Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
การเงิน ลงทุน สไตล์มนุษย์เงินเดือน
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 13:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สยามพารากอน
แนวคิดหรือmindsetsเกี่ยวกับความมั่งคั่งร่ำรวย#1 ทำไมรายได้จากactive incomeไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นได้
วันนี้ @หมวด money มีบทความดี ๆ ที่มุ่งมั่นตั้งใจเขียนมาก ๆ แม้ว่ายังมีงานประจำต้องทำอยู่ก็ตาม แต่เพื่ออยากให้ทุกคนและผู้เขียนเองมีความฉลาดทางการเงินเพิ่มขึ้น รวมถึงการมีอิสรภาพทางเงินต่อไปในอนาคต ซึ่งองค์ความรู้ทั้งหมดที่นำมาเขียนบทความในครั้งนี้มาจากการอ่านหนังสือ พ่อรวยสอนลูก, พ่อรวยสอนการลงทุน และหนังสือเสียง the richest man in Babylon,หมาน้อยสอนรวย และอีก 2 เล่มที่ไม่เกี่ยวกับการเงินเลย แต่เกี่ยวกับคนที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ในสิ่งที่ตัวเองได้ตั้งเป้าหมายไว้
หนังสือเสียง “good luck” เพราะความโชคดีมันไม่มีขาย ไม่ได้ร่วงหล่นมาจากฟ้า ถ้าเราอยากได้มันมาครอบครอง เราต้องสร้างสภาวะที่เอื้อต่อสิ่งนั้น (เตรียมตัวพร้อมอยู่เสมอและตลอดเวลา )เมื่อโอกาสนั้นมาถึง มันย่อมทำให้เราโชคดีหรือ “good luck” นั้นเอง และสุดท้ายหนังสือเสียง “ใครเอาเนยแข็งของฉันไป”
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผู้เขียนได้ตั้งชื่อเรื่องบทความว่า “ทำไมรายได้จาก active income ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นได้” เนื่องจากได้อ่านหนังสือ rich dad poor dad หรือพ่อรวยสอนลูก (แม้ว่าจะอ่านมา 3 รอบแล้วก็ตาม แต่ก็ได้แง่คิดใหม่ๆ อยู่เสมอ) ได้พูดถึงความแตกต่างระหว่าง สินทรัพย์ กับหนี้สิน สินทรัพย์นั้นสร้างรายได้ให้กับคุณ ทำให้คุณมั่งคั่งร่ำรวยเพิ่มขึ้น ส่วนหนี้สินทำให้คุณจนลง เพราะคุณมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หนี้บัตรเครดิต หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา อื่นๆ อีกมากมาย
การทำงานหนักเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น โดยคิดว่าจะแก้ไขปัญหาทางการเงินได้ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้นไปอีก ไม่ใช่พวกเขาไม่รู้วิธีหาเงิน แต่พวกเขาใช้เงินที่หามาได้ซื้อหนี้สิน แทนที่มันจะเป็นสินทรัพย์ เราลองนึกถึงผู้คนที่รวยขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน อาทิ คนได้รับมรดก คนที่ถูกหวยหรือลอตเตอรี่ ต้องกลับมาเป็นคนจนเหมือนเดิม หรือจนมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยใช้ระยะเวลาผลาญเงินเพียงไม่กี่ปี การใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ ด้วยการซื้อบ้านเงินผ่อน รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ใหม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่
โดยเข้าใจว่านั้นคือ สินทรัพย์ กลับกลายต้องเป็นหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน เงินกู้ผ่อนรถยนต์และหนี้บัตรเครดิต แม้ว่าคุณจะพยายามหารายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการตื่นแต่เช้า ทำงานให้หนักมากขึ้น แต่ก็มีหนี้สินเพิ่มขึ้นสูงตามเช่นกัน คุณจึงเข้าสู่โหมดของ “สนามแข่งหนู” เมื่อค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น ก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น และเมื่อค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้นอีก ก็ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นไปอีก ทุกสิ่งทุกอย่างวน loop อยู่กับที่
มันไม่อยู่ที่ว่าคุณทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จะทำให้ปัญหาทางการเงินหมดไป แต่มันอยู่ที่ว่าคุณมีความรู้ทางการเงินไหม หรือFinancial Literacy เข้าใจความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์ กับหนี้สินหรือไม่ จึงขอกล่าวโดยสรุปก็คือ คนรวยซื้อสะสมสินทรัพย์ คนจนมีแต่หนี้สินกับรายจ่าย คนชั้นกลางซื้อหนี้สิน โดยเข้าใจว่ามันเป็นสินทรัพย์
ผู้เขียนจะขอแสดงแผนภูมิรูปแบบกระแสเงินสดของคนแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มคนจน กลุ่มคนชั้นกลาง และกลุ่มคนรวย เป็นต้น โดยมีโครงสร้าง รายได้ รายจ่าย หรือเงินไหลเข้าไหลออก และงบแสดงฐานะการเงินหรืองบดุล มันช่วยทำให้คุณเห็นที่มาที่ไปของกระแสเงินสด ว่าเงินไหลเข้าทางไหน และไหลออกตรงไหนบ้าง รูปแบบการไหลกระแสเงินสดแบบไหนทำให้คุณรวย และแบบไหนทำให้คุณจนลง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีความฉลาดทางการเงิน
1.แผนภูมิรูปแบบกระแสเงินสดของคนจน
คำธิบาย ;สิ่งแรกที่คุณต้องดูก็คือ ช่องที่เขียนคำว่า “income หรือ รายได้” มันเกิดจากการใช้แรงกาย เวลา สุขภาพ และความรู้ในสิ่งที่เรียนมา เพื่อแลกกับค่าตอบแทน ถ้าเป็นพนักงานหรือข้าราชการ จะเรียกว่า “salary หรือเงินเดือน” เมื่อได้รับเงินเดือนมา สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวของคุณ คือการใช้จ่ายเงินนั้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าภาษี ค่าเช่า ค่าเสื้อผ้า ค่าความบันเทิง ฯลฯ ต่อไปให้สังเกตไปที่ลูกศร เมื่อมีรายได้เกิดขึ้น กระแสเงินสดจะออกไปยัง expenses หรือค่าใช้จ่ายทันที
ส่วนในช่อง assetsหรือสินทรัพย์ กับช่อง liabilitiesหรือหนี้สิน ยังคงว่างเปล่าอยู่ เพราะว่าพวกจะใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ จึงไม่มีทั้งสินทรัพย์และหนี้สิน
2.แผนภูมิรูปแบบกระแสเงินสดของคนชั้นกลาง
คำธิบาย ;กระแสเงินสดของคนชั้นกลาง เมื่อทำงานได้รายได้มาแล้ว กระแสเงินสดจะไหลไปยังช่องหนี้สิน โดยมีบ้านซื้อด้วยเงินผ่อน รถยนต์ บัตรเครดิตที่ใช้เต็มวงเงิน และ school loans ฯลฯ จากนั้นกระแสเงินสดจะไหลต่อไปยังช่อง ค่าใช้จ่าย ค่าภาษี เช่าค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เพื่อให้เข้ามากขึ้นให้สังเกตไปที่ลูกศร เมื่อมีรายได้เกิดขึ้น ภาษีจะถูกจ่ายออกไป กระแสเงินสดจะไหลไปยังช่องหนี้สิน และหนี้นั้นก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายต่อไป ทำให้คนชั้นกลางมีแต่หนี้สินที่เข้าใจว่าเป็นสินทรัพย์
และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยไม่มีสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขาเลย เพราะว่ายิ่งพวกเรามีรายได้มากขึ้น หนี้สินก็มากขึ้นไปด้วย เมื่อพวกเขาจะมีเงินเดือนที่มากขึ้น
จึงทำให้ให้พวกเขามีเครดิตในการกู้ยืมเงินจากธนาคารมากขึ้น เช่น ซื้อบ้านหรูหรา รถยนต์คันใหญ่ เสื้อผ้าสิ่งของแบรนด์เนม อื่นๆ รายได้จากเงินเดือนจะเข้ามาและถูกจ่ายไปตามรายจ่ายประจำวัน ที่เหลือนำไปจ่ายหนี้ต่างๆ เหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า “สนามแข่งหนู” นั้นเอง
3.แผนภูมิรูปแบบกระแสเงินสดของคนรวย
คำธิบาย ; แผนภูมิสุดท้ายเป็นกระแสเงินของคนรวย รายได้ของพวกเขามาจากสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ หุ้นปันผล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ สินทรัพย์ทางปัญญา ฯลฯ ทำให้รายได้ของพวกเขามาจาก ค่าเช่าบ้าน เงินปันผล ดอกเบี้ย ค่าลิขสิทธิ ค่าสิทธิบัตร อื่น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีหนี้สินบ้าง และรายจ่ายที่ต้องจ่ายเงินออกจากกระเป๋าสตางค์ออกไป แต่นั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ที่คนรวยได้รับจากสินทรัพย์ สรุปก็คือ พวกเขาจะทำทุกวิธีเพื่อหารายได้ให้มากขึ้น แล้วนำรายได้เหล่านั้นไปสร้างสินทรัพย์
เมื่อสินทรัพย์มากขึ้น รายได้มากขึ้น พวกเขาจึงค่อยนำเงินไปใช้จ่าย ซื้อสิ่งของที่ตัวเองต้องการ ตราบใดที่ค่าใช้จ่ายไม่เกินรายได้ที่ได้จากสินทรัพย์ เพราะพวกเขาก็รวยมากขึ้นและมีความสะดวกสบายในชีวิตต่อไป เพราะว่าคนรวยจะซื้อความสะดวกสบายให้ตัวเองทีหลัง ส่วนคนจนและคนชั้นกลางจะซื้อความสะดวกสะบายก่อนสิ่งอื่น นี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนรวยยิ่งรวยขึ้น ส่วนคนจนจะจนลง และคนชั้นกลางทำงานเพื่อจ่ายหนี้สินที่พวกเขาคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์
สรุปบทความ “ทำไมรายได้จาก active income ไม่ได้ทำให้คุณรวยขึ้นได้” ไม่ว่าคุณจะเป็นคนกลุ่มไหน คนจน คนชั้นกลาง คนรวย ถึงแม้คุณจะทำงานหนักเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีรายได้มากขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าคนเรามักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเท่ากับรายได้ของเราเสมอ สิ่งที่ทำให้คนทั้ง 3 กลุ่มแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ พวกเขาไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างสินทรัพย์ กับหนี้สิน ไม่มีความฉลาดทางการเงิน ไม่มีความรู้การลงทุน จึงไม่ได้นำรายได้บางส่วนหรือทั้งหมดไปซื้อสินทรัพย์ก่อน เพื่อเงินแต่ละเหรียญจะได้ทำงานให้กับคุณ
พวกเขากลับซื้อความสะดวกสบาย ความฟุ่มเฟื่อย สิ่งหรูหราให้กับตัวเองก่อน ไม่ว่าจะเป็น ซื้อบ้านหลังใหญ่ รถยนต์คันโต สิ่งของแบรนด์เนม รวมถึงมีบัตรเครดิตหลายใบที่จ่ายขั้นต่ำทุกเดือน จึงทำให้พวกเขากับดับหนี้สิน แต่ถ้าเพียงพวกเขามีความรู้ทางการเงิน การลงทุน นำรายได้ไปซื้อสินทรัพย์ก่อนจะจ่ายเงินซื้อหนี้สิน เมื่อช่องทรัพย์สินเพิ่มขึ้น รายได้มากขึ้น มากกว่าหนี้สินและรายจ่าย พวกเขาจะสามารถซื้อความสะดวกสบายให้กับตัวเองได้ มันสมควรที่จะทำ เพราะมันคือรางวัลสำหรับพวกเขา
ผู้เขียนอยากแนะนำ tips ความรู้จากหนังสือเสียง the richest man in Babylon
วิธีเยียวยา 7 ประการ สำหรับถุงเงินที่ว่างเปล่า เพื่อให้ทุกคนมีความรู้ทางการเงินเพิ่มขึ้น
1.ทุกๆ 10 เหรียญ ที่ท่านใส่ไว้ในถุงเงินของท่าน จงหยิบมาใช้จ่ายเพียงแค่ 9 เหรียญ
2.จงควบคุมค่าใช้จ่ายของท่าน เพราะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจะเพิ่มขึ้นเท่ากับรายได้เสมอ ถ้าเราไม่ความคุมมัน
3.จงทำให้ทองคำของท่านทวีคูณขึ้น เพราะความมั่งคั่งของเรา ไม่ได้อยู่ที่เหรียญในกระเป๋าเงิน แต่อยู่ที่กระแสเงินที่ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
4.ปกป้องทรัพย์สมบัติของท่านจากการสูญเสีย หลักการสำคัญประการแรกของการลงทุน คือ ความมั่งคงปลอดภัยของเงินทุน
5.จงทำให้เคหสถานของท่านเป็นการลงทุนที่มีผลกำไร
6.จงประกันรายได้สำหรับอนาคต เตรียมรายได้เมื่อตอนที่ท่านไม่มีเรี่ยวแรง และครอบครัวเมื่อตอนที่ท่านไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
7.จงเพิ่มพูนความสามารถในการหาเงินของท่าน
:อ้างอิงจาก หนังสือหนังสือ พ่อรวยพ่อจน
หนังสือหนังสือ พ่อรวยสอนการลงทุน
หนังสือเสียง (the richest man in Babylon
https://www.youtube.com/watch?v=IrkRkaQv89I
)
หนังสือเสียง หมาน้อยสอนรวย (
https://www.youtube.com/watch?v=jWWWWLE6Kng
)
หนังสือเสียง ใครเอาเนยเเข็งของฉันไป (
https://www.youtube.com/watch?v=Zpo6IM_Y73Q
)
ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.slideshare.net/slideshow/rich-dad-poor-dad-summary-113332347/113332347
1 บันทึก
4
1
1
1
4
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย