8 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

การเติบโตของ Cloud Computing อนาคตของธุรกิจในปี 2025

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า การเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต ไปจนถึงลดต้นทุนในการทำงาน ดังนั้นตลอดปี 2024 จึงมีหลายบริษัทที่นำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะคลาวด์ (Cloud Computing) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นไปอีกสำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2025 ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ใคร ๆ ก็ต้องใช้งาน
รายงานของ Gartner ที่เผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายบริการคลาวด์สาธารณะของผู้ใช้ทั่วโลกของปีนี้จะอยู่ที่ 595,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 20.84 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโตขึ้น 19.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ของปี 2025 จะอยู่ที่ 723,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 25.31 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโตขึ้น 21.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
จากตัวเลขดังกล่าว กลุ่ม IaaS (Infrastructure-as-a-Service) ซึ่งเป็นการให้บริการประเภทโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีบนคลาวด์ เช่น ทรัพยากรด้านการประมวลผล การจัดเก็บ และเครือข่าย คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายยังคงเติบโตมากที่สุดจาก 169,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5.94 ล้านล้านบาท ในปี 2024 เป็น 211,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.41 ล้านล้านบาท ในปี 2025 คิดเป็นการเติบโต 24.80% สะท้อนถึงความต้องการใช้งาน Generative AI ที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ
รองลงมาคือ กลุ่ม PaaS (Platform-as-a-Service) คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายในปี 2025 จะอยู่ที่ 208,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.30 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 21.60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งกลุ่ม PaaS เป็นการให้บริการประเภทแพลตฟอร์มบนคลาวด์ เช่น Google App Engine (GAE) แพลตฟอร์มการพัฒนาซอฟต์แวร์และปรับใช้แอปพลิเคชัน ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนาและลดต้นทุนในการทำงาน
ปิดท้ายด้วยกลุ่ม SaaS (Software-as-a-Service) คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายในปี 2025 จะอยู่ที่ 299,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10.46 ล้านล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 19.20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริการคลาวด์ประเภทนี้หลายคนน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด เพราะเป็นซอฟต์แวร์พร้อมใช้งานที่ใคร ๆ ก็สามารถสมัครสมาชิก และเข้าใช้งานได้ทันทีผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น Microsoft Office 365 และ Google Workspace เป็นต้น
ทางด้านมุมมองของผู้จัดการกองทุน Fidelity Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ B-INNOTECH มองว่าการลงทุนในช่วงเวลานี้จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Cloud Business, Data Software Infrastructure และ IT Consulting Service ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Digital Transformation และความต้องการใช้งาน Generative AI ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดก็ยังคาดหวังกับธุรกิจกลุ่มนี้ไม่สูงนัก จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจในการลงทุน
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนหลักก็ยังเบนเข็มทิศทางการลงทุนจากผู้เล่นที่ได้ประโยชน์จาก AI Adoption โดยตรง เป็นการเน้นผู้เล่นที่มี AI เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว เช่น ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อย่าง TSMC อีกด้วย
สำหรับนักลงทุนที่สนใจในการเติบโตของ Cloud Computing ทาง BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี’ (B-INNOTECH) ที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลก รวมถึง Cloud Computing และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขอแนะนำกองทุน B-INNOTECHRMF ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือ แอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา