Steven Pressfield ผู้เขียนหนังสือ “The War of Art” ได้เสนอมุมมองที่น่าสนใจว่า แรงต้านที่เรารู้สึกนั้นเป็นเครื่องหมายที่ชี้ให้เห็นถึงความรักและความสำคัญของสิ่งนั้น ยิ่งเรารู้สึกต่อต้านมากเท่าไร สิ่งนั้นก็ยิ่งมีความหมายต่อเรามากขึ้นเท่านั้น
2. การแสวงหาความเป็นเอกลักษณ์ (Pursue Your Uniqueness)
แต่ละคนเกิดมาพร้อมกับ DNA ที่ไม่เหมือนใคร ประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่าง และมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว Robert Greene ผู้เขียนหนังสือ “Mastery” ได้เสนอหลักการสำคัญสองประการในการค้นหาความเป็นเอกลักษณ์:
เรื่องราวของ Albert Einstein เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เมื่อครั้งอายุเพียง 5 ขวบ เขาได้รับเข็มทิศจากพ่อ ความหลงใหลในพลังลึกลับที่ควบคุมเข็มทิศนั้นได้จุดประกายความอยากรู้อยากเห็นที่นำไปสู่การค้นพบทฤษฎีที่เปลี่ยนแปลงโลก
Victor Frankl ผู้เขียน “Man’s Search for Meaning” ได้แสดงให้เห็นว่าแม้ในสถานการณ์ที่โหดร้ายที่สุดในค่ายกักกันนาซี การเลือกมุมมองต่อความทุกข์ยากสามารถเปลี่ยนประสบการณ์นั้นให้มีความหมายได้ เขาเลือกที่จะมองการดิ้นรนของเขาเป็นโอกาสในการเข้าใจสภาวะมนุษย์และช่วยเหลือผู้อื่น
Friedrich Nietzsche กล่าวว่า “ผู้ที่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่สามารถทนกับวิธีการแทบทุกอย่างได้” แต่มุมมองที่น่าสนใจคือการคิดย้อนกลับ: สิ่งที่คุณเต็มใจจะทนทุกข์เพื่อมันคือสิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับคุณเฉกเช่นเดียวกัน
4. Carry on the Impact
Simon Sinek ผู้เขียนหนังสือ “Find Your Why” เสนอแนวคิดที่ทรงพลัง: ให้ระลึกถึงคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณ อาจเป็นคุณครู ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนที่เปลี่ยนชีวิตคุณ แล้วตั้งใจที่จะสร้างผลกระทบแบบเดียวกันนั้นต่อผู้อื่น
5. ความรัก (Love)
Victor Frankl นิยามความรักในมุมมองที่ลึกซึ้ง: การเห็นศักยภาพในผู้อื่นและช่วยให้พวกเขาดึงศักยภาพนั้นออกมา ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนลูก การเป็นพี่เลี้ยงให้เพื่อนร่วมงาน หรือการดูแลผู้สูงอายุ ความรักคือการยกระดับชีวิตผู้อื่น
Clayton Christensen ศาสตราจารย์ด้านธุรกิจระดับโลกได้สรุปไว้อย่างชัดเจนในหนังสือ “How Will You Measure Your Life” ว่าตัวชี้วัดความสำเร็จที่แท้จริงคือจำนวนชีวิตที่คุณได้ช่วยให้ดีขึ้น