Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Show my love
•
ติดตาม
23 ม.ค. เวลา 03:52 • กีฬา
สมมติว่าวันนั้นอโมริมได้คุมลิเวอร์พูล?
ย้อนไปในช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่(ตอนนี้อาจจะใช้ตำแหน่งว่าเฮดโค้ชเดี๋ยวมีคนมาแย้ง) รูเบน อโมริม เป็นหนึ่งในรายชื่อที่แฟนบอลไม่น้อยตื่นเต้นกันมาก ซึ่งผมไม่ใช่หนึ่งในนั้น!
มีคนมาถามว่าลิเวอร์พูลจะเป็นยังไงถ้าเล่น 3-4-3 และมองถึงหน้าตาของทีมในอนาคต หลายคนก็ตื่นเต้นกับความมีสเน่ห์ของโค้ชชาวโปรตุกีรายนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะครั้งหนึ่งเราเหมือนจะเคยพลาดตัวโชเซ่ มูรินโญ่ในความรู้สึก(ปี 2004/05)
ประวัติศาสตร์ของสโมสรอาจจะเปลี่ยนแปลงไป เราจะไม่มีค่ำคืนพิเศษที่อิสตันบูล แต่สโมสรอาจจะเดินไปอีกแบบ ย้ำว่าสมมติเท่านั้น ไม่ต้องไปขุดหาข่าวเก่าๆ เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง เราได้ราฟาเอล เบนิเตซที่ทำทีมได้ยอดเยี่ยมแล้วเหมาะสมกับขุมกำลังเวลานั้น
แต่เราก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าได้โค้ชที่มีคาแรกเตอร์แบบนั้นเข้ามาจะเป็นอย่างไร เรามีโอกาสในปีที่แล้ว กับรูเบน อโมริม ซึ่งมีคนพูดถึงระบบที่เขายึดมั่น อารมณ์ร่วม การเล่นฟุตบอลสไตล์เพรสซิ่งแบบเดียวกับเจอร์เก้น คล็อปป์
สุดท้ายข่าวการไปติดต่อกับเวสต์แฮม ทำให้หลายคนโล่งอกแล้วที่ไม่ได้โค้ชรายนี้ แม้ว่าเขาจะสารภาพ ขอโทษสโมสรเก่าอย่างลิสบอน แต่การไปเจรจากับเวสต์แฮมที่ลอนดอนในช่วงเวลาแบบนั้นถือว่าผิดมารยาทมาก
มีข่าวว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งในการปั่นค่าตัวกับลิเวอร์พูล ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริงแค่ไหน แต่สุดท้ายลิเวอร์พูลไม่ได้ติดต่ออโมริม ที่ดูเท่ห์ๆ ฉายา “พี่เจ๋ง” เขาได้มาก่อนไปคุมแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยซ้ำ จากลักษณะภายนอก รูปร่างหน้าตา
เขาดูดีจริงๆ ถ้าเทียบกับอาร์เน่อ ชล็อต ผู้ดูเฟรนลีย์ ดูเหมือนกับลุงใจดีมากกว่า แต่ตอนนั้นผมไม่คิดอย่างนั้น เทียบกันแล้วผมไม่รู้จักทั้งคู่เลย! แต่ผมคิดชอบชาวดัตช์มากกว่าโปรตุกีส ทั้งที่ในประวัติศาสตร์ที่เราเรียนมาสองชาติไม่ได้มีปัญหากับเราเท่าไหร่
ใครไม่เห็นด้วยไม่ว่า แต่ความรู้สึกในประวัติศาสตร์ไทย ฝรั่งเศสจะเป็นชาติที่เราไม่ค่อยชอบ ตั้งแต่การเสียดินแดนมาจนถึงเขาพระวิหาร แต่นั่นไม่เกี่ยวกับคนฝรั่งเศสยุคปัจจุบัน เราเคยมีเชราร์ อุลลิเยร์เป็นผู้จัดการทีม มีนักเตะหลายคนเป็นฝรั่งเศส
แต่เทียบอโมริมกับชล็อต ผมดูประวัติในตอนนั้นแทบไม่ได้แตกต่างกันเลย ผมยังชอบชล็อตที่คล้ายกับคล็อปป์มากกว่าด้วย เขาไม่ได้ระดับทีมชาติอย่างอโมริม ไม่ได้เล่นในลีกสูงสุด แต่ความเหมือนกันคือคุมทีมเล็กหน่อยประสบความสำเร็จกว่า
แต่ความผูกพันที่มีต่อเดิร์ค เคาต์ กับเฟเยนูร์ดไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าอดีตนักเตะเราที่มาจากลีกฮอลแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นฮูเปีย จนถึงหลุยส์ ซัวเรซ แม้แต่มองไปยังตำนานพรีเมียร์ลีกของทีมอื่นๆ หลายคน ผมคิดว่านักเตะจากลีกดัตช์มักจะปรับตัวได้ง่ายกว่า
ส่วนอะไรที่มาจากโปรตุเกส อาจจะมีดิอาซที่ทำได้เร็ว แต่ลองดูนูนเญซตอนนี้ยังไม่อาจจะแน่ใจ! ดังนั้นในเวลานั้นผมโอเคกับชล็อตมากกว่า ยิ่งก่อนอำลาตำแหน่งคล็อปป์ทำเพลงเชียร์ไว้รอแล้ว
ผมไม่แน่ใจว่าคล็อปป์มีส่วนแนะนำชล็อตแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้เลือกเหมือนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเลือกเดวิด มอยส์หรอก แต่ผมเชื่อว่าบอร์ดอาจจะมีถามอะไรไปบ้างแน่นอน อย่างน้อยคล็อปป์ก็รู้ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการแน่จากเพลงเชียร์ในสนามวันนั้น!
ผมจะไม่เอาวันนี้เป็นข้อสรุป จนกว่าจะจบฤดูกาล และมีถ้วยรางวัลใดๆ ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีแค่ไหน และต่อให้ฤดูกาลนี้ออกมาดีมาก เราก็ต้องดูยาวๆ ดูหลายๆ ปีว่าเขาจะเป็น One Season Only หรือดีปีเดียวไหม การต่อยอดทีมหลังจากนี้จะเป็นยังไง
การซื้อตัว อำนาจการต่อรอง การตัดสินใจ ยุคต่อไปอาจจะไม่ได้อยู่ที่เฮดโค้ชอีกแล้ว ถ้าเขาเป็นเชฟจะปรุงมันได้ดีแค่ไหน มันยังไกลออกไป เรายังไม่เห็นนักเตะคนแรกจริงๆ (อาจจะนับเคียซ่าได้ไหม) นี่อาจจะไม่ใช่ทีมของเขาจริงๆ แต่ใครจะสน?
ผมว่ามันเกิดขึ้นกับทุกทีม บางทีมฝันว่าผู้จัดการทีมคนเดียวคุมนานๆ ประสบความสำเร็จเป็น “ไดนาสตี้” สร้างยุคสมัยของพวกเขาแบบในอดีต แต่ฟุตบอลปัจจุบัน เราก็เห็นทีมที่ประสบความสำเร็จยาวๆ อย่างเรอัล มาดริด, บาเยิร์น หรือบาร์ซ่าก็เปลี่ยนโค้ชเป็นว่าเล่นเช่นกัน
อาจจะมียุคทองของแมนฯ ซิตี้ และเป๊บ แต่เราอยากเป็นทีมแบบไหน? ผมว่าเราโชคดีที่ได้คล็อปป์มาวางรากฐานทุกอย่าง เขาเป็นคนแรกๆ ที่พูดถึงปัญหาของเมลวู้ด จนเราได้ย้ายสนามซ้อมใหม่ มีส่วนในการขยายอัฒจันทร์เพิ่มขนาดสนามทุกทิศทาง
หลังจากนั้นมันก็ง่ายขึ้นที่คนจะมาทำต่อ แต่มันก็เคยเกิดกับแมนฯ ยูไนเต็ดในยุคที่เฟอร์กี้วางมือเช่นกัน แต่ผลลัพธ์ถึงเวลานี้แมนฯ ยูไนเต็ดยังไม่เข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีก หรือเอาแค่จุดที่ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบนั้นอีกเลย
เรื่องแมนฯ ยูไนเต็ด สัปดาห์นี้จะดูเพจ ช่องทางต่างๆ ของเด็กผี คงเห็นอารมณ์ “หดหู่” ที่แผ่กระจายไปทั่ว แต่มันทำให้คิดเล่นๆ ว่าถ้าอโมริมมาคุมลิเวอร์พูลจะเป็นยังไง เพราะเทียบกับตอนคุมลิสบอน ตอนนั้นผมไม่รู้จักเขาเลย
แต่ตอนนี้ชัดเจนว่าอโมริมยึดมั่นในปรัชญาของเขาชัดเจน เขายืนพื้นด้วยแผน 3-4-3 เท่านั้น สถานการณ์จะตาม จะนำ จะมาอุด หรือจะบุก ข้าจะใช้แผนนี้ มันต่างจากตอนคล็อปป์ที่เขาอยู่เยอรมนีใช้เป็น 4-2-3-1 ในช่วงเวลาส่วนใหญ่กับดอร์ทมุนด์ด้วยซ้ำ
อาจจะมีคนโต้แย้งว่าเขาใช้แผนอื่นด้วย แต่คล็อปป์บอกว่ามันไม่ได้สำคัญ ใน 1 เกมเขาให้ลูกทีมเล่นมาแล้วหลายแผน ระบบไม่ใช่เรื่องใหญ่ อยู่ที่ทำให้มันตรงกับสถานการณ์ และทีมได้เปรียบคู่แข่ง ทำให้คู่แข่งเล่นยาก
แต่ภาพจำของคล็อปป์คือ 4-3-3 ทั้งที่ความเป็นจริงอย่างที่คล็อปป์บอกว่าในระหว่างเกมการยืนต้องมีการปรับเปลี่ยน
ผมไม่แน่ใจอโมริมในจุดนี้ ช่วงต้นที่เขาคุมแมนฯ ยูไนเต็ด เขาเปลี่ยนตัวไปเรื่อยๆ จนเด็กผีไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายเขาก็แจงอย่างมีเหตุผลว่าเขาต้องทำแบบนั้นเพราะนักเตะไม่ฟิตพอ จนระยะหลังตั้งแต่แดงเดือดแมนฯ ยูไนเต็ดดูจะมี 11 ตัวจริงชัดเจนขึ้น
แมนฯ ยูไนเต็ดแสดงให้เห็นในเกมกับลิเวอร์พูล และอาร์เซนอล(เอฟเอ คัพ) ว่าพวกเขาสู้กับทีมหัวตารางได้ แต่คนจะสงสัยเวลาเล่นเกมอื่นๆ แต่ในความเป็นจริง 2 เกมนั้นคือ 2 เกมที่พวกเขาเน้นเกมรับเป็นหลัก
ปัญหาจริงๆ คือนักเตะของพวกเขายังดูไม่เข้าใจระบบ และยามที่ต้องเล่นเกมรุกกับทีมที่ไม่บุกใส่
ผมตั้งข้อสังเกตว่าระบบหลัง 3 (แต่จริงๆ เป็น 5 ตอนตั้งรับ) เรามีปีที่คอนเต้ทำประสบความสำเร็จ ปีที่มาร์ติเนซเกือบได้มาคุมลิเวอร์พูลตอนสัมภาษณ์กับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ระบบนี้มักจะสร้างผลงานได้ดีตอนที่ในลีกยืนพื้นด้วย 4-4-2
ต้องย้ำว่ามันไม่ได้ตายตัวขนาดนั้น แต่ 4-2-3-1 ดูจะแพ้ทาง 3-4-3 ในวันที่ต้องเล่นเกมรุกใส่ เพราะตอนโต้กลับ 4-2-3-1 จะแพ้จำนวนผู้เล่นตอนรุก และตอนเจอโต้ยังลำบาก แต่ตอนนี้ในลีก ทีมส่วนใหญ่เล่น 4-3-3 โอกาสจะได้เปรียบแบบนั้นลำบากขึ้นเยอะ
นั่นเป็นปัจจัยแรก แต่ก็นั่นแหล่ะอย่างที่ทุกคนรู้ และบอก โค้ชที่เก่งก็ไม่ได้มีระบบตายตัวอย่างคาร์โล อันเชล็อตติ เขาปรับตัวตามขุมกำลังที่มีตลอด แม้แต่คล็อปป์ หรือแม้แต่อดีตโค้ชดังๆ อย่างเวนเกอร์ หรือเฟอร์กูสันเองก็ปรับแผนตลอดระหว่างเกม
ชล็อตแสดงให้เห็นสิ่งนี้เช่นกัน ในบางเกมที่ต้องเสี่ยง All in เราเห็นเขาส่งกองหน้า 4 ตัวลงไปพร้อมกันมาแล้ว เผลอๆ เทียบกับยุคคล็อปป์ ชล็อตยังกล้าเสี่ยงกว่าด้วยซ้ำ ถึงกับเอาหลังออกเกือบหมดก็มี ให้กองกลางรับไปยืนหลังแทน
ในระยะเวลาสั้นๆ จุดนี้อาจจะเทียบกับคล็อปป์หลายปีได้ยาก ฟุตบอลของชล็อตก็อาจจะมีช้าไม่เร้าใจเท่า แต่ตารางคะแนนไม่โกหกใคร ผลงานถึงตอนนี้ทั้งในลีก และยุโรป มันปูทางสู่ปลายฤดูกาลที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูลได้ ไม่ว่ามันจะจบยังไง
กลับกันถ้าสมมติว่าขุมกำลังเดียวกัน การซื้อแบบเดียวกัน ลองนึกภาพอโมริมเข้ามา โอกาสจะทำได้แบบนี้มีไหม? ตอบแบบเป็นกลางว่ามี ดีกกว่านี้ได้ไหม? ได้ แต่ๆๆๆ โอกาสน้อย
สมมติว่าเราต้องเริ่มต้นด้วย 3-4-3 ผมยังไม่รู้ว่าอโมริมจะแก้เกมแบบชล็อตทำไหม ถ้าเล่นระบบนี้ก็จะเป็นผังตามภาพ หลังเราคงจะเป็น โกนาเต้, ฟาน ไดค์, โกเมซ และมีควอนซาห์เป็นสำรอง อาจจะมีเอ็นโด หรือซื้อใครเพิ่ม เก็บเด็กไว้เพิ่ม
คนที่เล่นง่ายขึ้นที่สุดอาจจะเป็นเทรนต์ขึ้นไปยืนวิงขวา ไม่ต้องห่วงเกมรับมากเท่าเดิม ด้านซ้ายโอกาสเป็นโรเบิร์ตสันสูงมาก ซิมิกาสบางเกมอาจจะได้เล่น บางช่วงอาจจะต้องลงมาเป็น 1 ใน 3 เซนเตอร์ฮาล์ฟ เพราะโกนาเต้ หรือโกเมซอาจจะไม่ฟิต
แต่ 1 ใน 3 ตัวหลัง เทรนต์ไม่น่าจะเล่นได้ กับระบบนี้ร็อบโบ้อาจจะพลาดได้มากขึ้น เพราะมีตัวซ้อน ทำให้พลาดน้อยลง อ่อ เกือบลืมไปโกลยังไงก็คงเป็นอลีสซง และในการประกาศคุมทีมเราอาจจะได้เห็นอโมริมไปทัวร์แอนฟิลด์
และพูดว่า ต่อไปไม่ว่าใครย้ายมา ผมจะให้พาทัวร์สนาม... อาจจะได้คำสัมภาษณ์หล่อๆ แฟนบอลอาจจะฝันไกล... อันนี้พูดจริงๆ จากที่ได้เห็นการแสดงออกของเขากับแมนฯ ยูไนเต็ด จุดนี้จอทีวี หรือมอนิเตอร์ในห้องแต่งตัวต้องระวังให้ดี!
แดนกลาง อโมริมจะใช้ตัวรับตัวหนึ่ง อีกตัวน่าจะเป็นตัวที่เลี้ยงได้ดี โอกาสจะออกเป็นเอ็นโด กับแม็ค อัลลิสเตอร์มีสูงมาก ผมคิดว่ากราเฟนแบร์คจะไม่ได้เล่นเบอร์ 6 แน่ถ้าอโมริมเข้ามา บางทีเราอาจจะได้ตัวอูร์กาเต้ แต่ไม่เซ็นโกลล่วงหน้า
กองกลางอาจจะเป็นอูร์กาเต้กับแม็คก้า มีโซโบ และกราฟสลับในบางสถานการณ์
3 ตัวรุกนี่ง่ายหน่อย ง่ายมากๆ คือด้านซ้ายคงเป็นดิอาซ และขวาเป็นซาลาห์ แต่หน้าเป้าเขาน่าจะใช้ได้ทั้ง นูนเญซ, คักโป และโชต้า ซึ่งจากที่เห็นทั้งลิสบอน และแมนฯ ยูไนเต็ด อโมริมชอบกองหน้าที่พอจะพักบอลได้ และคล่องด้วย
คักโปน่าจะเป็นตัวเลือกแรก แต่นูนเญซก็พอมีโอกาส และทางด้านขวาเคียซ่าคงได้แย่งตำแหน่งกับซาลาห์ และได้เวลามากกว่านี้! (เพราะอโมริมชอบเปลี่ยนตัวตรงนี้บ่อยๆ) ที่ไม่เลือกโชต้าเป็นหน้าเป้า เพราะต่อให้เปลี่ยนกุนซือเขาก็คงเจ็บบ่อยเท่าเดิมอยู่ดี!
พูดถึงโชต้านี่น่าห่วง เพราะอาจจะมีเจ็บจากโชคร้ายโดนคู่แข่งอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเจ็บเองมากกว่า ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นกองหน้าที่การันตีประตูสองหลักต่อฤดูกาลสบายๆ หวังตอนนี้คือเจ็บได้บ้าง แต่อย่าเจ็บยาว และกลับมาในช่วงเวลาสำคัญๆ ได้ก็พอ
พอเป็นระบบนี้ ผมจะรู้สึกว่าลิเวอร์พูลน่าจะทำได้ แต่โอกาสเสี่ยงที่จะเห็นบางคนมีปัญหาก็ไม่น้อย เพราะทีมเล่นหลัง 4 มานาน แผงหลังนี่แหล่ะจะปรับตัวยากสุด
กับลิเวอร์พูลที่ต้องใส่ 5 ตัวที่รับมากกว่ารุกในสนาม (เซนเตอร์ 3, วิงแบ็ก 2) ผมว่าปริมาณตัวรับมากไป โอเคด้านขวา เทรนต์อาจจะอินเวสเข้ามาช่วยกลางมากขึ้นได้ แต่ไม่รู้จะถูกใจโค้ชไหม บางเกมอาจจะใช้เอลเลียตต์ตรงนี้ได้
เราอาจจะเห็นความยืดหยุ่นจากขุมกำลังที่คล็อปป์ทิ้งไว้ แต่ถ้าคนใช้ไม่ยืดหยุ่นก็น่าหนักใจ
ผมเชื่อว่าผลงานของลิเวอร์พูลจะไม่ได้แย่แบบที่อโมริมคุมแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนี้แน่ๆ แต่จะดีมากหรือดีน้อยไม่รู้ โอกาสที่เขาจะมีปัญหาบางอย่างกับนักเตะบางคนเหมือนกรณีแรซฟอร์ดก็ใช่ว่าจะไม่มีด้วย พูดตรงๆ ถ้าตอนนี้เป็นอโมริมก็น่าจะมีเรื่องน่าหนักใจเช่นกัน
หลัง 3 ก็ไม่เหมาะกับลิเวอร์พูลที่ไม่ได้มีเซนเตอร์แบ็กเยอะ และฟิตตลอด นอกจากฟาน ไดค์ กับควอนซาห์อีกสองคนก็สลับกันเจ็บ มันเป็นระบบที่ลิเวอร์พูลชุดนี้เล่นได้แน่ แต่ดีไหมก็อีกเรื่อง ผมว่าแดนกลางน่าจะเหนื่อยสุด เพราะตัวจะน้อยลง
ส่วนแดนหน้าเอาจริงๆ คงไม่ต่างจากตอนนี้ จริงๆ ลิเวอร์พูลดูลงตัวกว่าแมนฯ ยูไนเต็ดด้วยซ้ำ เพราะตัวรุกเล่นได้แน่ๆ แต่คนที่เหนื่อย และเสียของ คล้ายกับบรูโน่ แฟร์นานด์ ก็คงจะเป็น โดมินิก โซบอสไล ที่ลงมายืนกลางก็จะรั่วได้ ขึ้นไปหน้าก็ไม่สุด
ด้วยมรดกที่คล็อปป์ทิ้งไว้ให้ ต่อให้เล่น 3-4-3 ตามแบบอโมริม ผมเชื่อว่าลิเวอร์พูลจะทำได้ดีพอสมควร ยิ่งนักเตะ ถ้าจูนกันได้ พวกเขาน่าจะรับคำสั่ง เชื่อฟัง วิ่ง และทำตามแผนของโค้ชโปรตุกีสได้ดีกว่าลูกทีมของอโมริมในตอนนี้
แต่จุดแตกต่างกับชล็อต ย้ำว่าแค่เวลานี้ อโมริมยังไม่ได้แสดงความยืดหยุ่นใดๆ ออกมา เราอาจจะเห็นบางเกมที่ ร็อบโบ้ หรือซิมิกาสไปอยู่ในหลังสาม และดิอาซอาจจะถอยมาเป็นวิงซ้าย เพิ่มด้านหน้าเป็นนูนเญซ, คักโป, ซาลาห์ แต่ดูเหมือนเขาจะเลือกปรับนักเตะมากกว่าระบบมากกว่า
ถึงจะเปิดประตูบอกว่ามีทางที่อโมริมจะทำได้ดี แต่ก็น่าหนักใจหลายๆ จุด โดยเฉพาะจุดที่ชี้ขาดให้ลิเวอร์พูลบินสูง และประสบความสำเร็จในเวลานี้ ยากมากที่อโมริมจะเห็น เพราะแม้แต่คล็อปป์ยังไม่ได้ใช้
จุดที่ชล็อตดึง กราเฟนแบร์ค มาเล่นเบอร์ 6 ตรงนี้ ที่กลายเป็นจุดแข็งที่สุดของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ และกำลังไล่ล่าความสำเร็จแบบจริงจังทุกรายการ ดังนั้นต้องบอกว่าลิเวอร์พูลโชคดีมากแล้ว บอร์ดบริหารตัดสินใจได้ดีมากแล้ว
ไม่ใช่ความผิดของอโมริมในกรณีนี้แต่อย่างใด แค่บอกว่าเขียนถึงตรงนี้ บางทีเราก็เห็นภาพชัดว่ามันไม่ใช่แค่กุนซืออย่างเดียว มันอยู่ที่องค์ประกอบต่างๆ ในทีมนั้นๆ ในเวลานั้นเช่นกัน
ลองกลับกันให้ชล็อตไปคุมลูกทีมแบบแมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้สถานการณ์คงหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน...
จินตะปัญญา
#klopp #amorim #arneslot #liverpool #manutd
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย