เมื่อวาน เวลา 11:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ชูกลยุทธ์ “Core & Satellite” ฝ่าตลาดผันผวน

ตอบโจทย์ความมั่งคั่งระยะยาว สูตรลับ “BlueBell” ผลตอบแทนคาดหวัง 8 – 12%ต่อปี !!!
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้จะพามาเปิดแผนที่การลงทุนใน “ปีมะเส็ง-2025” ที่ทาง “บล.บลูเบลล์” (BlueBell) จับมือ “3 บลจ.ชั้นนำ” ของไทย ส่องลายแทงลงทุนกันชัดๆ
สินทรัพย์ไหนจะ “ปัง” หรือ “แป๊ก” !!!
จะได้ปรับกลยุทธ์รับมือการลงทุนในปีงูได้อย่างเหมาะสม ไม่ให้เพลี่ยงพล้ำ และไม่พลาดทุกโอกาสในการลงทุน
โดย “BlueBell” ยังคงแนะนำกลยุทธ์ “Core & Satellite” ให้นักลงทุนจัดพอร์ตรับมือตลาดการเงินโลกที่ยังคงผันผวนต่อเนื่องหลังการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสมัยที่2 ของสหรัฐคนนี้
โดยโมเดลสูตรลับของ “BlueBell” นั้น คาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 8 – 12% ต่อปีในระยะยาวได้ เรียกว่าตอบโจทย์นักลงทุนในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวได้เป็นอย่างดี
มุมมองการลงทุนในปี2025 จะเป็นเช่นไรนั้น ตามทีมงาน ‘Wealthy Thai’ ไปอัพเดทมุมมองจากเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญพร้อมกันได้เลย
“Make It Great”...ความสำเร็จในการลงทุนของท่าน คือความสำเร็จของ ‘BlueBell’ ที่จะทำให้เราก้าวไปได้ไกลอย่างยั่งยืน
โดย “นริสรา ชัยวัฒนะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บลูเบลล์ กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ของ “บลูเบลล์” ในหัวข้อ “Make It Great: The Vision 2025 – Great Journey. Great Investment.” ว่า “Make It Great” เป็นแรงบันดาลใจและเป้าหมายที่ดีสุดในก้าวย่างการทำธุรกิจของเรา บนเส้นทางของความแตกต่างและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การลงทุน
เพื่อให้ผู้ลงทุนได้นำไปใช้วางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างเหมาะสมตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของตัวเอง เพราะความสำเร็จของผู้ลงทุนเป็ยแรงขับเคลื่อนองค์กรของเรา
“เพราะความสำเร็จในการลงทุนของท่าน คือความสำเร็จของ ‘BlueBell’ ที่จะทำให้เราก้าวไปได้ไกลอย่างยั่งยืน”
“บลจ.แอสเซท พลัส” มั่นใจสินทรัพย์ดิจิทัล-หุ้นไซส์กลาง-เล็กสหรัฐ...ส่วน “บลจ.พรินซิเพิล” ชูหุ้นคุณภาพทั่วโลก-หุ้นเวียดนาม
การกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” และนโยบาย “Trump 2.0” ยังเป็นปัจจัยที่จะสร้างความผันผวนให้ตลาดการเงินทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม “คมสัน ผลานุสนธิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส มองว่า การมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ในมุมมกลับก็มาพร้อมกับ “โอกาส” เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ “Bitcoin” เพราะถือเป็นกลุ่มทุนหนึ่งที่สำคัญในการให้เงินสนับสนุนการเลือกตั้งกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” นั่นเอง ท่าที่ของทรัมป์จึงเปลี่ยนไป และมีแนวคิดจะเอา “Bitcoin” มาเป็นทุนสำรองในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ Supply ของ Bitcoin ที่ลดลง
ในขณะที่ Demand มีมากขึ้นทั้งจากภาครัฐ ที่ให้การยอมรับและพร้อมจะซื้อ Bitcoin มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองประเทศ บริษัทเอกชนเองก็มีความต้องการซื้อเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้นักลงทุนก็เช่นกัน นั่นจึงผลักดันให้ราคาของ Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทะลุ 1 แสนดอลลาร์เรียบร้อยแล้ว และตลาดคาดการณ์เป้าหมายราคามีโอกาสไปแตะ 1.5 แสนดอลลาร์ได้ในสิ้นปี25 นี้อีกด้วย ดังนั้นถ้าราคาย่อก็เป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
“การขึ้นภาษีของสหรัฐ ‘อินเดีย’ และ ‘ญี่ปุ่น’ คือ 2 ประเทศที่ได้รับผลกระทบน้อยสุดจึงเป็น 2 ตลาดที่น่าสนใจลงทุนในปีนี้เช่นกัน ส่วนกลุ่มลาตินอเมริกาได้รับผลกระทบมากสุดก็ควรเลี่ยงไป นอกจากนี้ ‘หุ้นสหรัฐขนาดกลาง-เล็ก’ ก็เป็นอีกสินทรัพย์ที่น่าสนใจที่จะ outperform หุ้นขนาดใหญ่ได้ เพราะมีครบทั้ง 3P ได้แก่
1) Profit กำไรจะโตดี 2) Policy นโยบายลดภาษีของทรัมป์จะเป็นประโยชน์กับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก และ 3) Position ที่ปัจจุบันนักลงทุนสถาบันยังลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กไม่มาก มีโอกาสจะโยกกลับเข้ามาลงทุนได้อีกมากเลยทีเดียว”
ด้าน “ธเนศ เลิศเพชรพันธ์” Investment Strategy บลจ.พรินซิเพิล มองว่า ในปี25 นี้ “หุ้นทั่วโลก” ที่มีคุณภาพที่ดียังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ มีเสถียรภาพของผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ 10 – 15% ต่อปี ไม่ผันผวนไปตามภาวะตลาดที่บางปีดี บางปีไม่ดี ยังคงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีในภาวะตลาดผันผวนเช่นนี้
นอกจากนี้ “หุ้นเวียดนาม” ยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจในปีนี้ จากโอกาสในการเลื่อนชั้นไปสู่ “ตลาดเกิดใหม่” ในดัชนี FTSE Emerging Market Index และนโยบาย China+1 ตลอดจนการลงทุนของภาครัฐที่จะกลับมาเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเวียดนามอีกครั้ง แนะนำให้ทยอยสะสมติดพอร์ตได้ เพราะเวลาที่ตลาด Rally นักลงทุนอาจเข้าไม่ทันและพลาดโอกาสการลงทุนที่ดีไป
“ส่วน ‘หุ้นจีน’ เป็นตลาดที่ยังมีปัจจัยลบเข้ามากดดันทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ก็ยังไม่ชัดเจน สำหรับนักลงทุนที่ถืออยู่ ไม่ใช่จังหวะที่จะขายให้ถือต่อไป แต่นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นจีน ไม่ต้องรีบเข้าลงทุน ชะลอดูไปก่อนได้ เพราะมีตลาดอื่นที่น่าสนใจมากกว่า”
“บลจ.เกียรตินาคินภัทร” ชูตราสารหนี้ทั่วโลกยังน่าสนใจปีนี้...ส่วน “BlueBell” แนะจัดพอร์ตแบบ “Core&Satellite” รับมือตลาดผันผวน
มาต่อกันที่ “รัฐพล ขัตติยะสุวงศ์” Team Head of Fixed Income Investment, บลจ.เกียรตินาคินภัทร ที่ยอมรับว่า หลังการกลับมาของ “โดนัลด์ ทรัมป์” อาจทำให้เงินเฟ้อไม่ได้ลงเร็วอย่างที่คาด นั่นจึงทำให้ตลาดคาดว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” (Fed) จะลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ตลาดคาด และตลาดไม่เชื่อว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงไปต่ำกว่า 4% ได้ ปัจจัยข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ ที่ Fed จะเอาไปใช้ประกอบการตัดสินใจเรื่องนโยบายดอกเบี้ยยังมีความไม่แน่นอนสูง
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน Bond Yield อยู่ในระดับที่สูงและน่าสนใจ แม้ตอนนี้นักลงทุนไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย (Recession) แต่ในอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หากสามารถลงทุนล็อกผลตอบแทนระดับสูง 4.5% ไปยาว 10 ปีได้ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มและน่าสนใจโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรของไทย และหากในอนาคตเกิด Recession ขึ้นในสหรัฐก็จะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้นด้วย
“ดอกเบี้ยขาลงยังทำให้ ‘ตราสารหนี้ทั่วโลก’ ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในปี25 นี้ โดยเฉพาะในพันธบัตรสหรัฐ ส่วนที่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นกลุ่ม ‘หุ้นกู้’ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ปิดท้ายกันด้วย “ศุภกฤต พิทักษ์พรเกษม” ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บล.บลูเบลล์ ที่มองว่า ปีนี้เราเชื่อว่าตลาดยังคง “ผันผวน” และแนะนำกลยุทธ์ “Core & Satellite Portfolio” แก่นักลงทุนชั้นนำ ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญในยุคที่ความไม่แน่นอนในตลาดการลงทุนทั่วโลกยังคงสูง
โดย ส่วนของ “Core Portfolio” ควรเน้นสินทรัพย์มั่นคง เช่น ตราสารหนี้ที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในปี25 และหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลกที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในสหรัฐและตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย และ เวียดนาม ซึ่งช่วยสร้างฐานการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว
“ส่วน ‘Satellite Portfolio’ ควรมุ่งเน้นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนสูงในระยะสั้นถึงกลาง เช่น หุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และหุ้นกลุ่ม Digital Asset ที่พร้อมได้รับนโยบายสนับสนุนจากสหรัฐในปีนี้ ซึ่งแนะนำให้อยู่ใน Core Port ประมาณ 70% โดยพอร์ตที่เราแนะนำผลตอบแทนคาดหวังเฉลี่ยอยู่ที่ 8 – 12% ต่อปี ในระยะยาว”
ทั้งหมดนี้ เป็นมุมมองจากเหล่ากูรูผู้เชี่ยวชาญ ที่มองว่าสินทรัพย์ไหนจะ “ปัง” และ “แป๊ก” ในปี25 นี้ ตลอดจนกลยุทธ์การลงทุนสไตล์ “Core &Satellite” สูตรลับของ “BlueBell” ที่จะช่วยให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น โดยมีผลตอบแทนคาดหวังในระยะยาวเฉลี่ย 8 – 12% ต่อปี เลยทีเดียว
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
โฆษณา