5 ชั่วโมงที่แล้ว • ธุรกิจ

Marketplace แข่งเดือด ค่า Fee กระฉูด!

จับ 5 เทรนด์ E-Commerce เปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาส ในงาน Priceza Thailand’s E-Commerce Trends 2025
🎯 แนวโน้มและโอกาสใน Thailand E-Commerce ปี 2025
สัดส่วนมูลค่าตลาด E-Commerce (เมื่อเทียบกับมูลค่าค้าปลีก โดยเฉลี่ยในปี 2024)
- China คนจีนใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 47.3%
- Indonesia ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 31.9%
- UK ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 30.4%
- South Korea ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 30%
- Thailand ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 25%
- US ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 16.2%
🎯 คาดการณ์มูลค่าตลาด Southeast Asia E-Commerce ปี 2024 ไปถึงปี 2030
- ในปี 2024 มีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 15% มูลค่าตลาดอยู่ที่ 5.56 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2030 จะมีการเติบโตไปถึง 13 ล้านบาท
- โดยสัดส่วนตัวเลขมาจาก (40.9% Indonesia, 16.4% Thailand, Philippines 13.2%, Vietnam 13.8%, Malaysia 10.1% และ Singapore 5.7%)
🎯 คาดการณ์มูลค่าตลาด Thailand E-Commerce (Share Spends by Channels 2024)
- 50% มาจาก Marketplace (Shopee, Lazada, Central, Konvy, NocNoc, Pomelo)
- 20% มาจาก Video Commerce (TikTok, Facebook, YouTube, Instagram
- 8% Quick Commerce & Grocery (เช่น Grab, LINE MAN, foodpanda, Tops, Lotus's เป็นต้น)
- 4% e-Tailers & Brand.com (เช่น Power buy, Watsons, Boots, Kingpower, HomePro เป็นต้น)
🌏 5 Trends E-Commerce ปี 2025 แนวโน้ม และโอกาสสำคัญสู่การเติบโตในยุคแห่งความท้าทายนี้!
🎯 Trends 1: The Rise of Affiliate Commerce
E-Commerce พันธ์ุใหม่ขับเคลื่อนการเติบโตของ E-Commerce ในไทยปี 2025 โดยมี Insight ที่น่าสนใจดังนี้
🔸 83% ของผู้บริโภคคนไทยยอมรับได้ที่อินฟลูเอนเซอร์แนะนำ จำนวน Content Creators เติบโตต่อเนื่องในทุกหมวดสินค้าด้าน Retail
🔸 Influencer ในไทยมีจำนวนมากถึง 9 ล้านคน ดังนั้นนี่คือช่องทางหนึ่งในการสื่อสารของแบรนด์ที่จะโหมกระหน่ำมากในปีนี้ โดยข้อมูลจาก Google e-Conomy SEA Report 2024 ระบุว่าในหมวดหมู่ของครีเอเตอร์ ในปัจจุบันแบ่งสัดส่วนได้เป็น 6 Categories ใหญ่ ๆ ดังนี้
- ปี 2024 กลุ่ม Food and drink มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 8%
- ปี 2024 กลุ่ม Fashion มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 4%
- ปี 2024 กลุ่ม Beauty มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 5%
- ปี 2024 กลุ่ม Home มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 12%
- ปี 2024 กลุ่ม Tech มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 8%
- ปี 2024 กลุ่ม Animals and pets มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 19%
🔸 3C to Drive Affiliate Commerce on 2025
เรื่องที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้คือ ผู้บริโภคจะรู้สึกดีและอยากซื้อถ้าคอนเทนต์ดีต่อเขาจริง และเมื่อเขารู้สึกดีเขาจะยอมจ่าย คนที่เป็น Content Creator เก่ง ๆ จะถูกการแย่งตัวในปีนี้! ซึ่ง Content Creator ที่เก่งมักจะมี 3C เป็นองค์ประกอบ
- Creators คอนเทนต์ที่เก่งจะสร้างคอนเทนต์ที่ดี และตรงใจผู้บริโภค
- Content คอนเทนต์ที่ดี และตรงจริตผู้บริโภคจะสร้างยอดขาย
- Commerce ยอดขายจะดีได้เกิดจากครีเอเตอร์และคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ
🔸 Convergence of Platforms ในประเทศไทย
- ปีนี้เราจะได้เห็นแพลตฟอร์มที่ทำ Content กระโดดมาทำ Affiliate & Commerce กันเข้มข้นขึ้น ได้แก่ YouTube Shopping, Google Shopping และ Meta Shopping
- ปีนี้ฝั่งของแพลตฟอร์มที่โดดเด่นด้าน Affiliate & Commerce ก็จะลงไปจริงจังเรื่องของ Payment & Delivery กันมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ Shopee Pay และ SPX / LazPay และ Lazada Logistics
🎯 Trends 2: Competition in Thailand E-Commerce is Heating Up!
ตลาด E-Commerce ไทยเปิดทางให้เกิดการแข่งขันแบบเสรีขั้นสุดจากผู้ขายทั่วโลก ข้อมูลจาก DIGITAL 2024 by We Are Social & Melt Water Q1-2024 ระบุไว้ว่าจากการ Survey กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยในปี 2024
- 54% คนไทยชอปออนไลน์เพราะส่วนลด
- 51.8% คนไทยชอปออนไลน์เพราะส่งฟรี
- 40.4% คนไทยชอปออนไลน์เพราะการขนส่งที่รวดเร็ว สะดวกสบาย
ดังนั้นสัญญาณนี้กำลังจะบอกว่า หากผู้ค้าออนไลน์ยังมีจุดอ่อนใน 3 เรื่องนี้จะทำให้คุณไปต่อยากขึ้น ดังนั้นเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการแข่งขันไม่ได้อีกต่อไป คาดการณ์ว่ามีจำนวน Sellers ใน 3 แพลตฟอร์ม ประมาณ 3 ล้านราย ในไทย สินค้ามากกว่า 300 ล้านรายการ ได้แก่ Shopee, Lazada, TikTok
[ ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม ]
- คาดการณ์สหรัฐอเมริกา เรื่องการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม 60-100%
- เรื่องสินค้าจีนนำเข้าไทยก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มจะเก็บก็ต่อเมื่อ (ต้องราคาต่ำกว่า 1,500 บาท) แต่กลับกันคนไทยใช้จ่ายใน E-Commerce โดยเฉลี่ยไม่ถึง (ส่วนใหญ่หลักร้อยด้วยซ้ำ!)
- ข้อสังเกตน่าสนใจคือ เวลาเข้าไปดูร้านค้าใน E-Commerce การแยกว่าร้านค้าไหนเป็นของไทยหรือจีน ให้ลองสังเกตที่ท้ายชื่อร้านจีนส่วนใหญ่จะเป็น (.th) เสมอ
- โดยสรุปปีนี้การแข่งขันของ Sellers ด้วยกันจะเข้มข้นและท้าทายมาก ๆ อีกปี!
🎯 Trends 3: E-Commerce Listening
ช่องเปิดทางทำธุรกิจออนไลน์แบบ “รู้เขา รู้เรา” เสริมแกร่งธุรกิจไทยแข่งขันในตลาด E-Commerce ที่มีการแข่งขันสูง
🔸 คีย์สำคัญของเรื่องนี้คือการเข้าใจเรื่องของ “รู้เขา รู้เรา” ต้องเกิดจาก 3 องค์ประกอบคือ
- Customers คุณรู้จักลูกค้า และรู้จักพฤติกรรมลูกค้าของคุณดีพอแล้วหรือยัง ?
- Company ภาพรวมตลาดหรือบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันเขามีทิศทางการเติบโตอย่างไร ?
- Competitors รู้จักคู่แข่งของคุณดีพอแล้วหรือยัง หรือวันนี้คุณรู้ไหมว่ามีคู่แข่งมาส่องคุณ ?
ดังนั้นการจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ ควรมีเครื่องมือในการทำการตลาดเข้ามาช่วย ซึ่งในบ้านเราเองก็มี Tools หลายตัวที่ช่วยผู้ประกอบการไทย และคนทำธุรกิจ ไม่ว่าจะช่วยในเชิง Data Insight, Order Management หรือ Chat Management หนึ่งในนั้นมี Tools อย่าง Etailligence ตัวช่วยเพิ่มยอดขายบน E-Marketplace ซึ่งหากใครสนใจสามารถไปติดตามรายละเอียดแต่ละเครื่องมือ หรือ Tools ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณได้เลย
🎯 Trends 4: E-Commerce Business Model Evolution
จากตลาด E-Commerce ที่แข่งเดือด ทำให้ผู้เล่นต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ หาช่องว่างโตในปีนี้ ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจไว้ดังนี้
🔸 โมเดลการทำฝากขาย หรือ Consignment Model เป็นโมเดลที่นำสนิค้าจากราคาโรงงานเข้ามา ถือเป็นธุรกิจใหม่ในวงการ E-Commerce ซึ่งมี 3 แบรนด์ คือ TEMU, CHOICE (ของ Lazada) , Choice (ของ Shopee) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากจีน
🔸 ในปีนี้ค่าธรรมเนียมการขายจะถีบตัวอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง ปีก่อน Shopee Mall Fee 8-13% แต่ปีนี้! ค่าธรรมเนียมกระโดดขึ้น 15-19% ถือว่าผู้ขายในปีนี้ปวดหัวแน่ ๆ แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาส คนทำค้าปลีกหลาย ๆ เจ้า เขาพยายามดึงตัวเองมาที่บ้านหลักอย่างเว็บไซต์มากขึ้น
🔸 57% ปีนี้เน้นลงทุนที่เว็บไซต์ตัวเอง และแอปตัวเองมากขึ้น ซึ่งภาพนี้สะท้อนถึงธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ไทยปรับโมเดลสู่การขายผ่านบ้านหลักของตัวเองมากขึ้นในปี 2025 โดยสองเหตุผลที่เป็นแบบนี้คือ การพึ่งพาแพลตฟอร์มอยู่บ่อยครั้งและมีเรื่อง PDPA เกิดขึ้นทำให้เก็บข้อมูลไม่ได้ และค่าธรรมเนียมถีบตัวขึ้นเรื่อย ๆ
🔸 คนทำค้าปลีกในปีนี้ต้องเริ่มขยับขยายกองทัพนักขายแบบพันธมิตร (Affiliate Commerce) เราไม่อาจทำธุรกิจค้าปลีกเพียงลำพังได้อีกต่อไป การมีพันธมิตรที่ดีตั้งแต่ Affiate Partner, Media, Social Influencers, Bloggers & Content Creator รวมไปถึงภาคส่วนอื่น ๆ มีความสำคัญมาก
🎯 Trends 5: Fast Delivery Like a Devil!
ปีนี้การส่งของไวเป็นปีศาจ ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่อดทนรอสินค้าได้นาน ผู้ขายรายไหนส่งเร็วในวันได้ พร้อมย้ายเจ้าทันที ดังนั้นใครส่งไวกว่าจะได้ใจลูกค้า โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
🔸 2025 ปีแห่งการได้รับสินค้า “ไวเป็นปีศาจ” คาดการณ์ว่าตลาด Quick Commerce ไทยโตปีละ 20-30%
🔸 กลุ่ม Retail อย่าง JIB หรือ Banana ที่เป็นตัวตึงด้านการส่งไวก่อนใครก็จะแข่งขันเรื่องส่งไวเข้มข้นขึ้นไปอีก
🔸 ปีนี้แพลตฟอร์มทุกเจ้าจะผลักดันให้ผู้ขายต้องส่งไวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Lazada มีโปรแกรมส่งเร็วพิเศษ (Priority delivery) ทุกคำสั่งซื้อส่งก่อนเที่ยงคืน หรือ Shopee ส่งด่วนไม่เกิน 5 ชม. เป็นต้น
🔸 Landscape ของการทำ Thailand Quick Commerce ในไทยปี 2025 เราจะได้เห็นผู้เล่นเหล่านี้
- High Delivery Speed กลุ่มผู้นำที่ทำมาก่อนได้แก่ Advice, JIB, Banana ถือเป็นผู้นำส่งไว
- และปีนี้เราจะเห็นการแข่งขันการส่งไว เช่น 7-Eleven Delivery, Shopee Express Delivery, Grab, LINE MAN, foodpanda รวมไปถึงเหล่าแพลตฟอร์มอย่าง Shopee, Lazada, TikTok NocNoc และอีกหลากหลายเจ้ามากมาย!
และนี่คือข้อมูลทั้งหมดจากงาน Priceza Thailand’s E-Commerce Trends 2025 ในหัวข้อ Fearless Future: E-Commerce Trends & Opportunities in 2025 แนวโน้มและโอกาสสำคัญในอีคอมเมิร์ซปี 2025 สู่การเติบโตในยุคแห่งความท้าทาย โดยคุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา CEO & Co-Founder of Priceza Honorary President of Thai E-Commerce Association
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
🎨 ภาพประกอบ: ชนสรณ เวชสิทธิ์
โฆษณา