20 ม.ค. เวลา 03:04 • ข่าวรอบโลก

เวียดนาม เป็นพยัคฆ์ติดปีก จับมือรัสเซียเดินหน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

เวียดนามกำลังเผชิญกับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่รวดเร็วในการผลิตเทคโนโลยี ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ ซึ่งทำให้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลก
.
ตามมติของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เห็นชอบให้นำโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กลับมาดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง
สมัชชาแห่งชาติเวียดนามได้อนุมัติให้เริ่มโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงห์ถ่วน (Ninh Thuan) อีกครั้งหลังจากระงับไป 8 ปี โดยโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการในช่วงปลายปี 2552 ประกอบด้วยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง คือ Ninh Thuan 1 และ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 4,000 เมกะวัตต์ (2x2,000 เมกะวัตต์)
.
ย้อนกลับไปในปี 2553 ในช่วงการวางแผนโครงการ Ninh Thuan นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านพลังงานนิวเคลียร์ โดยมีเป้าหมายที่จะผลิตวิศวกร 2,400 คน ปริญญาโทและปริญญาเอกด้านพลังงานนิวเคลียร์ 350 คนภายในปี 2563 โดยประมาณ 13% จะได้รับการฝึกอบรมในต่างประเทศภายในปี 2560
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 2 แห่งได้รับความช่วยเหลือจากญี่ปุ่นและรัสเซีย โดยบริษัท Japan Atomic Power และ Rosatom มีต้นทุนรวมประมาณ 8.9 พันล้านดอลลาร์ ณ ปี 2552
.
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปหลังจากที่รัฐบาลสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมาตรการด้านความปลอดภัยภายหลังจากอุบัติเหตุที่ฟุกุชิมะในปี 2554 นอกจากนี้ เวียดนามยังเผชิญกับภาวะขาดดุลทางการเงินเรื้อรัง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ภาษีที่ไม่เพียงพอ ความล่าช้าดังกล่าวทำให้ต้นทุนโดยประมาณของโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่นั้นมา จังหวัดนิงห์ถ่วนก็ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานหมุนเวียนแทนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
.
ในปี 2559 สภานิติบัญญัติของเวียดนามได้อนุมัติให้รัฐบาลระงับแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 2 แห่ง ก่อนที่โครงการจะถูกระงับเวียดนามได้เตรียมบุคลากรโดยส่ง นักศึกษา 429 คนและเจ้าหน้าที่เทคนิค 31 คน ไปฝึกอบรมที่รัสเซีย รวมทั้งวิศวกร 24 คนได้รับการฝึกอบรมในญี่ปุ่น เมื่อโครงการถูกระงับบุคลากรเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ย้ายไปทำงานด้านอื่นหรือย้ายไปต่างประเทศแล้ว
.
พลังงานนิวเคลียร์ให้ผลผลิตพลังงานที่สม่ำเสมอ ซึ่งแตกต่างจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทำให้พลังงานนิวเคลียร์เป็นทางเลือกสำคัญสำหรับการตอบสนองความต้องการไฟฟ้าพื้นฐานของเวียดนาม และบรรลุความมั่นคงด้านพลังงาน
การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ไม่สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งถึงสามปีเหมือนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษจึงจะเห็นผล ดังนั้นเวียดนามจึงต้องดำเนินการทันทีเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต
ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน Đào Nhật Đình กล่าว
มุมมองทางอากาศของที่ตั้งที่วางแผนไว้สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Ninh Thuận บนชายฝั่งทางใต้ของเวียดนาม
ในเดือนมิถุนายน 2565 คณะกรรมการเศรษฐกิจของสมัชชาแห่งชาติเวียดนามเสนอว่ารัฐบาลควรมุ่งมั่นกับแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สองแห่งในนิงห์ถ่วนแทนที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าว ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2559 มีการใช้จ่ายไปแล้วเกือบ 2,000 พันล้านดอง (86 ล้านดอลลาร์) สำหรับโครงการทั้งเจ็ดส่วน ซึ่งรวมถึงการวิจัยและศึกษาสำหรับการวางแผน การเคลียร์พื้นที่และการย้ายถิ่นฐาน การก่อสร้างอาคารบางหลัง และการส่งวิศวกรชาวเวียดนามไปฝึกอบรมที่รัสเซีย
คณะกรรมการเน้นย้ำว่าพลังงานนิวเคลียร์ควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังในการวางแผนพัฒนาพลังงานของเวียดนาม เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และเพื่อให้แน่ใจว่าเวียดนามมีความมั่นคงด้านพลังงานและส่งเสริมการพัฒนาประเทศให้เป็นอิสระ สามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยมีแหล่งพลังงานที่หลากหลาย
.
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (NA) ได้มีมติให้รัฐบาลจัดสรรทรัพยากรและแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายพลังงานปรมาณู เพื่ออำนวยความสะดวกในการฟื้นฟูโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Ninh Thuan ทั้งสองแห่ง
กฎหมายว่าด้วยไฟฟ้าฉบับแก้ไขซึ่งผ่านโดยสภาแห่งชาติเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดแนวทางการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ให้สอดคล้องกับแผนการผลิตไฟฟ้าแห่งชาติโดยรวม ความพยายามร่วมกันนี้มุ่งหวังที่จะรับประกันการจัดหาพลังงานอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
.
อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎหมายใหม่ รัฐบาลจะยังคงรักษาการผูกขาดในการก่อสร้างและการดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
.
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 นายกรัฐมนตรีรัสเซีย มิคาอิล มิชุสติน (Mikhail Mishustin) และคณะผู้แทนรัสเซียประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรี Dmitry Chernyshenko และ Alexey Overchuk รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง Anton Siluanov รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม Anton Alikhanov รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาดิจิทัล การสื่อสาร และสื่อมวลชน Maksut Shadayev รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ Maxim Reshetnikov รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม Olga Lyubimova และ CEO ของ Rosatom Alexey Likhachev ได้เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มิชูสตินแห่งรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิญห์ของเวียดนามรัฐบาล
ในการพบปะกันครั้งนี้ รัสเซียและเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงด้านพลังงานนิวเคลียร์ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
.
มีเพียงรายงานข่าวระบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะพิจารณาอุปสรรคที่มีอยู่ต่อความร่วมมือทวิภาคีและความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือที่สำคัญในด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และสาขาอื่นๆ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันวางแผนหาแนวทางแก้ไขเพื่อขยายความร่วมมือในพื้นที่ที่มีศักยภาพ สร้างแรงผลักดันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีให้มากยิ่งขึ้น
.
โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงห์ถ่วนทั้งสองแห่ง นอกจากการเตรียมสถานที่ที่เหมาะสม และกรอบกฎหมายที่ครอบคลุม ตลอดจนระบบการกำกับดูแลนิวเคลียร์แล้ว เวียดนามจะต้องลงทุนในโครงการฝึกอบรมขั้นสูงต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่ามีแรงงานที่มีความสามารถในการสนับสนุนโครงการพลังงานนิวเคลียร์ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย ความมั่นคง ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน
.
ตามคำสั่ง 01/CT-TTg ที่ออกเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2025 นายกรัฐมนตรีฟาม มินห์ จิ่งห์ (Pham Minh Chinh) ได้สั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประสานงานกับ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งความคืบหน้าในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Ninh Thuan ในช่วงปี 2025-2030
.
นอกจากการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมแล้ว เวียดนามยังตั้งเป้าใช้ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยรถไฟความเร็วสูงและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงเพิ่มความต้องการอย่างเร่งด่วนสำหรับอุปทานไฟฟ้าในปริมาณมาก
.
ในมุมมองของเวียดนามการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์จะไม่เพียงแต่ทำให้แหล่งพลังงานมีความหลากหลายและทำให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย.
โฆษณา