Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ
•
ติดตาม
25 ม.ค. เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
เส้นทางรถไฟสายมรณะ
การฌาปนกิจโครงกระดูกกรรมกรเอเชีย 106 ศพ จากพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
เนื่องจากทางพิพิธภัณฑ์ได้เก็บรักษาโครงกระดูกเหล่านี้เป็นเวลานาน จึงอยากจะจัดพิธีให้ถูกต้องตามหลักศาสนา เพื่อให้เกิยรติผู้เสียชีวิต
โครงกระดูกที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์มานานกว่า 30 ปี บนโลงแก้วจะมีจำนวนสองโครงกระดูก ส่วนช่วยเหลืออีก 104 โครง จะถูกเก็บไว้ด้านล่างของโลงแก้ว
ผมจึงได้ประสานงานและจัดการเรื่องงานบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจให้กับโครงกระดูกกรรมกรเอเชีย 106 ศพ
โดย ท่านประธานสมาคมชาวมาเลเซีย,อินเดีย ใน กรุงเทพมหานคร Malaysians and Indians in Bangkok (MIB) คุณ Silva Kumar เข้ามาเป็นเจ้าภาพหลักในงานนี้
สำหรับคนที่ไม่ทราบเรื่องนี้ ที่มาที่ไปโครงกระดูกนี้มาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ได้อย่างไรและกรรมกรเอเชียคือใครสามารถไปอ่านบทความนี้ได้ครับ แนะนำให้อ่านก่อน
https://www.blockdit.com/posts/66247798d555f3780e0806cb
ตามลิงค์นี้
กลับมาที่กระดูกที่มีอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ ในห้องจัดแสดงมีการระบุว่า 106 ศพ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมไม่สามารถนับจำนวนได้ด้วยหลายสาเหตุ
เพราะโครงกระดูกส่วนหนึ่งมีลักษณะผุเสียหายไปตามกาลเวลา ชิ้นส่วนปะปนกันไปหมด
กระดูกที่ถูกจัดเก็บไว้ด้านล่างของโลงแก้วที่จัดแสดง
กะโหลก
กระดูกบางส่วนยังคงติดอยู่ในก้อนดินขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นมาและไม่มีการกระเทาะเอาเฉพาะกระดูกออกมา เมื่อผมเห็นถึงกับอดคิดไม่ได้เลยว่ามันคล้ายกับซากฟอสซิลไดโนเสาร์ยังไงยังงั้น ต่างกันเพียงฟอสซิลไดโนเสาร์กลายเป็นหินไปแล้ว
กระดูกบางส่วนยังคงติดอยู่ในก้อนดินขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นมา
ส่วนตัวผมมีคำถามในใจว่าแล้วที่มีการระบุว่า 106 ศพ เป็นมาอย่างไร
ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณน้ำหวานเจ้าของพิพิธภัณฑ์คนปัจจุบันซึ่งรับช่วงดูแลต่อมาจากคุณพ่ออีกที
ตัวคุณน้ำหวานบอกว่าไม่เคยมีการไปเปิดหรือรื้อกล่องบรรจุเหล่านี้เลย นั่นแสดงว่า 30 ปีที่มีการเก็บรักษาโครงกระดูกเหล่านี้ไว้ไม่เคยมีใครรู้ว่าจำนวนแน่นอนมีเท่าใด มีเพียงคุณพ่อที่บอกว่ามี 106 ศพ
คำถามในใจผมคือ คุณพ่อคุณน้ำหวานเอาตัวเลขนี้มาได้อย่างไร
ผมจึงวิเคราะห์กันว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณพ่อของคุณน้ำหวานน่าจะได้ข้อมูลมาจากคนที่ขุดศพอีกที
และนี่เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมนะครับ เพียงแค่อยากหาที่มาของตัวเลขเท่านั้น
ผมจะแชร์ประสบการบ้างอย่างให้ฟัง ผมเองมีเชื้อจีนเคยไปทำบุญงานล้างป่าช้าในสมัยยังเป็นเด็กครับ จึงพอรู้พิธีต่างๆในงานเพราะเคยเห็น
ผมมีความคิดว่า ข้อมูล 106 ศพที่ว่า น่าจะมาจากการทรงเจ้า เพราะมูลนิธิโพธิภาวนา(สะพานใหม่)ที่ไปทำการล้างป่าช้าในเวลานั้น ระบุว่ามีการทรงเจ้าและชี้จุดปักธงแดงก่อนที่จะทำการขุด
เป็นไปได้ว่าตัวเลขนี้อาจจะมาจากการสอบถามร่างทรง ก่อนที่จะนำโครงกระดูกมาเก็บที่พิพิธภัณฑ์ว่าทั้งหมดมีจำนวนร่างกี่ร่าง จนเป็นที่มาของ 106 ศพ ผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ แค่เป็นความคิดของผมเอง
แต่อย่างที่บอกไปกระดูกที่เราเห็นนั้นไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดจริงๆเพราะมีปริมาณที่มากมายปะปนกันไปหมด
แต่ผมก็ยังคงจะใช้ตัวเลข 106 นี้เป็นตัวเลขอ้างอิงต่อไป
กะโหลก
เช้าตรู่ วันที่ 18 มกราคม 2025 เป็นวันกำหนดการบำเพ็ญกุศล
ทาง MIB นำโดยคุณ Silva Kumar ได้เป็นประธานในพิธีเคลื่อนโครงกระดูกออกจากพิพิธภัณฑ์ไปยังวัดใต้เพื่อทำการฌาปนกิจในวันเดียวกัน
ก่อนที่จะเคลื่อนโครงกระดูกออกจากพิพิธภัณฑ์
เมื่อถึงวัดใต้ก็มีพิธีสวดให้กับโครงกระดูกกรรมกรเอเชีย สวดบังสุกุลก่อนที่จะทำการเผา
เนื่องจากโครงกระดูกมีจำนวนมาก จึงต้องทำการเผาถึง 5 รอบ โครงกระดูกจึงจะถูกเผาจนหมด
พระสงฆ์ 10 รูป ร่วมสวดในพิธี
ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเผาหลักๆก็คือปริมาณของกระดูกที่มีจำนวนมาก บางส่วนที่อยู่ในก้อนดินหนักหลายกิโลกรัม
กระดูกจำนวน 14 กล่อง
คุณ Silva จุดธูปเทียนหน้าโครงกระดูก
คุณ Silva ประธานในพิธี
ถ่ายภาพร่วมกันก่อนที่จะทำการฌาปนกิจกระดูกกรรมกรเอเชีย
การเผากระดูกในช่วงแรกที่เข้าใจว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก แต่ในความเป็นจริงกลับนานกว่าเผาศพปรกติทั่วไปมาก (ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่วัด ให้ข้อมูลว่าศพที่มีเนื้อหนังและชั้นไขมัน เป็นเชื้อเพลงทำให้เผาไหม้ได้ดีกว่ากระดูกที่มีความแห้งแบบนี้)
หัวกระโหลก
กระดูกช่วงขาและแขน
กระดูกส่วนที่เป็นส่วนเล็กๆหรือส่วนที่ผุๆ
อีกปัญหาคือการเผาโครงกระดูกที่ติดอยู่ในก้อนดิน ในครั้งแรกเราคิดว่า ก้อนดินจะแตกออกเมื่อเจอความร้อน แต่กลับกลายเป็นความยากลำบากกับเจ้าหน้าที่เพราะก้อนดินไม่แตกครับ และกลับแกร่งขึ้นหลังจากเผาไฟ
กระดูกส่วนที่ยังติดอยู่กับดินครับ
จะไปกระเทาะเอาดินออกก่อนเผาก็เสียเวลาและกำลังแรงงาน
การเผาดำเนินไปถึง 5 รอบต้องใช้เวลานานมาก เพราะต้องใช้เวลาในการเผาแต่ละรอบ ใช้เวลาในการพักเตา เพื่อให้เตาเย็นและรอให้กระดูกเย็นลงก่อนที่จะนำเอาออกมาจากเตา จึงจะเผากระดูกชุดใหม่ได้ เผาต่อเนื่องมากไม่ได้เดี๋ยวเตาของเมรุแตก
การเผากระดูก ใช้เตา 1 และ 2 ของวัดใต้
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ของวัดกำลังเผา พวกเราก็สลับคนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาของการเผาครับ ตั้งแต่เช้ายันเกือบค่ำจึงจะหมด
เพื่อให้แน่ใจว่ากระดูกทั้งหมดถูกนำไปเผาอย่างถูกต้องและเหมาะสม
เวลาล่วงเลยไป จนถึงเกือบเวลาประมาณ 18.00 น. การเผากระดูกชุดสุดท้ายจึงจบลง
กระดูกชุดสุดท้ายที่ทำการเผา ที่เห็นเป็นก่อนๆ คือก้อนดินครับ บางส่วนเป็นก้อนดินที่อยู่ในกะโหลก
ผมได้ขึ้นไปตรวจเมรุ ขณะนั้นพบว่าสองเตาสุดท้ายได้ทำการดับไฟเรียบร้อยรอเพียงให้อัฐินั้นคายความร้อน เพื่อที่จะนำใส่ถาดรองเตรียมการลอยอังคารในวันถัดไป
กระดูกที่เผาแล้ว
เมื่อตรวจดูพบว่ากระดูกทุกชิ้นถูกเผาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้เดินทางกลับที่พัก พักผ่อนหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
เกือบลืมไปครับ ช่วงการเผาเตาที่ 3 ในจังหวะที่มีการเอาเถ้ากระดูกออกมาจากเตาเผา ตอนที่เทเถ้ากระดูกลงไปที่ถาด ผมเองก็ไปยืนดูและได้สังเกตเห็นเศษแก้วแตกอยู่ในเถ้ากระดูก
หันไปเจอเหล็กคีบที่อยู่บริเวณเมรุพอดี จึงใช้คีบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเศษแก้วที่เกิดจากขวด ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเป็นหลัหฐานทางประวัติศาสตร์อีกอย่างหนึ่งที่บ่งบอกที่มาของกรรมกรเอเชียเหล่านี้
จึงได้ไหว้ขออนุญาตกับเถ้ากระดูกและนำเอาเหล็กคีบเขี่ยเถ้ากระดูกเพื่อหาเศษแก้ว ก็เจอหลายชิ้นเลยครับเป็นขวดใบเดียวแต่แตกเป็นหลายชิ้น น่าจะเกิดจากการเผาไฟและทางเจ้าหน้าที่ใช้เหล็กเขี่ยกระดูกภายในเตาเผา
เศษขวดแก้ว
เศษขวดยังมีอักษรภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ที่อ่านออก ก็มีอักษรเหลือแค่ wery อีกชิ้นหนึ่ง Ltd.
เขี่ยไปเขี่ยมาพบช้อนสังกะสีเคลือบอีก 2 คัน และช้อนเล็กอีก 1 คัน ด้วย ของทุกชิ้นได้นำมอบให้กับทางวัดใต้ เพื่อจัดแสดงต่อที่พิพิธภัณฑ์วัดใต้ต่อไป
ในปี 1990 ที่มีการขุดค้นบริเวณข้างศาลากลาง ก็มีการเจอพวกภาชนะที่ทำจากสังกะสีเคลือบขำนวนมากเช่นกัน ส่วนตัวเข้าใจว่าตอนที่ทำการขุดล้างป่าช้าในครั้งนั้นกระดูกเล็กๆน้อยๆ ก็ถูกรวมกันกับข้าวของพวกนี้ครับ
ช้อนสังกะสี
ในรุ่งเช้าวันที่ 19 มกราคม 2025 เวลา 07.00 น.
ก็มีพิธีลอยอังคารเถ้าอัฐิที่ท่าน้ำวัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้ครับ
มีการสวดทำพิธี โปรยดอกไม้ น้ำอบบนเถ้าอัฐิ
เถ้ากระดูทั้งหมด+ก้อนดินที่มีกระดูกติด ยังมีอยู่ด้านหลังด้วยนะครับ
คุณ Silva ทอดผ้าบังสุกุล
ด้วยปริมาณเถ้าอัฐิที่มีปริมาณมาก การขนจากเมรุแล้วไปยังท่าน้ำก็เป็นเรื่องที่ลำบากและใช้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมากครับ
รถเข็นต้องใช้ถึงสองรอบ เถ้ากระดูกจึงจะหมด
เมื่อเถ้าอัฐิมาถึงท่าน้ำก็มีการลอยอังคารเถ้าอัฐิ โดยคุณ Silva Kumar ก็เป็นประธานในงานนี้เช่นเดิม
คุณ Silva กำลังไหว้พระแม่คงคา
เถ้าอัฐิส่วนใหญ่ได้ถูกลอยลงไปในแม่น้ำแม่กลอง
เริ่มการลอยอังคาร
ส่วนกระดูกที่ติดอยู่ในก้อนดินที่ไฟไม่สามารถเผาไหม้ได้ก็ถูกลอยลงแม่น้ำไปเช่นกัน
เศษกระดูกที่ติดอยู่ในดินก็ถูกลอยลงในน้ำด้วย
คงเหลือเถ้ากระดูกจำนวนหนึ่งถูกเก็บรักษาไว้ รอกำหนดวันที่แน่นอนที่จะบรรจุเถ้ากระดูกเหล่านี้ ณ สถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ส่วนที่เหลือถูกเก็บไว้เพื่อนำไปบรรจุในสถานที่รำลึกต่อไป
เพื่อในอนาคตจะได้เป็นสถานมี่รำลึกของกลุ่มกรรมกรเอเชียเหล่านี้
ซึ่งตอนนี้ขอเก็บข้อมูลไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะมาพูดคุยเรื่องนี้อีกครั้ง
ภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นการนำเอาศพของกรรมกรเอเชียที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการค้นพบเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ไปบำเพ็ญกุศลอย่างเหมาะสม
ตามคติความเชื่อคือ เพื่อให้ดวงวิญญาณของกรรมกรเหล่านี้ไปสู่สุขคติ
ต้องขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมช่วยงานในครั้งนี้
ขอบพระคุณคุณน้ำหวาน อรัญญา จันทร์ศิริ หรือคุณน้ำหวาน เจ้าของพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กรุณามอบโครงกระดูกที่อยู่ในการเก็บรักษาของพิพิธภัณฑ์ เพื่อนำไปทำการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้
ขอบพระคุณ คุณ Silva Kurma และ สมาคมมาเลเซีย อินเดีย ประจำกรุงเทพมหานคร หรือ MIB ที่เป็นประธานในงานรวมถึงดูแลค่าใช้จ่ายในงานพิธีนี้
ขอบพระคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆของผมเองที่ไปร่วมงานในครั้งนี้ จนงานนั้นสำเร็จได้ด้วยดี
ขอให้คุณงามความดี บุญกุศลครั้งนี้จงสำเร็จแกท่านโดยทั่วกัน และขอให้วิญญาณของเหล่ากรรมกรเอเชียทั้งหลายจงไปสู่สุขติ
ต่อแต่นี้ไม่มีทุกข์กลับสุขศานต์
ทิพย์วิมานไปสถิต ณ สถาน
เกษมสุขนิรทุกข์นานตราบนาน
ขอวิญญาณ จงไปสู่สุขวาดี
ภาพเถ้ากระดูกบางส่วนที่ลอยบนผิวน้ำเป็นทางยาวออกไป ตามกระแสน้ำ
ปิดฉากภารกิจการบำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจโครงกระดูก กรรมกรเอเชีย 106 ศพ เพียงเท่านี้ แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่า ยังมีโครงกระดูก กรรมกรเอเชียอีกมากที่ยังหลงเหลืออยู่ตามเส้นทางรถไฟสายมรณะ ที่เรายังค้นหาไม่พบ
ประวัติศาสตร์
การศึกษา
บันทึก
2
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย