Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Evolve Us
•
ติดตาม
6 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ
[Case Study] U.S. Tariffs: ภาษีนำเข้าสินค้าคืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อประชาชน?
Tariff หรือ ภาษีนำเข้าสินค้า คือภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมักมีเป้าหมายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมและแรงงานในประเทศจากการแข่งขันจากต่างชาติ แนวคิดหลักคือการเพิ่มราคาสินค้าต่างประเทศให้แพงขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หากรัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้า 10% สำหรับรถยนต์จากญี่ปุ่น รถยนต์ญี่ปุ่นที่ราคา $50,000 จะกลายเป็น $55,000 ซึ่งอาจทำให้รถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ดูน่าสนใจขึ้นในสายตาผู้บริโภค
📌📌แล้วทำไมรัฐบาลถึงใช้ Tariff? การกำหนดภาษีนำเข้ามีหลายเหตุผลสำคัญ:
1. เพิ่มรายได้ให้รัฐบาล
ในอดีต Tariff เคยเป็นแหล่งรายได้หลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการเก็บภาษีเงินได้ในศตวรรษที่ 20 แต่ในปัจจุบัน Tariff คิดเป็นเพียง 2% ของรายได้รัฐบาลสหรัฐฯ
สำหรับประเทศที่มีรายได้น้อย Tariff ยังคงเป็นแหล่งรายได้สำคัญ ตัวอย่างเช่น Djibouti และ Belize มีอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 17% ขณะที่สหรัฐฯ มีเพียง 1.5%
2. ปกป้องอุตสาหกรรมและแรงงานในประเทศ
Tariff ถูกใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านราคาให้กับสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยปกป้องธุรกิจและแรงงานในประเทศจากสินค้าราคาถูกที่นำเข้า เช่น กฎหมายสหรัฐฯ Smoot-Hawley Tariff Act ในปี 1929 ที่เพิ่มภาษีสูงถึง 60% เพื่อปกป้องภาคการเกษตร
3. เสริมความมั่นคงแห่งชาติ
รัฐบาลอาจกำหนด Tariff เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาสินค้าที่จำเป็นจากต่างชาติ เช่น อุปกรณ์ทางทหาร โดยอดีตประธานาธิบดี Donald Trump เคยใช้อำนาจพิเศษเพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียม อ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
4. กดดันนโยบายการค้าของประเทศอื่น
Tariff ยังถูกใช้เพื่อกดดันประเทศอื่นในด้านสิทธิมนุษยชนและป้องกันการค้าที่ยุติธรรม เช่น การป้องกันการ "Dumping" ซึ่งเป็นการขายสินค้าต่างประเทศในราคาต่ำเกินจริงเพื่อแข่งขัน
📌📌ใครเป็นคนจ่ายภาษีนำเข้า?
แม้ Trump เคยกล่าวว่า "ภาษีส่วนใหญ่จ่ายโดยจีน" แต่ในความเป็นจริง บริษัทผู้นำเข้าสินค้าเป็นผู้จ่ายภาษีโดยตรง เช่น หาก Amazon นำเข้าคอมพิวเตอร์จากจีน Amazon จะต้องจ่ายภาษีให้กับศุลกากรสหรัฐฯ
แต่บริษัทมักผลักภาระนี้ไปยังผู้บริโภค ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น รองเท้ากีฬาที่นำเข้าจากจีนราคา $49.99 อาจเพิ่มเป็น $60.98 หากมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่ม
📌📌Tariff กับการจ้างงาน
Tariff อาจช่วยเพิ่มการจ้างงานในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเหล็กที่ได้รับผลดีจาก Tariff ในช่วงปี 2018-2019 แต่ในทางกลับกัน Tariff อาจส่งผลเสียต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า
📌📌Tariff และเงินเฟ้อ
แม้ Tariff จะเพิ่มราคาสินค้า แต่ผลกระทบต่อเงินเฟ้อมักไม่ชัดเจน Tariff มีผลต่อราคาสินค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งอาจไม่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมด
📌📌จุดยืนของผู้สมัครประธานาธิบดี
Trump เสนอเพิ่ม Tariff 60% สำหรับสินค้าจีนและ 10% สำหรับสินค้าจากประเทศอื่น โดยอ้างว่าเพื่อ "หยุดตัวเลขการจ้างงานที่ไหลออก"
Tariff มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการค้าโลก แม้ว่ามันจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่ก็อาจเพิ่มภาระให้ผู้บริโภคและก่อให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
สหรัฐอเมริกา
เศรษฐกิจ
จีน
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย