23 ม.ค. เวลา 08:05 • ข่าว

เพลิงพิโรธของทรัมพ์ ที่อาจลามถึงคดีนิรโทษกรรมของลูกชายไบเดน

กระแสพายุคำสั่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมพ์ ยังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงราวกับพายุทอร์นาโด ระดับ 5 ที่หมายจะพังทุกอย่างที่ขวางทางความเป็น Great America ของทรัมพ์
2
แต่นอกเหนือจากการใช้คำสั่งแสดงฤทธาในการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบรัฐธรรมนูญของสหรัฐเพื่อสนองวิสัยทัศน์ (นี้ด) ของตนเองแล้ว ก็ยังมีภารกิจส่วนตัวด้วย นั่นก็คือการแก้แค้นศัตรูทางการเมืองของเขาในอดีต และที่โดนหมายหัวเป็นพิเศษก็น่าจะเป็น โจ ไบเดน และทีมงานของเขานั่นแล
1
แม้จะเป็นเรื่องปกติทางการเมือง เมื่อมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ทีมงานจากรัฐบาลชุดเดิมก็ต้องเปลี่ยนใหม่ยกชุด แต่สำหรับโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่เรารู้จักกันนั้น มันไม่เคยมีอะไรธรรมดา และ ความแค้นของเขา มักร้อนแรงดั่งไฟเออร์ แถมพลังงานล้นเหลือ ไม่มีแผ่วสักวัน
2
ล่าสุด ทรัมพ์ก็ได้เซ็นคำสั่งประธานาธิบดี เพิกถอนสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลชั้นลับ (Security Clearance) อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองจำนวน 51 คน ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่เคยเซ็นรับรองว่า ข้อมูล Email ที่หลุดออกมาจาก Laptop ของ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายหัวแหวนของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อปี 2020 นั้น เป็นเพียง "ข่าวปลอม" ของรัสเซีย
3
ซึ่งการรับรองของเจ้าหน้าที่ด้านข่าวกรองครั้งนั้น มีผลต่อหลักฐานที่เผยว่า ทั้งโจ และ ฮันเตอร์ ไบเดน กระทำการเข้าข่ายทุจริต รับสินบน จากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของยูเครน และ กลุ่มเครือข่ายธุรกิจจีน และเคยเข้าแทรกแซงการเมืองของยูเครนตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นรองประธานาธิบดีในรัฐบาลของโอบามา ว่าทั้งหมดเป็นข้อมูลเท็จ ที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการแทรกแซงการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ 2020 ของฝ่ายรัสเซีย
4
คดีแล็ปท็อปสะเทือนทำเนียบของฮันเตอร์ ไบเดน เริ่มต้นราวปี 2019 ที่ ฮันเตอร์นำแล็ปท็อปส่วนตัวไปส่งร้านซ่อมเครื่องแมคบุ๊คในรัฐเดลาแวร์ ที่มีจอห์น แมค ไอแซค เป็นเจ้าของ เพื่อดึงข้อมูลจากในเครื่องที่เปิดไม่ได้ ซึ่งฮันเตอร์ต้องแจ้งรหัสผ่านส่วนตัวให้กับช่างซ่อมเครื่อง ต่อมาพบว่าข้อมูลส่วนตัว ภาพถ่ายลับ และ อีเมล์สนทนาที่เก็บอยู่ในเครื่องถูกเผยแพร่ออกสื่อ จนกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ตามหลอกหลอนครอบครัวไบเดนนับแต่นั้น
3
โดยภาพถ่ายส่วนตัว ที่เข้าข่ายอนาจารของฮันเตอร์ ยังพอออกตัว แก้ผ้าเอาหน้ารอดได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทว่ากับอีเมล์สนทนาบางส่วนที่เป็นหลักฐานการรับสินบนจากกลุ่มนายทุนพลังงานยูเครน ที่เอื้อประโยชน์กับครอบครัวไบเดนนั้น หากเป็นเรื่องจริง ถือเป็นคดีทุจริต คอร์รัปชั่นร้ายแรงที่ยอมความกันไม่ได้
ถ้าไม่ได้ 51 เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมาเซ็นยืนยันว่า เป็นการปล่อยข่าวปลอมโดยแฮกเกอร์รัสเซีย เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำสหรัฐ ที่ทำให้ไบเดนสามารถจบคดีได้ด้วยวิธีทางการเมือง อีกทั้ง โจ ไบเดน ก็ยังใช้อำนาจประธานาธิบดีในช่วงสุดท้าย เซ็นคำสั่งนิรโทษกรรมให้กับลูกชาย ในคดีความอื่นๆ ที่เกี่ยวพันกับการครอบครองอาวุธปืน และ หลบเลี่ยงภาษี เพื่อตัดจบคดีทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่ง
3
นั่นจึงสร้างความขุนเคืองใจให้ทรัมพ์ ที่เคยต้องต่อสู้กับนิติสงครามอย่างหนักหน่วงหลายสิบคดีตลอดสมัยของไบเดน เขาจึงประกาศว่าถ้าชนะเลือกตั้งขึ้นมาหล่ะก็ เจอกัน!
2
ทั้งนี้ การเพิกถอนสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลชั้นลับของ 51 เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง อาจจะดูไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่แล้วในตอนนี้ เพราะแต่ละคนก็เกษียณอายุกันไปเกือบหมดแล้ว
1
แต่ก็เป็นเหมือนคำเตือนยกแรกของทรัมพ์ถึงสำนักงานหน่วยข่าวกรอง ที่เคยเล่นทรัมพ์หนักมากในคดีที่กล่าวหาเขาว่าร่วมมือกับรัสเซีย แทรกแซงการเมืองสหรัฐ และคดีความอื่นๆที่ลูกพรรครีพับลิกันเคยโดน แต่ฝ่ายเดโมแครต มักถูกยกฟ้อง นั่นแล
2
ค่อยๆ รื้อ ค่อยๆ เก็บสแปร์ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีแรงตวัดปากกา เซ็นคำสั่งได้ พ่อจะเฉดหัวออกให้หมด You are fired!!!
2
แต่จะลุกลามได้ถึงการรื้อคดีอีเมล์ฉาวของลูก และการเพิกถอนคำสั่งนิรโทษกรรมของพ่อได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าความจริงเบื้องหลังนั้น จะใหญ่เกินมือของทรัมพ์หรือเปล่าเท่านั้นเอง
1
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
1
แหล่งข้อมูล
โฆษณา