Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Forex วิทยา
•
ติดตาม
26 ม.ค. เวลา 12:31 • คริปโทเคอร์เรนซี
“แค่เศษเสี้ยวหนึ่งของ Bitcoin ก็อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้”
คุณเคยคิดสงสัยบ้างหรือไม่ว่าการเป็นเจ้าของสิ่งของที่หายากและมีค่ามากจนคนรุ่นหลังต้องพูดถึงจะเป็นอย่างไร?
หากลองนึกถึง 1 หน่วยบิทคอยน์ ปัจจุบันอาจฟังดูเป็นไปได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าบิทคอยน์แค่เศษเสี้ยวเดียว อาจกลายเป็นตั๋วเดินทางสู่อนาคตทางการเงินที่ยอดเยี่ยมของคุณก็เป็นได้
ในความเป็นจริง คุณไม่จำเป็นต้องซื้อบิทคอยน์ทั้งหมดก็ได้ เพราะบิทคอยน์ถูกแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยๆ 100 ล้าน Satoshi
ดังนั้น แม้ว่าคุณจะมีเพียงแค่ไม่กี่ Satoshi ก็ถือว่าคุณได้อยู่ในกลุ่มคนที่เข้าใจสิ่งที่จะปฏิวัติโลกทางการเงินในอนาคตแล้ว
อ้างอิงจากข้อมูลในช่วงปลายปี 2024 นี่คือการกระจายตัวของบิทคอยน์ทั้งหมดในโลก
ว่ากันว่าซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้สร้างบิทคอยน์ ถืออยู่ประมาณ 968,000 บิทคอยน์
ส่วนที่สูญหายไปตลอดกาลโดยถูกล๊อคไว้ในกระเป๋าเงินที่เจ้าของลืมรหัสไว้ มีอยู่ประมาณ 1.57 ล้านเหรียญ กระเป๋าเงินเหล่านี้ที่หายไปเปรียบเหมือนกับหีบสมบัติที่ถูกฝังไว้โดยไม่มีแผนที่
บุคคลที่เป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่หมุนเวียนอยู่ แม้ว่าจะดูแล้วเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ตัวเลขก็เริ่มหดตัวลดลง เนื่องจากการเข้ามามีส่วนแบ่งของบริษัทใหญ่
กองทุนETF หรือแม้แต่รัฐบาลของแต่ละประเทศต่างก็เร่งดำเนินการเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
ประเด็นความเข้าใจผิดในเรื่องการเป็นเจ้าของบิทคอยน์โดยแท้จริง คุณอาจเคยได้ยินการอ้างว่ากระเป๋าเงินจาก Exchange สามารถเก็บบิทคอยน์ให้เราได้
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย จะดีกว่านั้น หากคุณสามารถเก็บบิทคอยน์ไว้ในกระเป๋าเงินส่วนตัวหรือ Hardware Wallet ของคุณเอง เพราะคุณสามารถควบคุมมันได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา
ส่วนแบ่งของบิทคอยน์ที่บุคคลทั่วไปเป็นเจ้าของกำลังลดลงเพราะบริษัทยักษ์ใหญ่กักตุนไว้เพื่องบดุลของตัวเอง กองทุนETF และรัฐบาลกำลังตักตวง Bitcoin และแม้แต่รัฐบาลก็ซื้อมันเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน
ลองจินตนาการถึงอนาคตที่บิทคอยน์กลายเป็นส่วนสำคัญของการเงินระดับโลก หากคุณได้มีส่วนเป็นเจ้าของแม้เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อย มันอาจเป็นกุญแจสู่เสรีภาพทางการเงินของคุณ
ในโลกที่การเป็นเจ้าของบิทคอยน์เต็มรูปแบบเหมือนกับการเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์สุดหรูในแมนฮัตตัน มาเจาะลึกตัวเลขและทำความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า อะไรที่ทำให้บิทคอยน์โดดเด่น
ขีดจำกัดของอุปทานจะมีเพียง 21 ล้านเหรียญบิทคอยน์เท่านั้น หากแบ่งบิทคอยน์เท่าๆ กันอย่างยุติธรรมสำหรับประชากรโลก8 พันล้านคน แต่ละคนจะถืออยู่เพียง 262,525 บิทคอยน์ ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยอย่างน่าตกใจ ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับส่วนแบ่งอย่างยุติธรรมแบบนั้นได้
ในปี 2025 มีเพียง 114 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นเจ้าของบิทคอยน์ในปริมาณที่มากเพียงพอ ซึ่งคิดเป็นเพียง 1.4% ของประชากรโลก บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของบิทคอยน์ ในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น
หากคุณต้องการมีส่วนร่วมเป็นผู้ถือบิทคอยน์ในอันดับ 1% คุณต้องมีบิทคอยน์ประมาณ 0.28 บิทคอยน์ แต่หากการเป็นเจ้าของบิทคอยน์ได้ถึง 1 บิทคอยน์ จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ถือบิทคอยน์ในอันดับต้นๆ 0.25% แรก และอยู่ในกลุ่ม Elite เมื่อเทียบกับประชากรโลก หรือเท่ากับ 1 ใน 385,000 คนทั่วโลก
บิทคอยน์จำนวนหลายล้านเหรียญสูญหายไปตลอดกาล เนื่องจากคีย์ส่วนตัวสูญหายไปและเหรียญเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งหมายความว่า อุปทานที่แท้จริงนั้นยิ่งน้อยกว่า 21 ล้านบิทคอยน์อย่างแน่นอน
ส่วนที่เหลือนั้น ถูกกองทุนสถาบันและรัฐบาลกลืนกินมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทอย่าง Micro Strategy และ กองทุนETF กำลังซื้อบิทคอยน์เร็วกว่าที่ขุดได้
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เข้ามาดำเนินการด้วยการสะสมบิทคอยน์เพื่อเป็นทุนสำรองกับสถาบันและประเทศต่างๆ
การหดตัวลงอย่างรวดเร็วด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เราได้ข้อเสนอที่มีคุณค่า การเป็นเจ้าของบิทคอยน์เพียง 1 เหรียญ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ถือครองชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังทำให้คุณมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่าเงินออมตลอดชีวิตของคนทั่วไปถึง 555 เท่า
หากคุณเคยสงสัยว่าทำไมผู้คนถึงเปรียบเทียบบิทคอยน์กับทองคำดิจิทัล ความขาดแคลนนี้คือคำตอบของคุณ
ทองคำอาจมีจำนวนจำกัด แต่บิทคอยน์ไม่เหมือนกัน คือมีจำนวนที่จำกัดอยู่แค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น และไม่สามารถกู้คืนได้เมื่อสูญเสียไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Satoshi ทุกหน่วยจะยิ่งหายากและมีค่ามากขึ้นตามไปด้วย
เมื่อมีการนำบิทคอยน์ไปใช้งานเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสถาบันและประเทศต่างๆ เริ่มตระหนักรู้มากขึ้น เช่น ร่างกฎหมายบิทคอยน์ที่เสนอโดยวุฒิสมาชิก ระบุว่าสหรัฐฯ จะสร้าง Strategic Bitcoin Reserve จำนวน 1 ล้านบิทคอยน์ภายใน 5 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างสำคัญต่อบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ระยะยาว
บริษัท ผู้ประกอบการธุรกิจ ก็มองบิทคอยน์ว่าเป็นสินทรัพย์ในระยะยาวเช่นกัน เพราะธุรกิจต่างมุ่งหวังที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
บุคคลทั่วไปก็สะสม Satoshi เพื่อให้เติบโตเป็นบิทคอยน์ในอนาคต ด้วยมุมมองในระยะยาวเช่นเดียวกัน
โดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ หลังจากไม่รวมเงินสำรองของสถาบันและระดับประเทศ ปริมาณบิทคอยน์สำหรับบุคคลทั่วไปจะลดลงมาอีกประมาณ 14.5 ล้านเหรียญ
ในอนาคตบิทคอยน์ยังคงมีให้สำหรับบุคคลทั่วไปเพื่อมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ แต่ละคนเฉลี่ยแล้วอาจลดลงเหลือ 181,000 Satoshi หรือน้อยกว่า 0.02 บิทคอยน์
เมื่อพิจารณาจากเหตุผลทั้งหมดนี้ คุณคงเห็นแล้วว่าการเป็นเจ้าของบิทคอยน์เพียงแค่ครึ่งหนึ่งในอนาคตจะหายากเพียงใด
ปัจจุบัน 450 บิทคอยน์ ถูกขุดในทุกๆ ทุกวัน
เหตุการณ์ Bitcoin Halving จะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ปี รางวัลตอบแทนสำหรับการขุดจะลดน้อยลง และในที่สุดก็ลดลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของบิทคอยน์ ผู้คลางแคลงใจมักโต้แย้งว่ารางวัลที่ลดน้อยลงนี้จะทำให้การขุดไม่สามารถทำกำไรได้
แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า หลังจากทุกๆ Halving ราคาของบิทคอยน์ได้เพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการขุด
การเปลี่ยนแปลงราคานี้ ทำให้ผู้ขุดยังคงมีแรงจูงใจให้ทำต่อไป ในขณะที่มีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีการขุดกันมากขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น มูลค่าของบิทคอยน์จึงต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้สมเหตุสมผลในการดำเนินการ
ในที่สุดผู้ขุดอาจใช้เวลาทั้งทศวรรษในการขุดบิทคอยน์เพียงเหรียญเดียว ในขณะที่รางวัลเริ่มหายากมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น โลกก็อาจจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงบิทคอยน์ นี่เป็นการเน้นย้ำว่าทำไมการเป็นเจ้าของบิทคอยน์ในปัจจุบันจึงเกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งที่หายาก ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับบิทคอยน์ก็คือ คุณจำเป็นต้องซื้อเป็นเหรียญ BTC เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง
บิทคอยน์สามารถแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยได้ เช่นเดียวกับดอลลาร์ที่มีหน่วยย่อยเป็นเซ็นต์
หน่วยที่เล็กที่สุดของบิทคอยน์คือ Satoshi ที่ได้รับการตั้งชื่อตามผู้สร้างที่ลึกลับ Satoshi Nakamoto
1 บิทคอยน์มีค่าเท่ากับ 100 ล้าน Satoshi
1 Satoshi มีค่าเท่ากับ 0.000000001 BTC
ส่วนคำศัพท์อื่นๆ เช่น ubit หรือ mbit หรือ bitcent เป็นคำศัพท์ทางเทคนิค ที่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้กันสักเท่าไร
หากคุณมี 1 ล้าน Satoshi เท่ากับว่าคุณเป็นเจ้าของ 0.01 บิทคอยน์
การแบ่งหน่วยย่อยเป็น Satoshi แบบนี้ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงราคาต่อ 1 บิทคอยน์
เมื่อมูลค่าของบิทคอยน์เพิ่มขึ้น คุณแทบไม่จำเป็นต้องใช้บิทคอยน์เพื่อทำธุรกรรมในแต่ละวันเลย แต่จะทำธุรกรรมเป็นหน่วย Satoshi แทน
Michael J. Saylor ผู้ก่อตั้งบริษัท MicroStrategy เรียกบิทคอยน์ว่า “Cyber Manhattan” หรือ “อสังหาริมทรัพย์ดิจิทัล” เปรียบเปรยว่า หากใครเป็นเจ้าของบิทคอยน์ ก็คล้ายกับการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในย่าน Manhattan ที่มีจำกัดและมีค่าอย่างเหลือเชื่อ
เช่นเดียวกับบิทคอยน์ที่มีอยู่เพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ความขาดแคลนนี้คือสิ่งที่ทำให้บิทคอยน์น่าดึงดูดใจในฐานะแหล่งเก็บรักษามูลค่า
แผนภูมิแสดงการกระจายตัวของเศรษฐีทั่วโลก
อเมริกาเหนือมีเศรษฐีประมาณ 26 ล้านคน
ยุโรปมีประมาณ 16 ล้านคน
เอเซียแปซิฟิกมี 10 ล้านคน และ
จีนประเทศเดียวมีประมาณ 6 ล้านคน
รวมทั่วโลกแล้ว มีเศรษฐีประมาณ 62 ล้านคน
คำนวณดูจากจำนวณ 21 ล้านบิทคอยน์ โดยคาดว่า 14.5 ล้านเหรียญบิทคอยน์ที่เหลืออยู่สำหรับการเป็นเจ้าของส่วนบุคคล หลังจากหักเหรียญที่สูญหายและการถือครองของสถาบันแล้ว ซึ่งหมายความว่าหากเศรษฐีทุกคนพยายามที่จะเป็นเจ้าของบิทคอยน์ 1 เหรียญ พวกเค้าก็ทำไม่ได้
โดยเฉลี่ยแล้ว น่าจะมีเหรียญไม่เพียงพอ เศรษฐีแต่ละคนจะมีบิทคอยน์เพียงประมาณ 0.233 เหรียญ ซึ่งก็คือ 14.5 ล้านเหรียญหารด้วย 62 ล้านคน
จะเห็นว่า หากคุณเป็นเจ้าของบิทคอยน์เพียงแค่ 1 ใน 4 ของ 1 บิทคอยน์ ก็ทำให้คุณก้าวล้ำหน้าเศรษฐีส่วนใหญ่ทั่วโลก เนื่องจากการนำบิทคอยน์มาใช้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
สกุลเงินเฟียต ต้องสูญเสียมูลค่าไปอย่างต่อเนื่องตามกาลเวลาเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ คล้ายกับก้อนน้ำแข็งที่กำลังละลาย
การกัดเซาะอำนาจซื้อนี้ส่งผลกระทบต่อการถือเงินสดจำนวนมาก หรือการออมแบบดั้งเดิมที่ผลตอบแทนช่างไม่น่าคุ้มค่าเอาเสียเลย
ตรงกันข้าม บิทคอยน์ได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ อุปทานคงที่ ช่วยให้เรามั่นใจได้ บิทคอยน์ไม่สามารถถูกทำให้ลดค่าลงได้ด้วยการพิมพ์เพิ่มหรือทำซ้ำ
บิทคอยน์มอบโอกาสให้บุคคลต่างๆ ปกป้องและเพิ่มพูนความมั่งคั่งของตนในระบบที่ไม่สามารถถูกควบคุมโดยศูนย์กลางได้
นี่คือวิธีที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
การเสื่อมค่าของสกุลเงินเฟียตได้รับการอธิบายอย่างชัดเจนโดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่การก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2456 อำนาจซื้อของเงินดอลลาร์ลดลงถึง 97% แผนภูมินี้ไม่ได้คำนึงถึงการพิมพ์เงินมากเกินไปในช่วงปี 2020 และ 2021ซึ่งทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ค่าจ้างไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าอำนาจซื้อของคุณยังคงหดตัวลง แม้ว่ารายได้ตามชื่อของคุณจะยังคงเท่าเดิม
ในทางกลับกัน บิทคอยน์ยังคงรักษามูลค่าไว้ นี่คือกุญแจสำคัญ เหตุผลที่ผู้คนหันมาใช้บิทคอยน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและเพื่อเก็บรักษามูลค่า
ในทางกลับกัน บิทคอยน์มีอุปทานคงที่ซึ่งทำให้มีปริมาณน้อย เป็นของที่หายาก และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ มันไม่สายเกินไปที่จะสะสม Satoshi ในปริมาณเล็กน้อย เช่น การเป็นเจ้าของจำนวน 0.01 บิทคอยน์ ทำให้คุณก้าวล้ำหน้าคนทั่วไปในปัจจุบันไปไกลมาก
ขณะนี้ วันที่ 23 มกราคม 2568 Bitcoin มีราคาอยู่ที่ 102,816 ดอลลาร์ ย้อนไป 5 ปีก่อนหน้านี้ บิทคอยน์มีราคาที่ 8,405 ดอลลาร์ และ 10 ปีก่อนหน้านี้ ในปี 2558 บิทคอยน์มีราคาที่ 232 ดอลลาร์เท่านั้น
Bitcoin จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของ Bitcoin ก็จะกลายเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อได้
ในทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์ ทำให้ราคาเบอร์เกอร์ที่เคยซื้อได้ในราคา 10 เซนต์ แต่ตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นถึง 10 เหรียญขึ้นไป และในบางพื้นที่ราคาอาจสูงถึง 20 เหรียญ
มูลค่าของบิทคอยน์เพิ่มขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์เงิน Fiat
ซึ่งนำเราไปสู่เรื่องราวที่มีชื่อเสียงของ Bitcoin เรื่องหนึ่ง เคยมีผู้ใช้บิทคอยน์ในรุ่นแรกๆ ซื้อพิซซ่าขนาดใหญ่ 2 ถาดด้วยราคา 10,000 บิทคอยน์
หากเรานำบิทคอยน์จำนวน10,000 เหรียญนั้น มาวัดมูลค่าตอนนี้ มูลค่าน่าจะสูงประมาณ 1,028 ล้านดอลลาร์ เรื่องนี้ก็นับเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของบิทคอยน์
ธุรกรรมนี้สร้างมูลค่าที่แท้จริงของบิทคอยน์ขึ้นเป็นครั้งแรกและปูทางไปสู่การเดินทางสู่การเป็นสินทรัพย์ระดับโลก หากไม่มีมัน เราอาจไม่มีแผนภูมิราคาให้พูดถึงในวันนี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันจึงมีความสำคัญมาก
บิทคอยน์มีความสำคัญมากกว่าแค่สินทรัพย์ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของเราเกี่ยวกับเงินและอิสรภาพทางการเงิน เนื่องจากสกุลเงิน Fiat เช่น ดอลลาร์ และ ยูโร กำลังสูญเสียอำนาจซื้อ บิทคอยน์กำลังมีความสำคัญอย่างมากในเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน โปรดจำไว้ว่า แม้แต่เศษเสี้ยวเล็กน้อยของบิทคอยน์ในปัจจุบันก็มีความสำคัญอย่างมหาศาลในอนาคต
การลงทุน
การเงิน
พัฒนาตัวเอง
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย