสิ่งอื่นนั้นอาจมีลักษณะคล้ายกันโดยเฉพาะสิ่งของที่เป็นสินค้าในระบบอุตสาหกรรม การตั้งชื่อจึงเป็นอีกทางเลือกให้วัตถุเหล่านั้นมีคุณค่าต่อจิตใจแม้ว่าทางผู้ผลิตจะต้องการให้ผู้บริโภครู้สึกแบบนั้นก็ตาม
การตั้งชื่อเป็นการสร้างสัญญะให้เข้าใจแตกต่างจากความหมายโดยตรง คือการนำคำทั้งมีความหมายและไม่มีความหมายมาประกอบสร้างเป็นคำใหม่เพื่อใช้เฉพาะกลุ่มคนหรือสังคมใดสังคมหนึ่ง บางทีความพิเศษถูกใช้เฉพาะกลุ่มทำให้คนนอกอาจไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้นที่ผู้สนทนาสื่อสารออกไป กลับกันความไม่เข้าใจความหมายของคำไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสัตว์เลี้ยงและสิ่งของ ซ้ำยังสร้างความพิเศษให้สัตว์เลี้ยงของคุณและเพิ่มคุณค่าทางใจกับสิ่งของแม้คุณเพิ่งซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน.
ศิรอนปก๊ะ
19/01/2025

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา