Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Vate's Pharma Scope
•
ติดตาม
24 ม.ค. เวลา 12:20 • สุขภาพ
จาก “ยาเทพ” สู่ “เงา” มะเร็งร้าย: เปิดเรื่องจริงเบื้องหลัง Clozapine ที่คุณอาจไม่เคยรู้
สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมอยากจะชวนคุยเรื่องยา Clozapine แต่ครั้งนี้จะมาในรูปแบบของการเล่าเรื่อง เหมือนนั่งคุยกันสบายๆ มากกว่าอ่านบทความวิชาการนะครับ ผมเชื่อว่าเรื่องราวของ Clozapine เนี่ย มีอะไรที่น่าสนใจและชวนติดตามมากกว่าที่เราคิด มันเหมือนกับละครชีวิตเรื่องหนึ่งเลยครับ มีทั้งพระเอก นางเอก ตัวร้าย และจุดพลิกผันที่ทำให้เราต้องลุ้นตาม
ฉากเปิดเรื่อง: "Clozapine" ยาแห่งความหวัง...ที่มาพร้อมคำถาม
ลองนึกภาพผู้ป่วยจิตเภทที่อาการรุนแรงมากๆ นะครับ คนที่ใช้ยาอะไรก็ไม่ได้ผล เหมือนชีวิตมืดมนไร้ทางออก แต่แล้วก็มียาตัวหนึ่งชื่อว่า "Clozapine" ปรากฏตัวขึ้น มันเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ หลายคนขนานนามยานี้ว่าเป็น "ยาเทพ" เพราะมันช่วยพลิกชีวิตผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้จริงๆ ทำให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติ บางคนถึงกับกลับไปทำงาน ไปเรียนหนังสือได้เลย
ผมเคยเจอผู้ป่วยคนหนึ่งครับ เขาเล่าให้ฟังว่าก่อนใช้ Clozapine ชีวิตเขาเหมือนตกอยู่ในนรกทั้งเป็น แต่พอได้ยานี้ ชีวิตก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เขาบอกว่า "เหมือนผมได้ชีวิตใหม่" ฟังแล้วผมรู้สึกดีใจไปกับเขามากๆ นี่แหละครับคือพลังของ Clozapine ที่ทำให้มันเป็นยาที่สำคัญมากๆ ในวงการจิตเวช
แต่...ทุกเรื่องราวก็มักจะมี "แต่" เสมอ Clozapine ก็เช่นกันครับ ถึงแม้จะเป็นยาที่ดีขนาดไหน มันก็มี "เงา" ที่ตามมา เงาที่ว่านี้ก็คือ "ผลข้างเคียง" โดยเฉพาะเรื่องของระบบเลือด ที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเจาะเลือดตรวจเป็นประจำ และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ มีข่าวลือเรื่องความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า "ยาเทพ" ตัวนี้ มันมี "ปีศาจ" ซ่อนอยู่จริงหรือเปล่า?
ปมปัญหา: ข่าวลือ...กับงานวิจัยที่ตามมา
ข่าวลือเรื่อง Clozapine กับมะเร็งเม็ดเลือดขาว มันไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับ มีมานานพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่ามันจริงหรือไม่จริง เหมือนเป็น "ปมปัญหา" ที่ค้างคาใจ ทั้งผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรการแพทย์อย่างพวกเรา
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีทีมนักวิจัยกลุ่มหนึ่งในฮ่องกง ตัดสินใจที่จะลงมาไขปมปัญหานี้อย่างจริงจัง พวกเขาทุ่มเทเวลา รวบรวมข้อมูลมหาศาลจากฐานข้อมูลสุขภาพของคนทั้งฮ่องกง ทำการศึกษาแบบ "cohort retrospective" ซึ่งเป็นการศึกษาที่ซับซ้อน แต่ก็มีความน่าเชื่อถือสูง
พวกเขาเปรียบเทียบผู้ป่วยจิตเภทที่ใช้ Clozapine กับผู้ป่วยที่ใช้ยา Olanzapine ซึ่งเป็นยา antipsychotic อีกตัวที่คล้ายกัน แต่ที่สำคัญคือ พวกเขาไม่ได้ดูแค่ว่าใครใช้ยาอะไร แต่ยังดูไปถึง "ประวัติ" การใช้ยา antipsychotic ตัวอื่น ๆ ของผู้ป่วยแต่ละคนด้วย เพราะพวกเขารู้ดีว่า ผู้ป่วยที่ได้ใช้ Clozapine มักจะเป็นคนที่ "ดื้อยา" มาก่อน ซึ่งอาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
จุดพลิกผัน: ผลการศึกษา...ที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ผลการศึกษาออกมา ปรากฏว่า... ผู้ป่วยที่ใช้ Clozapine มีความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว "สูงกว่า" ผู้ป่วยที่ใช้ Olanzapine จริงครับ อัตราส่วนอุบัติการณ์ (IRR) อยู่ที่ 2.22 เท่า ฟังดูเหมือนจะน่ากลัวใช่ไหมครับ?
แต่เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งด่วนสรุป นักวิจัยไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น พวกเขายังเจาะลึกลงไปดู "ตัวเลขจริง ๆ" ที่เรียกว่า "absolute rate difference" ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกว่า ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้ มัน "มาก" แค่ไหนกันแน่
ผลปรากฏว่า... ความแตกต่างของอัตราการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวระหว่างกลุ่ม Clozapine และ Olanzapine อยู่ที่ประมาณ 57.40 รายต่อ 100,000 คนต่อปี ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีผู้ป่วย 100,000 คน ที่ใช้ Clozapine เป็นเวลา 1 ปี จะมีผู้ป่วยเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว "เพิ่มขึ้น" ประมาณ 57 ราย เมื่อเทียบกับผู้ป่วย 100,000 คน ที่ใช้ Olanzapine เป็นเวลา 1 ปี
ตัวเลข 57 ราย อาจจะยังดูเยอะอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับอุบัติการณ์มะเร็งเม็ดเลือดขาวในคนทั่วไป และเมื่อเทียบกับ "ประโยชน์" มหาศาลของ Clozapine ในการรักษาผู้ป่วยจิตเภทที่ดื้อยาแล้ว ความเสี่ยงนี้ มัน "น้อย" กว่าที่เราคิดเยอะเลยครับ
คลายปม: "รู้" และ "ระวัง"...คือทางออก
ผลการศึกษาครั้งนี้ เหมือนเป็นการ "คลายปม" ให้เราเข้าใจเรื่อง Clozapine และความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ชัดเจนมากขึ้น มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยงเลย
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ "รู้" และ "ระวัง" "รู้" ว่า Clozapine มีความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เป็นยาที่มีประโยชน์มากๆ และ "ระวัง" โดยการตรวจเลือดเป็นประจำ ตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจเลือดเป็นประจำ มันเหมือน "เกราะป้องกัน" ที่ช่วยให้เราตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวในระยะเริ่มต้นด้วย ถ้าเรา "รู้" เร็ว "รักษา" เร็ว โอกาสหายก็มีมากขึ้น
ฉากจบ: "Clozapine" ยังคงเป็น "พระเอก"...แต่ต้องใช้อย่าง "ฉลาด"
เรื่องราวของ Clozapine สอนให้เรารู้ว่า "ยาดี" ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ "ไม่มีความเสี่ยง" ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ สิ่งสำคัญคือ เราต้อง "เข้าใจ" ทั้งด้านดีและด้านไม่ดีและ "ใช้อย่างฉลาด"
Clozapine ยังคงเป็น "พระเอก" ในการรักษาผู้ป่วยจิตเภทที่ดื้อยา มันช่วยให้ผู้ป่วยจำนวนมากกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่เราก็ต้อง "ไม่ประมาท" "รู้" ถึงความเสี่ยง และ "ระวัง" โดยการตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ถ้าเราทำได้แบบนี้ Clozapine ก็จะยังคงเป็นยาที่มีคุณค่า และเป็น "ความหวัง" ของผู้ป่วยและครอบครัวต่อไปครับ
ข้อคิดทิ้งท้าย:
* เรื่องราวของ Clozapine สอนอะไรให้กับเราบ้าง?
* เราควรจะ "กลัว" ยา หรือ "เรียนรู้" ที่จะอยู่กับมันอย่าง "เข้าใจ"?
* ในฐานะผู้ป่วย หรือญาติ เราจะ "ตัดสินใจ" อย่างไร เมื่อต้องเลือกระหว่าง "ประโยชน์" และ "ความเสี่ยง" ของยา?
หวังว่าเรื่องเล่าของ Clozapine ในวันนี้ จะทำให้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น และไม่ "ตื่นตระหนก" กับข่าวลือที่ไม่ถูกต้องนะครับ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามผมได้เลย ผมยินดีตอบครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
1.
https://journals.plos.org/plosmedicine/article?id=10.1371/journal.pmed.1004457
ความรู้รอบตัว
สุขภาพ
ข่าวรอบโลก
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย