20 ม.ค. เวลา 14:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ

"Drill, Baby, Drill" EP.3/3

...ประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมน้ำมันเริ่มขึ้นเมื่อ 160 ปีก่อน เมื่อ Colonel Edwin Drake ได้ขุดน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์หลุมแรกของโลก ที่รัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1859
...ใช่แล้ว...สหรัฐเป็นชาติแรกที่มีขุดเจาะน้ำมันในเชิงพาณิชย์และยังมีบทบาทสำคัญในการคิดค้นเครื่องมือขุดเจาะ ซึ่งเทคโนโลการขุดเจาะที่ใช้กันทั่วโลก แม้กระทั่งในรัสเซียเอง ซึ่งรวมถึง Saudi Aramco ก็ยังได้รับการถ่ายทอดจากสหรัฐฯ
...ซึ่งองความรู้และสิทธิบัตรต่างๆ ถูกคิดค้นโดยบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกด้านอุตสาหกรรมพลังงานนั่นคือ "Seven Sister"
"Seven Sisters"
...ประกอบไปด้วยบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ 7 แห่งที่มีอำนาจในการควบคุมและจัดการการผลิตน้ำมันโลกเกือบทั้งหมดในสมัยนั้น โดยเริ่มต้นจากการควบรวมบริษัทต่างๆ และการจัดตั้งโดยบิดาของกลุ่มนี้ คือ John D. Rockefeller และ Standard Oil ที่เขาก่อตั้งขึ้น ได้แก่
1. Exxon (Standard Oil of New Jersey)
2. Mobil (Standard Oil of New York)
3. Texaco
4. Shell (Royal Dutch Shell)
5. BP (British Petroleum)
6. Gulf Oil
7. Chevron (Standard Oil of California)
บริษัทเหล่านี้มีอำนาจในการกำหนดราคาน้ำมันและการผลิตน้ำมันทั่วโลกในยุคที่พวกเขามีอิทธิพลสูงสุด ก่อนที่หลายๆ บริษัทจะเริ่มแยกออกเป็นบริษัทที่มีอิสระและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20
John D. Rockyfeller
...อ่านมาถึงตรงนี้พอจะเห็นภาพหรือไม่ จาก EP ที่แล้วจากท่าทีเปลี่ยนไปของ ซาอุฯ จากการที่ Mohammed bin Salman แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อสหรัฐฯ และพยายามลดการพึ่งพาสหรัฐฯ มีผลกระทบสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับบริษัทน้ำมันอเมริกันอย่าง Exxon และ Chevron โดยสามารถวิเคราะห์ผลกระทบและความได้เปรียบของ Exxon และ Chevron เมื่อเทียบกับ Saudi Aramco ดังนี้
1. ความได้เปรียบในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง
Saudi Aramco ยังพึ่งพาเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันขั้นสูงที่มาจากสหรัฐฯ เช่น เทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันดิบในแหล่งน้ำมันลึก (Deepwater drilling) หรือ เทคโนโลยี Hydraulic Fracturing (Fracking) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยบริษัทในอเมริกา เช่น Exxon และ Chevron
  • หาก MBS ลดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ Saudi Aramco อาจประสบความยากลำบากในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากบริษัทอเมริกัน
  • ExxonMobil และ Chevron ยังถือเป็นผู้นำในด้าน สิทธิบัตร และเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งทำให้พวกเขามี ไพ่เหนือกว่า ในการขุดเจาะน้ำมันจากชั้นลึกและแหล่งที่ยากต่อการเข้าถึง
2. การเจาะตลาดใหม่ที่สำคัญ
Saudi Aramco อาจต้องพึ่งพาตลาดที่ไม่ใช่สหรัฐฯ มากขึ้น เช่น จีนหรืออินเดีย แต่ตลาดเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนการพึ่งพิงเทคโนโลยีจากตะวันตกได้
  • Exxon และ Chevron มีความยืดหยุ่นมากกว่า เพราะสามารถเจาะตลาดพลังงานในภูมิภาคอื่นได้ง่าย เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกา และออสเตรเลีย โดยไม่ต้องพึ่งตลาดตะวันออกกลาง
  • ความสัมพันธ์ของ Exxon และ Chevron กับรัฐบาลสหรัฐฯ ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในระดับโลก
3. ความมั่นคงด้านพลังงานในสหรัฐฯ
การตีตัวออกห่างของ MBS อาจผลักดันให้สหรัฐฯ ลงทุนในแหล่งพลังงานของตัวเองมากขึ้น เช่น การขุดเจาะในแหล่งน้ำมัน Permian Basin และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ
  • Exxon และ Chevron จะได้ประโยชน์จากการขยายการผลิตในประเทศและลดการนำเข้าพลังงานจากซาอุดิอาระเบีย
  • นโยบายนี้ยังช่วยลดความสำคัญของซาอุดิอาระเบียในฐานะผู้ส่งออกน้ำมันให้กับสหรัฐฯ
4. การคานอำนาจใน OPEC
หากซาอุดิอาระเบียมีท่าทีแข็งกร้าวใน OPEC หรือร่วมมือกับประเทศนอกกลุ่ม OPEC เช่น รัสเซีย อาจทำให้เกิดแรงเสียดทานในตลาดโลก
  • Exxon และ Chevron สามารถใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีกว่าของสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียเปรียบจากนโยบายที่เข้มงวดของซาอุดิอาระเบีย
5. ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
Saudi Aramco ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลาง
  • Exxon และ Chevron สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านี้ด้วยการกระจายแหล่งทรัพยากรไปยังพื้นที่ที่มีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่า
6. ข้อจำกัดของ Saudi Aramco
  • Saudi Aramco ยังคงมีโครงสร้างการพึ่งพิงน้ำมันเป็นแหล่งรายได้หลัก ขณะที่ Exxon และ Chevron ได้ขยายเข้าสู่พลังงานทางเลือก เช่น ลม พลังงานแสงอาทิตย์ และไฮโดรเจน
...อย่างไรก็ตาม ท่าทีที่แข็งกร้าวดังกล่าว แสดงออกให้เห็นได้ชัดในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งอาจจะมองว่า การสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อซาอุฯไม่เพียงแค่ช่วยให้ประเทศนี้กลายเป็น มหาอำนาจในอุตสาหกรรมน้ำมัน แต่ยังมีอิทธิพลต่อ ระบบเศรษฐกิจและการเมือง ของซาอุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ ป้องกันการรุกรานจากภายนอก เช่น การป้องกันจากอิหร่านที่มีอำนาจในภูมิภาค
...การที่ ซาอุดิอาระเบีย ในยุคปัจจุบันเริ่มมีท่าทีที่ ท้าทายอิทธิพลของสหรัฐฯ และพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์กับจีนและประเทศอื่นๆ อาจทำให้หลายคนมองว่า ซาอุดิอาระเบียไม่สำนึกบุญคุณ ต่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ช่วยให้ประเทศมีอำนาจและความมั่งคั่งที่มีในปัจจุบัน
...การที่ซาอุดิอาระเบีย เริ่มแสดงท่าทีที่แข็งข้อต่อสหรัฐฯ และพยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายน้ำมันนั้น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่ การเมืองโลก และ อำนาจทางเศรษฐกิจ กำลังถูก ปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง โดยการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ เช่น จีน ซึ่งอาจจะเป็นการท้าทายการครองอำนาจทางการเงินของสหรัฐฯ ที่เคยมีมาอย่างยาวนาน
...อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดเป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้น ความสัมพันธ์ของสองประเทศ อาจจะดีขึ้นในยุค ของทรัมป์ เนื่องจาก ทรัมป์ มีลักษณะเป็นผู้นำที่ค่อนข้างประนีประนอม โดยจะเห็นได้จาก ข่าวล่าสุดวันนี้ 20 ม.ค. 2025 ที่ยกเลิกคำสั่ง โจ ไบเดน ในการแบน Tiktok และยึดระยะเวลาออกไปอีก 90 วันในการหาทางออก หรือผ่อนปรนนโยบายกำแพงภาษี อาจไม่เข้มงวดเท่าที่ควร
...หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์หยุดโลกที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็น จากการพบกับผู้น้ำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน อีกทั้งใน่สวนของความสนิทสนมกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
...สำหรับหุ้นของทั้งสองบริษัท จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค โดยบริษัท Exxon Mobil มีชื่อหุ้นว่า XOM ราคาล่าสุดปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยอยุ่ที่ 112.32$ และ Chevron มีชื่อหุ้นว่า CVX หากพิจารณาจาก 5 วันย้อนหลังจากกราฟราคา มีการปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องเป็นขาขึ้น อยู่ที่ระดับ 161.47$
*** บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไม่ได้ชี้นำการลงทุนแต่อย่างได
โฆษณา