เขาไม่ใช่กษัตริย์
วันนี้ขอนำมุกวุ่นวายต่างๆในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งกันนะครับ เริ่มที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์ที่ถูกรัฐมากกว่า 20 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกาฟ้องร้องกันก่อนเลย...
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา(เป็นครั้งที่สอง) เขาได้ลงนามในบันทึกคำสั่งของผู้บริหาร
เพื่อกระชับนโยบายการย้ายถิ่นฐาน
ต่อมา เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 อัยการสูงสุดของรัฐและดินแดน 20 แห่งในสหรัฐอเมริกา รวมถึงองค์กรสิทธิพลเมืองหลายแห่ง
ได้ยื่นฟ้องต่อคำสั่งผู้บริหารที่เพิกถอนสัญชาติที่พวกเขาได้มาโดยกำเนิด
โดยข้อพิพาทด้านรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสิทธิความเป็นพลเมืองโดยกำเนิด คาดว่าจะเป็นการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ครั้งแรกต่อหน้าศาลฎีกาของสหรัฐฯ
และหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง คำสั่งบริหารเดิมจะมีกำหนดมีผลใช้บังคับภายใน 30 วันหลังจากออกคำสั่ง
แต่ปัจจุบันปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับได้ในทันที ในขณะที่กระบวนการทางกฎหมายก็ยังมีผลคืบหน้าตามกระบวนการ
แมทธิว แพลตคิน(Matthew Platkin) อัยการสูงสุดแห่งรัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งเป็นผู้นำในคดีนี้ กล่าวอย่างตรงไปตรงมามากขึ้นว่า
เขา "มั่นใจว่าคำสั่งผู้บริหารนี้จะไม่มีวัน(มีผล)ใช้บังคับ"
เพราะนี่คือ "การตัดสินใจของประธานาธิบดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา"
และนี่...เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้หลักนิติธรรมอ่อนแอลง
Platkin กล่าวว่า "นี่ไม่ใช่คำถามว่าฉันเห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดีหรือไม่ แต่นี่เป็นคำถามเกี่ยวกับการสนับสนุนรัฐธรรมนูญ "
เขายังกล่าวอีกว่า "อำนาจของประธานาธิบดีนั้นยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่เขาไม่ใช่กษัตริย์"
หลังจากที่โดนไล่บี๊ ทรัมป์ก็ร่ายชื่ออดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 คนให้ออกไปในทันที
แน่นอนว่าทรัมป์จะทำตามสัญญา โดยไล่เสี้ยนหนามออกในทันทีที่เขาเข้ารับตำแหน่ง
นั่นคือ เจ้าหน้าที่อาวุโสของฝ่ายบริหารของ Biden จำนวน 4 คน
อันนี้รวมถึง โฮเซ อันเดรส(Jose Andres)อีกด้วย เด๋วๆๆๆยังไม่หมดนะครับ...
โฮเซ อันเดรส(Jose Andres) จากสภาประธานาธิบดีด้านกีฬา ฟิตเนส และโภชนาการ,
มาร์ก มิลลีย์ (Mark Milley) จากคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ,
ไบรอัน ฮุก (Brian Hook) จากศูนย์นักวิชาการนานาชาติ
วูดโรว์ วิลสัน (Woodrow Wilson) และ เคอิชา แลนซ์ บอตทอมส์ (Keisha Lance Bottoms) จากสภาการส่งออก.... เอ เกิน 4 คนแล้วนี่หว่าาาาาา...
พร้อมทั้ง ประกาศจัดตั้ง "แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล " ขึ้นมาใหม่.
งานนี้ องค์กรหลายแห่งถูกไล่บี๊แทน...ทั้งนี้เพื่อตั้งคำถามถึงความถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวง
เอาล่ะสิ!!! ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจัดตั้ง "แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล(Department of Government Efficiency)" อย่างเป็นทางการเพื่อลดจำนวนรัฐบาลสหรัฐฯ ลง(อย่างมาก)
ภายในไม่กี่นาทีหลังการประกาศ สหภาพแรงงานหลายแห่งและกลุ่มผลประโยชน์สาธารณะได้ออกมาขอยื่นฟ้องในทันที
เพื่อท้าทายความถูกต้องตามกฎหมายของการดำเนินงานของแผนกนี้
สหภาพพนักงานรัฐบาลอเมริกัน (The American Federation of Government Employees (AFGE)) กล่าวในคำร้องเรียนว่า
"ปัจจุบัน สมาชิกของ Department of Government Efficiency ไม่ได้เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของชาวอเมริกันโดยทั่วไป
แต่พวกเขาจะ(แนะนำ)ให้ลดหย่อนหน่วยงานรัฐบาล และสถาบันที่ปกป้องสุขภาพ สวัสดิการและผู้บริโภค การเงินและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์"และเราคงเดินหน้าประท้วงต่อไป
และเมื่อถึงเวลา ทรัมป์ก็ควรพูดถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซะที..
หลังจากสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ (20 มกราคม 2568) ทรัมป์ได้จัดงานแถลงข่าวในสำนักงานประธานาธิบดีแห่ง...ทำเนียบขาว
เขากล่าวว่าปูติน ควรบรรลุข้อตกลงกับยูเครนเพื่อยุติสงคราม
“ผมคิดว่าเขา(ปูติน)กำลังทำลายรัสเซียเพราะยังไม่มีข้อตกลงใดๆ และรัสเซียกำลังประสบปัญหาใหญ่”
แน่นอนว่าทรัมป์เชื่อ(เอาเอง)ว่าเศรษฐกิจรัสเซียต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงคราม
และปูตินต้องหงุดหงิดกับผลงานที่ย่ำแย่ของเขา นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนต้องการบรรลุข้อตกลงร่วมกันอย่างสันติ
มาที่ทางคิวบากันบ้าง เมื่อทรัมป์เพิกเฉยต่อความจริง...ด้วยการตราหน้าคิวบาว่าเป็น "ผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายโดยรัฐบาล"
งานนี้ ..ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขึ้นบัญชีคิวบาอีกครั้งในรายชื่อ "ผู้ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายโดยรัฐ"
ความเป้นจริงนี้ทำให้ มิเกล ดิแอซ-คาเนล (Miguel Diaz-Canel) ประธานาธิบดีคิวบา ต้องโพสต์บนโซเชียลมีเดีย X เมื่อวันจันทร์ (20 มกราคม 2568) ว่า
ทรัมป์เพิกเฉยต่อความจริง และยกสถานะคิวบาให้เป็น "รัฐที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย" อีกครั้ง
โดยตั้งใจที่จะยกระดับสงครามเศรษฐกิจอันโหดร้ายต่อคิวบา เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ จุดประสงค์ในการครอบครองทั้งหมดของ...คิวบา..
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
