Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เขียนทุกวัน
•
ติดตาม
20 ม.ค. เวลา 18:48 • ข่าวรอบโลก
ภารกิจแรกของทรัมป์ กับปฏิบัติการ Safeguard
“ยุคทองของอเมริกา เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนาว”
1.
.
โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 47 แล้ว
.
ขอต้อนรับเข้าสู่ยุคทองของอเมริกา ตามที่ทรัมป์ประกาศในสปีช ตอนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งมีหลากหลายประเด็นมากมาย ทั้งการจะยึดคลองปานามาคืน และแจ้งตามนโยบายของรัฐบาลนี้ จะมีแค่ 2 เพศ คือ เพศชายและหญิงเท่านั้น
.
นอกจากนี้ยังมีการประกาศจะส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคาร โดยจะมีการเซ็นคำสั่งของประธานาธิบดีจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คือ การประกาศภาวะฉุกเฉินที่ตอนใต้ของชายแดน เพื่อระดมสรรพกำลังไปป้องกันผู้อพยพเข้าเมือง
.
และงานแรกๆ ของเขา ร่ำลือกันจากนักข่าวในอเมริกา ก็คือ การขับไล่คนต่างด้าวที่อยู่ในอเมริกา อย่างผิดกฎหมาย มันคือปฏิบัติการที่เรียกว่า Safeguard ซึ่งเตรียมประกาศบังคับใช้ในวันแรกที่บุรุษคนนี้เป็นประธานาธิบดี
.
จุดประสงค์ของมัน คือการส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า หน่วยไอซ์ (มาจากชื่อเต็มของหน่วยคือ Immigration and Customs Enforcement ซึ่งเขียนย่อว่า ICE) จะบุกเข้าไปในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เพื่อกวาดจับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย แล้วขับไล่ออกจากประเทศ
.
ทรัมป์นั้น หาเสียงย้ำว่า ภารกิจแรกคือการจับกุมกวาดล้าง ขับไล่แรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่โดยมิชอบ ให้ออกไปจากอเมริกาทั้งหมด
.
แม้จะมีเสียงต่อต้าน โดยเฉพาะคนที่ชอบพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นคู่แข่งกับพรรครีพับลินกัน ที่ทรัมป์สังกัด กระนั้นเสียงเชียร์ เรื่องจัดการแก้ปัญหาคนอพยพเข้าเมืองนั้น ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอเมริกันเป็นจำนวนมาก และส่งผลให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งด้วย
.
ส่วนสาเหตุที่เลือกชิคาโก เป็นเมืองแรกในการเปิดปฎิบัติการนี้ นั่นก็เพราะนายกเทศมนตรีเป็นเดโมแครต ซึ่งเคยวิจารณ์การทำงานของทรัมป์เรื่องต่อต้านรับคนต่างชาติเข้าเมืองอยู่เป็นประจำ นี่น่าจะเป็นทั้งงานสนองนโยบายของทรัมป์ และการล้างแค้นทางการเมืองไปในตัว
.
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือ ชิคาโก เป็นเมืองที่รับผู้อพยพเข้าเมืองจากต่างชาติเยอะมาก ข้อมูลในปี 2022 มีแรงงานเหล่านี้มากถึง 5.1 หมื่นคน
.
แถมในช่วงก่อนทรัมป์ จะเป็นประธานาธิบดี ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ เคยจับคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่งขึ้นรถบัส ไปปล่อยใกล้ชายแดนชิคาโก เพราะเห็นว่าเปิดรับนโยบายพวกนี้ดีนัก ก็เอาคนเหล่านั้นไปจัดการเองเลย
.
ทอม โฮแมน (Tom Homan) หัวหน้าคณะทำงานป้องกันชายแดน ซึ่งเป็นตำแหน่งการเมืองที่ทรัมป์ตั้งมา ย้ำว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นที่ชิคาโก และถ้านายกเทศมนตรีเมืองนี้ ไม่ช่วยเหลือ เขาก็ต้องหลบฉากไป
.
“แต่ถ้ามาขวางทางพวกเรา หรือปกปิดที่พักพิงพวกต่างด้าว เราจะดำเนินคดีเขาแน่”
.
2.
ทรัมป์นั้นเตรียมเปิดปฎิบัติการSafeguard ในวันอังคารที่ 21 มกราคม หรือวันแรกที่ทำงานเป็นประธานาธิบดี โดยจะส่งหน่วยไอซ์ จำนวน 200 นาย ลงพื้นที่ แน่นอนว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลาง ทางหน่วยงานท้องถิ่นไม่อาจขัดขวางได้
.
อย่างไรก็ดีมันมีช่องที่น่าสนใจ นั่นก็คือ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ลงพื้นที่ จะไม่สามารถประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นได้เลย เพราะตำรวจซึ่งขึ้นตรงต่อสภาเมืองชิคาโก และหลายเมือง ที่ไม่เห็นด้วยกับการกวาดล้างแรงงานต่างด้าว ได้ประกาศกร้าวมาแล้วว่า
.
“พวกเรารับใช้และปกป้องชุมชน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง”
.
การปะทะกันระหว่างหน่วยงานรัฐที่สั่งโดยทรัมป์ กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งมีนายกเทศมนตรีเป็นเดโมแครต น่าจะมีความตึงเครียดพอสมควร
.
โดยประธานาธิบดีใหม่แต่หน้าเก่า อาจทำการตัดงบประมาณที่ส่วนกลางจะโอนให้เมืองที่ค้านการกวาดล้างแรงงานต่างด้าวได้
.
ทั้งนี้ปฏิบัติการนี้ จะกินเวลา 6 วัน คือเริ่มในวันที่ 21 มกราคมไปถึง 27 มกราคม ท่ามกลางความหวั่นเกรงของผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นเดโมแครต
.
“ผมทำตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่กลัวพวกทรัมป์และสมุนของเขานี่สิ จะไม่ทำตาม”
.
3.
ปฏิบัติการนี้ มีความน่าสนใจอย่าง คือทรัมป์เคยหาเสียงย้ำว่า แรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายจะถูกดำเนินคดี ส่งกลับทั้งหมด ซึ่งหมายถึงว่า พ่อแม่ที่เข้าเมืองมาโดยมิชอบ แต่มีลูกซึ่งเกิดในอเมริกา ตามกฎหมายถือเป็นพลเมืองสหรัฐ แม้จะไม่ถูกจับกุม แต่ผู้ปกครองจะต้องถูกกักขัง เพื่อขับไล่ออกนอกประเทศ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
.
โดยในช่วงแรก ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะกวาดล้างพวกต่างด้าวที่ทำผิดกฎหมาย หรือมีประวัติอาชญากรรมเสียก่อน ซึ่งเจ้าความผิดนี้ กินรวมไปถึงการฝ่าฝืนกฎจราจรด้วย นั่นหมายความว่าจะมีการจับกุมขนานใหญ่ในเมืองชิคาโกอย่างแน่นอน
.
จากนั้นนิวยอร์ก บอสตัน ไมอามี เดนเวอร์ เรียกได้ว่าเมืองใหญ่ๆ ในอเมริกา จะต้องถูกจัดการเป็นคิวต่อไป
.
อย่างไรก็ดีหากถามว่า หน่วยงานไอซ์นั้น มีกำลังเพียงพอหรือไม่ที่จะจัดการปัญหาคนลอบเข้าเมือง แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ก็ต้องตอบว่าไม่พอเลย ทั้งทรัพยากรและบุคลากร คืองบก็ไม่มาก คนก็ไม่เยอะ เพียงพอจะกวาดล้างทั้งประเทศได้
.
เพราะหากคิดจะทำแบบนั้น ไอซ์เองต้องใช้กำลังมโหฬาร ต้องมีพื้นที่ไว้กักขังรอส่งตัวกลับ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลหลายล้านมากๆ บางฝ่ายจึงมองว่าการกวาดล้างปฏิบัติการแบบนี้ น่าจะทำไม่ได้สมราคาคุย
.
สถิติสูงสุดที่ไอซ์เคยทำงานมา คือเคยขับไล่แรงงานผิดกฎหมายออกจากอเมริกา ในยุคทรัมป์ ตัวเลขสูงสุดคือ 267,000 ราย ในปี 2019 ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขสูงสุดในการผลักดัน เพราะประธานาธิบดีที่มีการจับกุมขับไล่แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมากที่สุด คือบารัก โอบาม่า ทำไว้ 400,000 ราย
.
สำหรับการกวาดล้างแรงงานต่างด้าวนี้ ดูเหมือนจะสร้างความวิตกให้กับเศรษฐกิจอเมริกาพอสมควร เพราะไอ้พวกลอบเข้าเมืองนี่แหละ ที่ทำงานซึ่งสร้างรายได้ให้กับประเทศนี้ โดยเฉพาะวงการก่อสร้าง ซึ่งเกิดปัญหาแรงงานไม่พอ จนต้องพึ่งพิงผู้อพยพเหล่านี้
.
ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาดูหลังจากนี้ ก็คือ ปฏิบัติการSafeguard จะสำเร็จลุล่วง หรือเผชิญอุปสรรคไปมากน้อยเพียงใด เพราะมันจะเป็นภาพแทนของการบริหารของทรัมป์ยุคสอง ในอีก 4 ปีต่อจากนี้ ได้เป็นอย่างดี
.
ไม่เพียงเท่านั้น เขาย้ำในสปีชตอนรับตำแหน่งประธานาธิบดีว่า จะประกาศให้กลุ่มพ่อค้ายาในเม็กซิโก เป็นผู้ก่อการร้าย และจะมีการเพิ่มความเข้มข้นในชายแดนมากกว่าเดิม โดยอาจจะเพิ่มมาตรป้องกันให้รัดกุมยิ่งกว่าเดิมด้วย
.
ด้านเม็กซิโก ก็สนองรับนโยบายผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน อย่างทรัมป์ด้วย ทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการสอดส่องผู้อพยพที่จะเข้าอเมริกา มีการสกัดกั้นจับกุมเป็นจำนวนมากในขณะนี้
.
นอกจากนี้เขาอาจอภัยโทษให้ผู้ชุมนุมที่พยายามล้มการรับรองผลคะแนน โดยการบุกรัฐสภาในปี 2020 ที่ตอนนี้หลายคนยังติดคุกอยู่ ก็คงได้รับอิสรภาพกันบ้าง
.
ส่วนที่มีความหวั่นเกรงว่าทรัมป์จะเล่นงานโจทย์เก่า ที่เคยสร้างความไม่พอใจแก่เขา ทั้งคณะทำงานสอบสวนการบุกรัฐสภา ทั้งนายพล นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ที่งัดกับเขาตอนโควิด -19 ระบาด ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย
.
เนื่องจากโจ ไบเดน ใช้ชั่วโมงการทำงานสุดท้ายของการเป็นประธานาธิบดีตัวเอง สั่งอภัยโทษล่วงหน้าไปแล้ว เรียกได้ว่าการเมืองอเมริกันกับอำนาจประธานาธิบดี ช่างมีความมหัศจรรย์ทีเดียว เพราะความผิดยังไม่เกิด ข้อหายังไม่แจ้ง ยังไม่มีใครทำอะไร ก็สั่งคุ้มครองให้เอกสิทธิ์ไม่ต้องรับผิดทางกฎหมายได้
.
กระนั้นก็มีวุฒิสมาชิกบางคนซึ่งเป็นคนสอบสวนทรัมป์เรื่องยุยงให้ล้มเลือกตั้ง คัดค้าน เพราะชี้แจงว่าสิ่งที่พวกเขาทำไม่ผิด จะมาอภัยโทษล่วงหน้าได้อย่างไร แต่ผลทางกฎหมายมันสัมฤทธิ์ไปแล้ว เอกสิทธิ์นี้จึงติดตัวพวกเขาทั้งหลาย ซึ่งในอนาคตอาจจะมาขอบคุณไบเดนตอนหลังก็ได้
.
ถึงจุดนี้ วินาทีนี้ อเมริกาจะมีอะไรให้จับตามองอย่างมาก ท่ามกลางสายตาคนทั้งโลก
.
เอาแค่ 100 วันแรกของทรัมป์ 2.0 พวกเราน่าจะได้เห็นอะไรตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
.
สำหรับคนที่ฟังสปีชของทรัมป์ ทั้งอ่านและแปลแล้ว ก็ขอปิดท้ายคำพูดของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ที่บอกกับนักข่าวที่ถามว่ารู้สึกอย่างไร หลังจากฟังคำปราศรัยของประธานาธิบดีคนที่ 47 ว่า
.
“ผมคิดว่าคุณน่าจะคิดได้ด้วยตัวเองนะ”
“ไปก่อนนะ”
.
โชคดีครับอเมริกา
สหรัฐอเมริกา
การเมือง
ข่าวรอบโลก
1 บันทึก
5
1
1
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย