20 ม.ค. เวลา 12:02 • ประวัติศาสตร์

วัตถุสี่ชิ้นที่ลือว่ากรุงวาติกันซุกซ่อนและเก็บเป็นความลับ

“นครรัฐวาติกัน (Vatican City)” คือสถานที่แห่งความศรัทธาและอำนาจ เป็นศูนย์กลางของหนึ่งในสถาบันศาสนาที่ใหญ่ระดับโลกอย่างคริสตจักรโรมันคาทอลิกมาเป็นเวลานานกว่า 1,600 ปี
ด้วยความยิ่งใหญ่นี้เอง ทำให้เกิดข่าวลือและทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคำร่ำลือที่ว่า กรุงวาติกันนั้นได้เก็บซ่อนวัตถุปริศนาบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
1
นครรัฐวาติกัน (Vatican City)
วัตถุเหล่านี้มีหลายอย่าง แต่สำหรับบทความนี้ ผมจะเล่าให้ฟังที่โดดเด่นสี่อย่างครับ
1.หอกแห่งโชคชะตา (Spear of Destiny)
“หอกแห่งโชคชะตา (Spear of Destiny)” หรืออีกนามหนึ่งคือ “หอกศักดิ์สิทธิ์ (Holy Lance)” คือหนึ่งในโบราณวัตถุที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง
1
เชื่อว่าหอกนี้เป็นหอกที่ใช้แทง “พระเยซู (Jesus)” ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ และเป็นหนึ่งในวัตถุที่สำคัญมากชิ้นหนึ่งของศาสนาคริสต์
ว่ากันว่าผู้ที่ครอบครองและควบคุมหอกศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นั้นจะมีพลังอำนาจ แข็งแกร่งชนิดที่ไม่มีใครเทียบ หากแต่ถ้านำหอกศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ในทางที่ไม่ถูก บุคคลผู้นั้นจะต้องตาย
2
พระเยซูขณะถูกแทงด้วยหอกศักดิ์สิทธิ์
ในหนังสือการ์ตูนของ “DC Comics” ก็กำหนดให้หอกศักดิ์สิทธิ์เป็นอาวุธเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถสังหาร ”ซูเปอร์แมน (Superman)” ได้
มีคำร่ำลือว่าสันตะสำนักเป็นผู้นำหอกศักดิ์สิทธิ์ไปเก็บซ่อนไว้ และว่ากันว่า หอกศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคหลายคน ตั้งแต่ “นโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte)” ไปจนถึงเหล่าขุนศึกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ได้มีการสร้างหอกจำลองเลียนแบบออกมามากมาย เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก หากแต่คนจำนวนหนึ่งก็เชื่อว่าหอกศักดิ์สิทธิ์ของจริงนั้นถูกเก็บไว้ที่กรุงวาติกัน
2.โครโนไวเซอร์ (Chronovisor)
“โครโนไวเซอร์ (Chronovisor)” เป็นอีกหนึ่งวัตถุที่เป็นที่ร่ำลือว่าถูกเก็บไว้ในวาติกัน โดยตามตำนานนั้น ว่ากันว่าในยุค 50 (พ.ศ.2493-2502) บาทหลวงชาวอิตาเลียนที่ชื่อ “เพลเลอกริโน เออร์เน็ตตี (Pellegrino Ernetti)“ ได้เริ่มทำการประดิษฐ์เครื่องโครโนไวเซอร์
2
เชื่อว่าเครื่องโครโนไวเซอร์เป็นเครื่องมือที่ทำให้มองเห็นและได้ยินเสียงของอดีต สามารถเห็นได้ราวกับดูโทรทัศน์
1
หลวงพ่อเออร์เน็ตตีได้อ้างว่าเครื่องโครโนไวเซอร์สามารถเห็นภาพตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆ ตามคัมภีร์ไบเบิ้ล และเหตุการณ์ต่างๆ ในพระชนม์ชีพของพระเยซู
1
เพลเลอกริโน เออร์เน็ตตี (Pellegrino Ernetti)
บางคนเชื่อว่ากรุงวาติกันอาจจะเก็บเครื่องมือย้อนอดีตนี้ไว้เป็นความลับ ไม่นำออกเปิดเผยสู่โลกภายนอก
ตามทฤษฎีสมคบคิด กรุงวาติกันเกรงว่าโครโนไวเซอร์อาจจะเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่เลวร้าย ส่งผลกระทบต่อความเชื่อทางศาสนาและความสงบสุขของโลก และส่งผลกระทบต่อศีลธรรมอันดี
หลวงพ่อเออร์เน็ตตีได้เคยนำภาพที่อ้างว่าเป็นพระเยซูกำลังถูกตรึงกางเขนมาแสดง โดยอ้างว่าเป็นภาพจากโครโนไวเซอร์ หากแต่นักประวัติศาสตร์ต่างไม่มีใครเชื่อถือ และคิดว่าโครโนไวเซอร์นี้เป็นเพียงจินตนาการของหลวงพ่อเออร์เน็ตตีเท่านั้น ไม่มีอยู่จริง
1
ภาพพระเยซูตามคำกล่าวอ้างของหลวงพ่อเออร์เน็ตตี
แต่ถึงอย่างนั้น หลายคนก็เชื่อว่าเครื่องโครโนไวเซอร์นี้มีอยู่จริง และถูกซุกซ่อนไว้ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในกรุงวาติกัน
3.กางเขนศักดิ์สิทธิ์ (True Cross)
“กางเขนศักดิ์สิทธิ์ (True Cross)” คือกางเขนที่ใช้ตรึงร่างของพระเยซู และเป็นหนึ่งในวัตถุของศาสนาคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นที่พูดถึงมากที่สุดชิ้นหนึ่งในโลก
เชื่อกันว่าเศษชิ้นส่วนกางเขนศักดิ์สิทธิ์นั้นกระจัดกระจายอยู่ตามโบสถ์ต่างๆ ทั่วโลก หากแต่กลุ่มที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดไม่คิดอย่างนั้น แต่คิดว่ากรุงวาติกันนี่แหละที่ครอบครองชิ้นส่วนของกางเขนศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่ใหญ่ที่สุด
สำหรับสาเหตุที่กรุงวาติกันต้องซ่อนกางเขนศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะไม่ต้องการให้กางเขนศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นวัตถุที่สื่อใช้ในการหาเงิน หาผลประโยชน์
ได้มีตำนานต่างๆ มากมายเกี่ยวกับกางเขนศักดิ์สิทธิ์ โดยว่ากันว่ากางเขนศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ในการรักษาอาการป่วย ปกป้องทหารจากอันตรายในสนามรบ และได้ชัยชนะในสงคราม แคล้วคลาดจากภยันตรายหากพกพาวัตถุนี้
1
แต่เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพียงตำนานที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ และเป็นที่พูดถึงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
4.คัมภีร์ลับของพระเยซู (Secret Gospel of Jesus)
“คัมภีร์ลับของพระเยซู (Secret Gospel of Jesus)” คือหนึ่งในวัตถุที่ลี้ลับและว่ากันว่าสามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์พระเยซูได้เลย
เหล่านักทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่าคัมภีร์ลับของพระเยซูบรรจุข้อมูลลับที่ตรงข้ามกับคำสอนของศาสนาคริสต์ทุกอย่าง เรื่องที่เราไม่เคยรู้เกี่ยวกับพระเยซู ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้อาจจะเป็นเนื้อหาส่วนที่ถูกถอดออกจากคัมภีร์
เชื่อกันว่าคริสตจักรไม่ต้องการให้คัมภีร์ลับนี้ถูกเผยแพร่ เนื่องจากจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อศรัทธาและความเชื่อของชาวคริสต์ทั่วโลก
เนื้อหาในคัมภีร์ลับจะบ่งบอกถึงมุมมองอีกด้านของพระเยซู ปฏิสัมพันธ์ของพระองค์ต่อสังคม ภารกิจของพระองค์ รวมทั้งข้อความสุดท้ายของพระองค์ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถปฏิวัติศาสนาคริสต์ได้เลย
หลายคนเชื่อในคัมภีร์ลับ เนื่องจากที่ผ่านมาชิ้นส่วนของคัมภีร์อื่นๆ ที่ค้นพบ หนังสือบางเล่มก็ระบุถึงคำสอนที่ไม่ได้อยู่ในพันธสัญญาใหม่
1
ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าอาจจะยังมีคำสอนหรือข้อเขียนที่สูญหาย ยังไม่ถูกค้นพบ และอาจจะถูกเก็บซ่อนอยู่ในวาติกัน
ไม่ทราบแน่ชัดว่าคัมภีร์ลับของพระเยซูนี้มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงเรื่องแต่ง แต่เรื่องราวนี้ก็เป็นที่พูดถึงมาเรื่อยๆ จนปัจจุบัน และหลายคนก็อยากรู้ว่าหากมีการเปิดเผยออกไป อนาคตของศาสนาคริสต์จะเป็นอย่างไร
นี่ก็เป็นเรื่องราวของวัตถุสี่ชิ้นที่ร่ำลือกันว่าอาจจะเก็บซ่อนไว้ในกรุงวาติกัน หากแต่ความจริงเป็นเช่นไรนั้น คงไม่มีใครสามารถตอบได้
โฆษณา