3 ชั่วโมงที่แล้ว • ธุรกิจ

วิเคราะห์โมเดล โกโก้ร้านไอ้ต้น ขยาย 160 สาขา ในจีน ภายในปีเดียว

MIXUE (มี่เสวี่ย), WEDRINK, ChaPanda, TANING (ถาหนิง), CHAGEE
นี่คือตัวอย่างแบรนด์น้ำชงจีนที่เข้ามาตีตลาดไทยในช่วงที่ผ่านมา
แต่รู้หรือไม่ว่า ในทางกลับกันในปีที่ผ่านมา ก็มีแบรนด์โกโก้สัญชาติไทยแบรนด์หนึ่ง เข้าไปตีตลาดเครื่องดื่มชงในจีนเหมือนกัน
แบรนด์นั้นมีชื่อว่า “โกโก้ร้านไอ้ต้น” โดยเพียงแค่ปีเดียว สามารถขยายสาขาในจีนได้ 160 สาขา
1
แล้วโกโก้ร้านไอ้ต้น มีโมเดลการทำธุรกิจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากความฝันของ คุณต้น-ประชานารถ ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
คุณต้น จึงได้เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ที่ริมทางรถไฟตลาดพลู
ซึ่งในเวลานั้นเมนูที่ขายดีกลับไม่ใช่ กาแฟ แต่เป็น โกโก้ ที่ขายดีมาก จนโกโก้หมดทุกวัน
จากเสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้คุณต้นมองเห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจ และตัดสินใจเปิดร้านโกโก้อีกร้านขึ้นมาโดยเฉพาะ
โดยตั้งชื่อร้านว่า “โกโก้ร้านไอ้ต้น” และใช้รูปตัวเองสมัยเรียนมัธยมปลายเป็นโลโกของร้าน
นอกจากนี้คุณต้นยังได้ใส่กิมมิกเล็ก ๆ เพิ่มความกวนเข้าไป ด้วยการปรับเปลี่ยนหนวดหรือการแต่งกายบนโลโกข้างแก้ว ให้แตกต่างกันไปตามเมนูในแต่ละระดับความเข้มข้นที่ลูกค้าเลือก
เช่น หนวดเกลี้ยงเกลาเป็นระดับละอ่อน
มีหนวดเล็กน้อยเป็นระดับเข้ม ไปจนถึงหนวดเฟิ้มเป็นระดับโคตรเข้ม
1
หรือสั่งเมนูพิเศษช่วงคริสต์มาส ไอ้ต้นก็จะแต่งตัวเป็นซานตาคลอส
1
ด้วยรูปโลโกของร้านที่มีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นกันเองและจดจำได้ง่าย บวกกับกิมมิกเล็ก ๆ ที่เพิ่มเข้าไป ประกอบกับชื่อร้านที่ใครได้เห็นครั้งแรกต้องสงสัยกันว่า “ไอ้ต้น” คือใคร ?
ทั้งหมดนี้กลายเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้แบรนด์โกโก้ร้านไอ้ต้นประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำให้ร้านกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียและถูกใจกลุ่มวัยรุ่น
โดยคนที่มาซื้อก็จะถ่ายภาพความกวนต่าง ๆ ของร้านลงโซเชียลมีเดีย จนเกิดกระแสบอกต่ออย่างรวดเร็ว
ทำให้ภายในเวลาเพียง 1 ปี โกโก้ร้านไอ้ต้นสามารถขยายแฟรนไชส์ออกไปได้มากถึง 200 สาขา ทั่วประเทศ
โกโก้ร้านไอ้ต้น ยังได้รับความนิยมและเติบโตได้ดีในต่างประเทศ
โดยในปี 2566 ได้มี บริษัท Yunnan Nuotai Catering บริษัทสัญชาติจีนเข้ามาซื้อแฟรนไชส์เพื่อนำแบรนด์โกโก้ร้านไอ้ต้นไปตีตลาดในประเทศจีน
โดยข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ บอกว่า
รูปแบบการบริหารงานของโกโก้ร้านไอ้ต้นในจีน จะดำเนินการโดยทีมงานชาวจีน 100%
แต่จะใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด
และใช้ชื่อร้านเป็นภาษาจีนว่า “大胡子冰可可” ซึ่งหมายถึง “โกโก้หนวดใหญ่”
ซึ่งด้วยร้านขนาดกะทัดรัด ที่ใช้งบลงทุนและบริหารจัดการต่อสาขาไม่เยอะ ก็ทำให้ โกโก้หนวดใหญ่ ในจีนสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในหลายมณฑล
โดยหลังเข้าไปในจีนได้เพียงแค่ปีเดียว ก็สามารถขยายสาขาได้ถึง 160 สาขา
โดยจะขยายสาขาตามเมืองต่าง ๆ ในหลายมณฑล ทั้งที่เป็นรูปแบบร้านประจำ
หรือร้านแบบ Pop-up Store ตามสถานที่หรือศูนย์การค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน
ซึ่ง Branding ความกวน ครีเอทิฟ และแปลกใหม่ของ โกโก้ร้านไอ้ต้น หรือโกโก้หนวดใหญ่ ในจีน ก็ไปโดนใจกลุ่มผู้บริโภคในจีน
จนสามารถดึงดูดคนจีนรุ่นใหม่ให้มาเช็กอิน และแชร์รูปภาพบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนอย่าง Little Red Book (หรือ XiaoHongShu ในจีน) จนเกิดกระแสไวรัลในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวอย่างรวดเร็วของโกโก้ร้านไอ้ต้นในจีน อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
เพราะความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้วัดจากการเติบโตในระยะสั้นเพียงอย่างเดียว
แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัวและยืนหยัดธุรกิจในระยะยาว
1
คำถามสำคัญที่ตามมาคือ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” จะสามารถรักษาความนิยมในตลาดจีนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้หรือไม่ ? เราคงต้องติดตามกันต่อไป..
โฆษณา