26 ม.ค. เวลา 02:53 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องราวของศาสนา ..ศาสนา ขององค์ พระโคดม ..สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านบำเพ็ญ บุญกุศลบารมี มาเป็นอเนกชาติ ที่จะรู้จักทุกข์ ละทุกข์นั้น จนหมดสิ้น ท่านมีการกระทำอะไร เห็นอะไรบ้าง..ก่อนออกไปอยู่ป่า . ด้วยบุญบารมีที่สะสมมา ..เป็นองค์พระสิทธัตถะ มองเห็น ทรัพย์สินเงินทอง ยศศักดิ์นั้นเป็นทุกข์ ..มีความเบื่อหน่าย ..ท่านก็หนี ..เข้าป่า
ในการไปอยู่ป่า ท่านไปนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตา นั่งกายนิ่ง จิตนิ่งได้ ..เรื่องกายนิ่งจิตนิ่ง ท่านก็ไปเรียนรู้มาจากฤาษี ฤาษีท่าน มีกายที่แข็งแรง ทำกายนิ่ง..แต่จิตนั้นไปยึด ท่องอยู่ในคาถา ยึดอย่างเหนียวแน่น ปลดเปลื้องความยึดถือนั้นไม่ได้ หยุดยั้งการเกิดแก่เจ็บตายไม่ได้ .องค์พระสิทธัตถะ.. ท่านนั่ง ทำกายนิ่ง จิตนิ่งได้ ..ท่านก็ไม่ยึดอะไร ..ท่านนั่งกายนิ่ง จิตนิ่งได้ ท่านก็สังเกตว่า มีแสงเกิดขึ้น .ที่จิตของท่าน
..ท่านก็ได้เรียนรู้ เรื่องกายนิ่ง จิตนิ่ง. ในเรื่องราวขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลายพระองค์ ที่ท่านฝากรอยของผู้ที่มีมีธรรมไว้กับดินฟ้าอากาศ องค์พระสิทธัตถะท่านก็ได้สัมผัสในเรืองราวเหล่านั้น
แล้วท่านกายประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วยความขันติ ..เกิดในสิ่งที่เรียกว่า ขันติบารมี ในการกระทำ ..กายนิ่งจิตนิ่ง นั่งเป็นตุ๊กตา เหมือนก้อนหิน ..ขัดขจัด สิ่งที่เป็นมลทิน ติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ กระทำจน ..กายนั้ยเกิดสิ่งที่เรียกว่า กายแก้ว วิญญาณทั้งหกก็เป็นแก้วทีเจียระไน ..ไม่มีสีของกรรม สีเป็นมลทิน .ที่จะต้องทำให่เกิดแก่เจ็บตายอีก ..จิตบริสุทธิ์ หลุดพ้น ..ยุติการเกิด ..เมื่อไม่ต้องเกิด..แก่เจอตายอีก จิตไปสถิตย์ที่ไหน ..มีสถานที่เดียว คือ เข้าแดนพระนิพพาน ไม่กลัยมาเกิดแก่เจ็บตายอีกแล้ว
เรื่องปัญญา ..ในทางโลก ก็มีผู้ที่มีปัญญา ประดิษฐ์คิดค้น .สิ่งนั่นสิ่งนี้ ยารักษาโรคภัยไข้ รักษากายที่มีกรรม ให้อยู่สร้างเวรกรรม ชดใช้กรรม ด้วยอารมณ์โลภโกรธหลง บ้างก็นำปัญญา ไปประดิษฐ์คิดค้น เรื่องราวต่างมาบำรุงบำเรอกายมนุษย์ มุ่งมั่นหาเงินทอง ทรัพย์สมบัติ มายึดถือ มากองไว้ มีบ้านใหญ่ๆโต บริวารห้อมล้อม บ้างก็ไปสร้างอาวุธ เอาเข่นฆ่ากันตาย เงินทอง ที่อยู่ที่กิน ที่นอน .หวงแหน .ที่เหน็ดเหนื่อยใช้กายไปหามา หาเอามายึดว่าเป็นของตน ..พอหมดกายก็ทิ้งไว้อยู่กับโลก แม้แต่กายที่จิตอาศัย ก็ต้องทิ้งไว้ ในโลก
บ้างก็ใช้ไปสร้างยาเสพติด ปรุงแต่ง ..สิ่งที่ปรุงแต่ง วิญญาณทั้งหก มันสกปรกเลอะเทอะ .. โลกมันก็เลยมีแต่กรรม ..ชักนำเป็นพิษ ในสิ่งที่ปรุงแต่ง รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ..มันปรุงแต่งด้วยอารมณ์ทค่เกิดขึ้น
เหมือนกับข้าว ก็เอาไอ้นั้นไอ้นี่ใสี..ปรุงแต่ง .รสนี้กลิ่นนี้ ลิ้นสัมผัส จดจำว่า เอร็ดอร่อย ใส่ลงในกับข้าว ใส่ลงไปในวิญญาณทั้งหก กลับไปกลับมา ..อร่อยที่ปลายลิ้น ..กลืนลงไปที่ท้อง บดขยี้ เอาน้ำเลือดน้ำหนอง ของผู้ที่มีกรรม มาหล่อเลี้ยงกาย ..ก็เกิดกายนั่น เป็นธาตุของกรรม น้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่มีกรรมอยู่ในกาย ก็มีเรื่องราวผอดอยากหิวโหย มากัดกืนน้ำเลือดน้ำหนอง เชื้อโรคนั้นนี่ มากัดกินเรือนกาย เกิดสิ่งว่า เกิดเค้าเอร็ดอร่อย เค้าก็มากินเราเอร็ดอร่อยบ้าง
คราวนี้ เรื่องราว ของการจะยุติการเกิด เค้าก็ต้องต้องปฏิบัติธรรม เดืนตามรอยของผู้ที่ ที่กระทำ ..เดินทางให้พ้นเกิดแก่เจ็บตาย .รอยของผู้ที่มีธรรม เมื่ออยากจะเข้าถึงธรรมก็ต้องเดืนไปตามรอยของท่าน ..รอยของผู้ที่มีปัญญาธรรม หลุดพ้นการเกิด
เรื่องของศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านชี้ให้ ..ให้ใช้กายที่ได้มาชาติหนึ่ง นำมาสร้างคำว่่่าบุุญกุศลบารมี สอนใช้รู้จักการเวียนว่ายตายเกิด สอนให้รู้จักกรรม ..แล้วก็หนีกรรม ด้วยขันติธรรม ที่เกิดขึ้น ..จิตไม่มีขันติเป็นบารมี ..ก็ไม่สามารถให้อารมณ์เป็นทานได้ เพราะมันยึด ..โลภโกรธหลง ยึดวัตถุสิ่งมีชีวิตไม่มีชีวิต ติดบ่วงกรรม มาคล้อคอพันธนาการ จิตของตัวเอง ล่ามโซ่ ยึด ..จิตมันยึด ..จิตออกจากกาย กายละลายไป เหลือแต่จิตที่มีกรรม..ทุกข์ทรมาน
โฆษณา