ภูมิภาคอาเซียนแข่งกันแรง
นิติการุณย์
มิ่งรุจิราลัย
ยะโฮร์หรือโจโฮร์เป็นรัฐหนึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมาเลเซีย เมืองหลวงของรัฐคือโจโฮร์บะฮ์รู
รัฐนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ SIJORI Growth Triangle หรือสามเหลี่ยมเศรษฐกิจซีโจรี ที่มีการลงนามในบันทึกความตกลงเมื่อ 17 ธันวาคม 1994 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาคระหว่าง 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
7 มกราคม 2025 มาเลเซียและสิงคโปร์ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้ง Jahor-Singapore Special Economic Zone (JS-SEZ) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ ในรัฐยะโฮร์
เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3,500 ตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบกับพื้นที่ 724 ตารางกิโลเมตรของสิงคโปร์แล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้ใหญ่กว่าถึง 4 เท่า และใหญ่กว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นของจีนที่มีพื้นที่ 1,953 ตารางกิโลเมตร เกือบ 2 เท่า
JS-SEZ มุ่งดึงดูดการลงทุนในภาคการผลิต โลจิสติกส์ เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว และด้านพลังงานสะอาด มีเป้าหมายให้เกิดโครงการอย่างน้อย 50 โครงการภายใน 5 ปีแรก และสร้างงานประมาณ 2 หมื่นตำแหน่ง
สำหรับด้านเงินทุน มาเลเซียจะตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนบริษัทที่ต้องการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้
และสิงคโปร์จะตั้งกองทุนของตัวเองเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน และสนับสนุนบริษัทสิงคโปร์ที่ทำธุรกิจอยู่ในรัฐยะโฮร์เช่นกัน
นอกจากนั้น JS–SEZ ยังมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ใครเห็นก็ต้องสนใจ เพราะเสนออัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลไว้ที่ร้อยละ 5 เป็นระยะเวลา 15 ปี และลดภาษีเงินได้สำหรับแรงงานทักษะสูง
ด้วยความร่วมมือของสิงคโปร์และมาเลเซียในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ยิ่งทำให้ JS-SEZ มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
แถมการลงทุนใน JS-SEZ ยังทำให้นักลงทุนได้เปรียบในการเข้าถึงตลาดที่มีประชากรกว่า 300 ล้านคนอย่างอินโดนีเซีย และเชื่อมต่อไปถึงออสเตรเลียได้อีกด้วย
เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้จะกลายเป็นประตูสำคัญที่เชื่อมการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับภูมิภาคต่างๆ ทั้งจีน สหรัฐฯ ยุโรป และออสเตรเลีย
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน รถไฟ และระบบโลจิสติกส์ จะช่วยยกระดับการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนและธุรกิจข้ามพรมแดน
การจับมือกันระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เสริมจุดแข็งร่วมกันอย่างชาญฉลาด และนี่คือการแข่งขันในภูมิภาคอย่างที่ไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในแง่การลงทุน JS–SEZ อาจดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่เคยสนใจตั้งฐานธุรกิจในไทยโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ และเทคโนโลยีไปแทนเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย
นอกจากนั้น เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์–สิงคโปร์ซึ่งมุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อาจดึงดูดแรงงานที่มีทักษะระดับสูงให้ย้ายไปยัง JS–SEZ ซึ่งมีค่าตอบแทนสูงและสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า
หลายคนเชื่อว่า ไทยมีทำเลที่ตั้งที่ดีและมีทรัพยากรเหลือเฟือ เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ ไม่น่ากระทบกับเศรษฐกิจไทย
แต่ผู้อ่านท่านครับ ความได้เปรียบแค่ทำเลที่ตั้งกับทรัพยากรนั้น ไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในระยะยาว เราต้องเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความชำนาญในอุตสาหกรรมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านปัญญาประดิษฐ์ ไบโอเทคโนโลยี และพลังงานสะอาด
ถ้าจะให้ไทยเป็นจุดดึงดูดของนักลงทุนทั่วโลก เราต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบราง พัฒนาท่าเรือน้ำลึก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ฯลฯ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง รวมทั้งภาพลักษณ์ที่เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
แต่ปัจจุบันทุกวันนี้ ข่าวของไทยในสื่อต่างประเทศมักจะหนีไม่พ้นเรื่องนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงหลักปักฐานทำธุรกิจสีเทา ทั้งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน แก๊งลักพาตัว หรือไม่ก็ข่าวการใช้เมืองไทยเป็นทางผ่านในการค้ามนุษย์
จนนักธุรกิจรวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างแขยงแขงขน จำนวนไม่น้อยยกเลิกการเดินทางมาเมืองไทย หรือไม่ก็ตัดสินใจไปลงทุนในประเทศที่คิดว่าปลอดภัยกว่า
ภาพลักษณ์ของประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ
สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขในตอนนี้คือภาพลักษณ์ของประเทศ ที่เมื่อเสียหายไปแล้ว ประเมินเป็นตัวเงินกลับมาไม่ได้ครับ.
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
