Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTV Wealth
•
ติดตาม
20 ม.ค. เวลา 09:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจ 68 “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” แนะลงทุนแบบเก็งกำไร
"บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองเศรษฐกิจ 68 “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” แนะลงทุนแบบเก็งกำไร
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ หรือ บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และไทย ในปี 2568 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2568 จะอยู่ในสภาพ “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” ประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปี 2568 นี้คือ การลงทุนแบบเก็งกำไร หรือ Trading ซึ่งต่างจากปีที่ 2567 ผ่านมา
"บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองเศรษฐกิจ 68 “ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ” แนะลงทุนแบบเก็งกำไร
ที่เคยให้มุมมองว่าเป็นปีแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ A Year of Value Investing เนื่องจากภาพรวมตลาดหุ้นที่ราคาไม่ได้ undervalue เหมือนกับช่วงต้นปี 2567
จัดพอร์ตลงทุนรับโลกหมุนรอบทรัมป์ !
ในยุคที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้ามานั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในด้านต่างๆ และอาจส่งผล ต่อผลลัพธ์ของการลงทุนด้วย อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงได้แนะนำการจัดสรรเงินลงทุนปี 2568 ว่ายังคงแนะนำให้นักลงทุน ลงทุนในตราสารทุน มากกว่าตราสารหนี้ โดยมีการใช้ทองคำในการกระจายความเสี่ยง ซึ่งสิ่งที่นักลงทุนควรคำนึงอยู่เสมอในปี 2568 ก็คือ การเลือกลงทุน เนื่องจากเป็นปีแห่งการเข้าสู่ภาวะปกติ หรือ Normalization
อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะนำ เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มเงิน และหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สไตล์คุณค่าของสหรัฐฯ เพื่อรอรับจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ที่จะมาถึง พร้อมทั้งเน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นและได้รับกระทบด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าในอดีต อย่างตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม ในขณะที่ด้านตราสารหนี้นั้น แนะนำให้นักลงทุน ลงทุนในตราสารหนี้โลกที่มีอายุ หรือ Duration ไม่เกิน 3 – 5 ปี เพื่อล็อกผลตอบแทนและกระจายเสี่ยงในทองคำควบคู่กันไปด้วย
ในไตรมาสแรก ของปี 2568 อินโนเวสท์ เอกซ์ แนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐ ตราสารหนี้โลก หุ้นสหรัฐขนาดเล็ก หุ้นเวียดนาม และทองคำ เป็นหลัก
สิ่งที่นักลงทุนจะเจอในปี 2568!
นอกจากนี้ อินโนเวสท์ เอกซ์ ยังได้คาดการณ์ สิ่งที่นักลงทุนจะต้องเจอในปี 2568 เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมืออีกด้วย แบ่งเป็น
1.Year of Normalization คือ ปีนี้เป็นปีแห่งการเข้าสู่สภาวะสมดุล จึงมีการประเมินว่าการลงทุนในตลาดหุ้นโลกโดยรวมจำเป็นต้องมีความพิถีพิถันและเน้นการเลือกมากยิ่งขึ้น ในทุกสินทรัพย์ เนื่องจาก Valuation มีความตึงตัวมากขึ้นในขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรโดยรวมนั้นชะลอตัวลง และดอกเบี้ยไม่ได้ลดลงรวดเร็วอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง
2.Expexting the Unexpected คือ นักลงทุนต้องเตรียมเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝันโดยในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมาพบว่านักวิเคราะห์นักลงทุน จะคาดการณ์ทั้งดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และจีดีพีผิดบ่อยครั้ง โดยมักจะประเมินในแง่บวกหรือลบมากจนเกินไปจึงเป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนมากเป็นพิเศษ จึงแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงเพื่อลดความผันผวน
3.Global Ripple of TRUMP 2.0 คือ ประเมินว่าการมาของทรัมป์ จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย ทำให้การลงทุนในปีนี้และอีกสี่ปีต่อจากนี้จำเป็นจะต้องเอาทิศทางนโยบายของสหรัฐเป็นตัวตั้งต้น สำหรับการเลือกสินทรัพย์ในการลงทุน ตามทิศทาง American 1st Policy
ธีมการลงทุนตลาดหุ้น 68
ภาพรวมและกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีแรก 2025
สำหรับภาพรวมและกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีแรกมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มดีและแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคอื่น แนวโน้มดอกเบี้ยยังเป็นการลดลงตามท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมไปถึงมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีการลดค่าใช้จ่ายและลดภาษีเป็นมาตรการสำคัญ
จึงแนะนำให้ลงทุนกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กและหุ้นที่ได้ประโยชน์ด้านภาษีที่ลดลง ได้แก่ หุ้น HD, V, COST, WMT ในขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยการท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก ยังมีแนวโน้มที่ดี เศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาวะที่สมดุล นอกจากนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการลดดอกเบี้ยจะช่วยลดผลจากการชะลอตัวลงของการส่งออกได้
แนะลงทุน หุ้นขนาดใหญ่ เน้นในกลุ่มที่มีสัดส่วนภายในประเทศสูง แบ่งเป็น 4 กลยุทธ์
1. Value Stock - เน้นหุ้นมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ปลอดภัยและมีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง ได้แก่ หุ้น AOT , BBL และ CPALL
2. Dividend - เน้นหุ้นปันผลสูงเพื่อสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตลงทุน ได้แก่ หุ้น AP BCP LHHOTEL
3. Laggard - เน้นหุ้นที่ราคาปรับขึ้นช้าแต่ผลประกอบการปีนี้เริ่มส่งสัญญาณบวก ได้แก่ หุ้น BCH GPSC HMPRO
และ 4. Mid-Small cap growth - เน้นหุ้นที่กำไรจะเติบโตดีและมี Upside Risk ได้แก่ หุ้น AMATA AU INSET
"สำหรับภาพรวมปีแรกนั้น ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากสงครามการค้าและเทคโนโลยี ตลาดหุ้นจะมีความผันผวนสูงและผลตอบแทนที่ต่ำ โดยตลาดจะเปลี่ยนจาก Goldilocks เป็น Stagflation แทน และเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวแต่เติบโตช้า และคาดว่าตลาดหุ้นไทย กำไรสุทธิจะเติบโต 22%YoY
มองเป้าหมาย SET Index ที่ 1,550 จุด
โดยมองเป้าหมาย SET Index ที่ 1,550 จุด จากปัจจัยภายนอก เช่นการใช้นโยบายการค้าและภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ชัดเจน รวมทั้งปัจจัยในประเทศที่ยังต้องติดตาม เสถียรภาพทางการเมือง
อาจเป็นความเสี่ยงที่มีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้น อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงอยากแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนในปี 2025 โดยเชื่อว่าการกระจายพอร์ตลงทุนที่หลากหลาย จะช่วยให้นักลงทุนสามารถ Outperform ตลาดได้ หาก ให้ความสำคัญกับการลงทุนในพอร์ตทั้ง 4 กลยุทธ์ข้างต้น
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
https://www.pptvhd36.com/wealth/stock-investment/240869
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTV Wealth :
https://www.facebook.com/PPTVWealth/
YouTube Wealth :
www.youtube.com/@PPTVWealth
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทย
หุ้น
1 บันทึก
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย