23 ม.ค. เวลา 03:30 • ข่าวรอบโลก

หยุดยิงบนซากน้ำตาแห่งความทุกข์

.
“จะดีใจก็ไม่สุด มันยังมีความโศกเศร้า ปนอยู่ด้วย”
.
นับตั้งแต่วันนั้น ตะวันออกกลางก็ลุกเป็นไฟ รัฐบาลอิสราเอลส่งกองทัพบุกเข้าปาเลสไตน์ ยิงถล่มทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้กระทั่งเลบานอนก็ยังโดนลูกหลง อิหร่านยังย่ำแย่ และเพราะการกระหน่ำโจมตีของอิสราเอล มันส่งผลให้รัฐบาลเผด็จการซีเรียล่มสลายไปด้วย
.
หลังจากเจรจากันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดข้อตกลงล่าสุดก็เกิดขึ้น เกือบ 400 กว่าวัน จากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2023
.
มาบัดนี้อิสราเอลและฮามาส ตกลงจะยุติการสู้รบ หรือเรียกง่ายๆ ว่าหยุดยิงชั่วคราว เป็นเวลา 6 อาทิตย์ โดยอิสราเอลจะขอแลกตัวประกันที่โดนจับ 33 ราย กับนักโทษปาเลสไตน์จำนวนหลักร้อย พร้อมทั้งถอนทหารบางส่วนจากฉนวนกาซา และอนุญาตให้รถส่งอาหารนับร้อย เข้าไปบรรเทาทุกข์ในพื้นที่นั้น
.
ชารอนดีใจ แต่ไม่สุด เขาทราบข่าวว่าพี่ชายที่โดนจับเป็นตัวประกันในวันที่ 7 ตุลาคม กำลังจะถูกปล่อยตัวออกมา
แม้จะปลาบปลื้ม แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่า พลันที่พบหน้า หลังจากสวมกอดชุดใหญ่ๆ เขาจะต้องพูดความจริง
.
“ผมต้องบอกพี่ว่า เมียและลูกสาวเขาถูกฆ่าในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม และต้องบอกเขาอีกว่า น้องชายที่ถูกจับไปพร้อมเขา ถูกสังหารหลังเป็นตัวประกันมากว่า 100 วัน”
.
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาเจ็บปวดกับความจริงที่จะต้องบอกกล่าว
.
“มันทำให้หัวใจผมแตกเป็นเสี่ยงๆ”
.
.
ห่างออกไป ประมาณ 60-70 กิโลเมตร ที่ฉนวนกาซา ซึ่งมีคนขนานนามว่า คุกเปิดที่ใหญ่สุดในโลก มันอยู่ทางใต้ห่างจากกรุงเทล-อาวีฟ เด็กหนุ่มนามว่า ลายัน อัล-มูทาเซฟ (Layan al-Mohtaseb) วัยแค่ 15 ปี คิดถึงห้องนอนของเขา ที่กาซา และหวังจะได้กลับไปทำความสะอาดให้เอี่ยมอ่อง เหมือนที่เคยทำ ก่อนจะหนีไปจากสงคราม
“เรากำลังจะได้กลับบ้านจริงๆ”
.
กาซา คือสมรภูมิเดือด อิสราเอลปูพรมถล่ม ส่งทหารเข้าลุย และมีข้อมูลชัดเจนว่ารถส่งอาหารจากองค์กรระหว่างประเทศ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ คนกาซา ซึ่งเป็นชาวปาเลสไตน์เดือดร้อนหนัก พวกเขาต้องลี้ภัยลงใต้ ไปกระจุกตัว หลังจากที่ต้องอยู่อย่างลำบากในดินแดนที่พวกเขาเรียกว่าบ้าน.
.
อิสราเอลกล่าวหาว่า ดินแดนกาซาซ่องสุมกำลังของฮามาสที่เป็นรัฐบาลครองปาเลสไตน์ และถือเป็นผู้ก่อการร้ายที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2023 มีการสร้างอุโมงค์ลับ มีการใช้โรงพยาบาลเป็นแหล่งซ่องสุม
.
ด้านคนกาซาจำนวนมาก ยืนยันว่า พวกเขาไม่ใช่ฮามาส แต่เป็นประชาชนที่ต้องอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ แบบไปไหนไม่ได้ และเมื่อถูกโจมตีทำลายบ้านเรือน ก็ต้องหนีอย่างอลหม่าน
.
และมีคนตายเป็นจำนวนมาก
.
การหยุดยิงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา สร้างความโล่งใจให้กับคนในกาซาอย่างมาก หญิงสาวรายหนึ่งเผยว่า เธอไม่รู้จะบรรยายว่าอย่างไรดีกับการหยุดยิงชั่วคราวนี้
.
“มันทั้งโล่งและเศร้าใจ ฉันดีใจที่รอดตายมาได้ และรู้สึกขอบคุณคนที่ช่วยเรา”
.
อย่างไรก็ดี หญิงสาวย้ำว่า ลึกๆ ภายในนั้น เธอรู้สึกเศร้า ที่มิตรสหายญาติสนิท รวมถึงเพื่อนบ้านหลายคน ไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้เห็นวันนี้
.
“เรากลับมาบ้านโดยไม่มีพวกเขาเคียงข้างอีกต่อไป”
.
แม้จะหยุดยิง แม้จะไม่มีกระสุนโปรยปราย แต่ก็ย้ำกับลูกๆ ว่า มันยังมีระเบิดตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่าเข้าใกล้วัตถุรูปร่างแปลกประหลาดโดยเด็ดขาด
.
ชาวกาซาหลายคน เดินทางกลับมาบ้าน หลังจากหนีร่นไปอยู่ทางใต้ ก่อนจะพบว่าบ้านที่เคยอาศัย สวนที่เคยปลูก บัดนี้เป็นแค่ซากปรักหักพัง แทบจะดูไม่ออกว่า มันเคยเป็นที่พักอาศัยอีกต่อไป
.
แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ได้กลับมาที่ตรงนี้แล้ว
“ผมขอนั่งตรงซากนี้สักพัก จับซากอิฐ เพื่อรำลึกว่าครั้งหนึ่ง มันเคยเป็นอะไร”
.
อิสราเอลเชื่อว่า ตัวประกันที่ถูกจับกุมไปโดยฮามาส จำนวน 30 ราย น่าจะเสียชีวิตแล้ว และตัวเลขจริงๆ อาจสูงกว่านั้น กระนั้นก็ยังหวังว่าตัวประกันบางส่วนจะได้กลับบ้าน โดยฮามาสจะพาตัวไปส่งยังสภากาชาด ที่บริเวณเวสแบงค์ของกาซา และจะมีการพาตัวไปยังโรงพยาบาล เข้ามายังอิสราเอล
.
โดยที่เวสแบงค์แห่งนี้ นักโทษ 1.7 พันราย ชาวปาเลสไตน์ก็จะได้กลับบ้านเช่นกัน โดยบางส่วนเป็นผู้หญิง ผู้มีความผิดเล็กน้อย อิสราเอล เรียนรู้ความผิดพลาด พวกเขาจะไม่ทำซ้ำรอยที่เคยปล่อยนักโทษ ซึ่งต่อมาจะเป็นหัวหน้ากลุ่มฮามาส พานักรบก่อเหตุในวันที่ 7 ตุลาคม 2023 อีกต่อไป
.
แต่ปัญหายังไม่จบ เพราะตัวประกันบางส่วน ถูกจับเป็นคู่ แต่ถูกปล่อยกลับมาไม่ครบ ภรรยาโดนส่งคืนให้อิสราเอล ขณะที่สามียังติดอยู่ในนั้น ฮามาสมองว่า หากผู้ชายอยู่ในวัยที่สู้รบเป็นทหารได้ ก็ไม่ควรจะได้รับอิสรภาพ
.
นั่นทำให้ผู้ได้รับการปล่อยตัว ต้องเผชิญความเจ็บปวด การรอคอยที่แทบสิ้นหวัง โดยไม่รู้ว่าคนรัก ยังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่ การนั่งอยู่เฉยๆ จึงไม่อาจเป็นไปได้ พวกเธอรวมตัว ลุกขึ้นสู้ ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอล เร่งเจรจาปล่อยตัวประกัน มีการติดรูปผู้ถูกจับไว้เต็มไปหมด มีการป่าวประกาศ กลางเมืองหลวง ให้สื่อทำข่าว ให้โลกได้รู้
.
เพื่อหวังให้คนรักได้กลับคืนมา
.
ดังกรณีของ อิสซิก ฮอร์น (Itzik Horn) ซึ่งมีลูกชายวัย 38 กับ 46 ปี พวกเขาทั้งสองถูกจับเป็นตัวประกัน ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 คนเป็นแม่ถือโทรโข่งยืนประท้วงกลางเมืองหลวงอิสราเอล ย้ำเตือนให้รัฐบาลเร่งจัดการพาลูกของเธอกลับมา
.
“ฉันวางแผนในหัวมานานแล้วว่า เมื่อเจอลูกทั้งสอง จะกอดเขา จะช่วยเขากลับคืนสู่ชีวิตปกติอย่างช้าๆ มันเป็นไปได้ที่จะทำให้ทั้งสองคนกลับมาเหมือนเดิม แม้มันจะยากก็ตาม”
.
ตัวประกันที่ถูกจับนานกว่า 460 วัน จะต้องพบเจอความเจ็บปวดทั้งทางกายและจิตใจมหาศาล นี่คือสิ่งที่ผู้รอคอยหวาดกลัว แต่ก็หวังว่าขอให้พวกเขากลับมาก่อน อย่างอื่นมันช่วยแก้ไขได้
.
ฮอร์นเผชิญความจริงสุดเลวร้าย ดีใจกึ่งสลด ลูกคนหนึ่งจะถูกปล่อยกลับมา ขณะที่อีกราย อายุไม่ถึง 40 ปี ถือว่าเข้าเกณฑ์เป็นนักรบ จึงต้องโดนคุมตัวไว้
.
อิสราเอลเตรียมโรงพยาบาล และทีมแพทย์ไว้รอ เมื่อตัวประกันกลับมา พวกเขาจะถูกตรวจสุขภาพ เนื่องจากหลายคน ใช้ชีวิตอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน ไม่เห็นแสงตะวันมาอย่างยาวนาน และต้องอยู่ในสภาพทุกข์ใจ คุมขังอย่างเลวร้าย
.
ตอนนี้ สิ่งที่หลายคนวาดฝันคือ อยากให้ตัวประกันทั้งหมด ถูกปล่อยตัวกลับมา แต่รัฐบาลอิสราเอล กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ฝ่ายขวาจัด ไม่ยินดีกับการหยุดยิง และมีรัฐมนตรีบางคนลาออกเพื่อแสดงการประท้วง นี่จึงทำให้รัฐบาลผสมแสนเปราะบาง ที่ถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายว่า ก่อเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนปาเลสไตน์ กำลังอยู่ในภาวะชะงักงัน
.
หลังจากผ่านช่วง 6 อาทิตย์หลังการหยุดยิงไปแล้ว จะมีการเจรจาเพื่อพักรบในระลอก 2 แน่นอนว่าฝ่ายขวาจัดในรัฐบาลอิสราเอลคงไม่ยินยอม แค่นี้ก็มากเกินไปแล้วที่อ่อนข้อให้อีกฝ่าย ขณะที่ครอบครัวตัวประกัน ขอให้คนรักกลับมาบ้านได้ และคนทั้งโลกหวังให้สันติภาพเกิดขึ้นในดินแดนนี้สักทีเถอะ
.
นี่คือโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลอิสราเอลกับฮามาส
.
อัล-ฮัสซัน อัล-ฮาราเซน (Al-Hassan al-Harazeen) อายุ 23 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 เอกคอมพิวเตอร์ ครอบครัวเขาอาศัยอยู่ทางตะวันออกของกาซา ซึ่งบ้านพังยับไปแล้ว แต่เมื่อข่าวการหยุดยิงเกิดขึ้น เขาหวังจะรุดไปจุดที่เคยเป็นบ้านอย่างแน่นอน
.
แน่นอนมันคงเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่มันก็เคยและยังคงเป็นจุดที่เก็บความทรงจำเขาไว้ และเจ้าตัวจะไปเยี่ยมหลุมฝังศพปู่ ซึ่งพวกเขาร่วมกันฝังกับมือ หลังสงครามเริ่มขึ้นได้ไม่นาน
.
ชายชาวปาเลสไตน์ วัย 48 ปี ซึ่งเป็นช่างตัดเสื้อ เผยว่า พลันที่รู้ข่าวหยุดยิงนี้ เขาแทบจะไม่อยากเชื่อว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง
.
“ถ้าบินได้ ผมจะบินขึ้นเหนือ เพื่อไปดูซากบ้านของผมเลย”
.
บางทีฝันร้ายกำลังจะสิ้นสุดลง
.
จริงเหรอ?
.
บทเรียนจากเรื่องราวนี้ก็คือ ความโหดเหี้ยมแห่งการก่อการร้าย ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหน คนที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนเสมอ ไม่ว่าจะทั้งอิสราเอล หรือปาเลสไตน์ ไม่ว่าจะในกรุงเทล-อาวีฟ หรือในกาซา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ฝั่งใด ครอบครัวฝ่ายใด
ไม่ว่าจะมีความเชื่ออย่างไร
.
เมื่อไม่มีกระสุนและการทิ้งระเบิด พวกเขาต่างโล่งอก กระนั้นบาดแผลในใจ ความเจ็บปวดที่ได้รับ ความตายที่ได้เห็น โลกบนดินที่โหดร้ายยิ่งกว่านรกขุมใด
.
มันยากจะบรรยายออกมาได้ ดังเช่นคำพูดของชาวปาเลสไตน์รายหนึ่ง ที่อาจจะสรุปเรื่องราวความเลวร้ายในดินแดนผืนนี้ได้อย่างน่าสนใจว่า
.
“มันเป็นอารมณ์ที่ผสมผสาน ดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่เศร้าใจที่ต้องบอกลาใครหลายคนซึ่งจากไป และได้แต่นั่งหวังในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ไกลออกไปไม่ถึง 100 กิโลเมตร คุณแม่ตัวประกันชาวอิสราเอล ยังรอคอยที่จะได้พบหน้าลูก กินเวลานับ 400 กว่าวัน ความหวังยังมี แต่ความหวาดกลัวยังกรุ่นในใจ
.
6 อาทิตย์บนข้อเสนอแสนเปราะบาง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ลั่นกระสุน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หายนะจะเกิดขึ้นกับประชาชนไม่ว่าจะฝ่ายใดอย่างแน่นอน เธอคิดออกมาดังๆ โดยหวังว่ามันจะไม่เป็นความจริง
.
“ถ้าข้อตกลงนี้ถูกละเมิด และสงครามเริ่มขึ้นอีกครั้ง ตัวประกันที่ยังถูกจับตัวไว้ จะถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอน”
โฆษณา