เราตระหนกเรื่องพีเอ็ม 2.5 มากเกินไปจริงหรือ ?
ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี เราจะพบปัญหาปริมาณฝุ่นจิ๋วพีเอ็ม 2.5 เพิ่มมากขึ้นเสมอ
และผู้คนก็จะกลับมาให้ความสนใจกันทุกปี ต่อเนื่องกันไป 4 เดือน (ธค.-มีค) หลังจากนั้นเรื่องต่างๆก็จะจางหายไป
เราทราบเรื่องอันตรายหรือโทษของพีเอ็ม 2.5 กันมาโดยตลอด เพียงแต่ในปีนี้ เกิดมี ดราม่าขึ้นมาว่า พีเอ็ม 2.5 ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ไม่ต้องตระหนกหรือกังวลเกินกว่าเหตุ
ทำให้หลายคนเกิดความคิดว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ต้องจัดการเรื่องพีเอ็ม 2.5 แต่ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ
ด้วยข้อมูลทำนองที่ว่า ฝุ่นนั้นมีมานานแล้ว แต่คนก็อายุยืนมากขึ้นทุกปี ฝุ่นจึงไม่น่าจะเป็นอันตรายกับมนุษย์มากนัก
โรคต่างๆเช่น มะเร็งปอด โรคหัวใจ ก็ล้วนแต่มาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่ว่าเกิดจากพีเอ็ม 2.5 เท่านั้น
วันนี้เราลองมาดูข้อมูลในมิติเชิงประจักษ์ และในมิติทางตรรกะหรือสามัญสำนึกกันดู
1) อากาศบริสุทธิ์สะอาด ย่อมดีกว่าอากาศสกปรกมีมลพิษมีฝุ่นแน่นอน
2) ฝุ่นเป็นของไม่ดีกับสุขภาพร่างกายของเราทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกประเทศล้วนแต่รับรู้และสัมผัสได้ถึงความทุกข์ความไม่สบายของอวัยวะต่างๆเช่น ตา จมูก คอ จากฝุ่นกันทั้งนั้น
3) ร่างกายเองก็มีระบบที่พยายามป้องกันตัวเอง ในการสกัดกั้นของไม่ดีหรือสิ่งอันตรายจากการสูดลมหายใจ เพื่อให้ได้เฉพาะอากาศบริสุทธิ์ เช่น การมีขนจมูกคอยกรองฝุ่น การจาม การไอเพื่อไล่สิ่งแปลกปลอมออกไป การมีน้ำมูกเสมหะเพื่อดักฝุ่นละอองไม่ให้ลงไปในอวัยวะภายใน
4) แต่กลไกดังกล่าว สามารถสกัดกั้นฝุ่นขนาดใหญ่ลงจนถึงขนาดเล็กได้ดีตามที่ธรรมชาติเคยมีมา แต่ต่อมาก็เกิดมีฝุ่นจิ๋ว (PM2.5)ขึ้น ซึ่งล้วนแต่เกิดจากมนุษย์เราไปค้นพบไฟ มีการประดิษฐ์เครื่องจักรต่างๆทางอุตสาหกรรมพาณิชยกรรม มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้เกิดฝุ่นจิ๋วชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนตามธรรมชาติในยุคโบราณ
กลไกของร่างกายที่เตรียมไว้สำหรับฝุ่นขนาดใหญ่ถึงขนาดเล็ก จึงป้องกันฝุ่นขนาดจิ๋วได้ไม่ค่อยดี
5) การที่กล่าวกันว่า สมัยก่อนก็มีฝุ่น ปัจจุบันก็มีฝุ่น เราก็ยังอยู่กันมาได้นั้น จึงเป็นข้อสรุปที่อาจไม่ถูกต้อง เพราะฝุ่นในปัจจุบันเป็นฝุ่นขนาดจิ๋ว ไม่เหมือนในสมัยก่อน จนกลไกของร่างกายเราขับไล่ได้ไม่ดี
6) ถ้าสรุปโดยตรรกะว่า สมัยก่อนคนอายุสั้นก็มีฝุ่นอยู่ ในปัจจุบันก็มีฝุ่นและคนอายุยืนขึ้น ฝุ่นจึงไม่ได้อันตรายอะไรมากมายนักไม่ต้องตระหนกเกินกว่าเหตุ อาจจะสรุปอย่างนั้นไม่ได้
เพราะการที่คนอายุยืนขึ้น เกิดจากปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่า คือการมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ มีวัคซีนป้องกันโรค สามารถรักษาโรคต่างๆได้ดีขึ้น ผู้คนเอาใจใส่สุขภาพมากขึ้น
ไม่ใช่คนอายุยืนขึ้น ทั้งที่มีฝุ่นพีเอ็ม 2.5
7) ส่วนอันตรายจากฝุ่นจิ๋วพีเอ็ม 2.5 เท่าที่เราทราบจากงานวิจัยที่ถือถือได้ ก็คือกระทบทั้งระบบทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ สามารถซึมเข้ากระแสเลือดจากถุงลมในปอด ทำให้เกิดโรคหัวใจ หลอดเลือดสมองได้ และยังเกี่ยวข้องไปถึงมะเร็งปอดด้วย
8) พีเอ็ม 2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นจิ๋ว สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ จึงเป็นของไม่ดีแน่นอน มีอันตรายกับสุขภาพร่างกาย
ในอนาคต เราอาจจะมีการศึกษาการวิจัยที่พบอันตรายของฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เพิ่มกว่าที่รู้ในปัจจุบันก็ได้
เราจึงควรต้องกังวลและตระหนักในระดับพอสมควร ไม่ควรเบาใจ สบายใจด้วยข้อมูลที่เป็นดราม่ากันว่า ปล่อยไปตามยถากรรม ทำอะไรก็ไม่ค่อยช่วย ไม่ค่อยได้ผล
หากแต่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันอย่างจริงจังและกระตือรือร้น ในการพยายามลดพีเอ็ม 2.5 จากทุกแหล่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตของทุกคน (รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วย)
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
