เมื่อวาน เวลา 13:48 • การเมือง

ฝุ่นตลบ

ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงเฉยๆ ที่ได้ฟังใครต่อใครพูดกันว่า ฝุ่น PM2.5 มันน่ากลัว
จนเมื่อมาเจอกับตัวเองเข้าจังๆ จึงได้ถึงบางอ้อ
ทั้งแสบตา คอแห้ง เริ่มเจ็บคอ มีน้ำมูก มึนหัว และไข้ขึ้น ปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยู่ 2-3 วัน
นี่แหละพิษจากฝุ่น PM2.5
จึงค้นข้อมูลว่าไอ้เจ้าฝุ่นตัวร้าย มันคืออะไรกันแน่
เพื่อจะได้หายสงสัย ต้องลงไปให้ถึงรายละเอียดชื่อแซ่กันเลย PM ย่อมาจาก Paticulate Matter ที่หมายถึงอนุภาคขนาดเล็ก เล็กขนาดไหน ตัวเลข 2.5 คือขนาดของฝุ่น หน่วยเป็น ไมโครเมตร หรือไมครอน อะไรคือไมครอน ก็เอาระยะ 1 เมตรแบ่งเป็นล้านส่วน 1 ส่วนคือ 1 ไมครอน
ถ้าเทียบกับเส้นผมของคนเราที่มีขนาดประมาณ 80 ไมครอน แสดงว่าฝุ่น PM2.5 เล็กกว่าเส้นผมถึง 30 เท่า ถือว่าเล็กมาก
ด้วยขนาดที่เล็กมากขนาดนี้ ด่านกรองฝุ่นโดยธรรมชาติในจมูก จึงไม่สามารถสกัดฝุ่นเข้าสู่ระบบหายใจจนลงไปถึงปอดได้ หากได้รับฝุ่นชนิดนี้ในปริมาณมากต่อเนื่องเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม มีเสมหะ หอบหืด อาจทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองตีบ และอันตรายที่น่ากลัวที่สุด อาจถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด
หากเป็นไปได้ในช่วงนี้ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการออกกำลังกายในที่โล่ง และควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องออกนอกบ้าน
มาตรฐานสากลที่องค์กรอนามัยโลก (WHO)  ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ หากเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ประเทศไทยกำหนดระดับอันตรายของฝุ่น PM 2.5 ไว้ที่  50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ปัจจุบันปริมาณฝุ่น PM2.5 ในหลายพื้นที่เกือบทั้งประเทศ เกินค่าที่เป็นอันตราย บางเวลาสูงเกิน 2 เท่าก็มี
การสวมหน้ากากอนามัยช่วยกรองอากาศหายใจ จึงทำให้ปลอดภัยมากขึ้น
หน้ากากอนามัยชนิด N95 ถูกจัดว่าเป็นหน้ากากที่มีประสิทธิภาพสูงในการกรองฝุ่น PM2.5 ได้มากเป็นอันดับต้นๆ เพราะสามารถป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีอนุภาคขนาดเล็กระดับ 0.1-0.3 ไมครอน ได้ถึง 95%
หน้ากากอนามัย N95 มี 2 แบบหลักๆ คือ ชนิดมีวาล์วเปิด-ปิด กับชนิดที่ไม่มีวาล์ว โดยหน้ากากรุ่นที่มีวาล์วจะมีส่วนช่วยในเรื่องของการระบายอากาศ ความร้อน และความชื้นภายในหน้ากาก ลักษณะการทำงานของวาล์ว คือเมื่อหายใจออกวาล์วจะเปิด และเมื่อเราหายใจเข้าวาลว์จะปิดทำให้หายใจสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ต้นตอของฝุ่น PM2.5 มาจากไหน
ส่วนใหญ่มาจากมนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง และอีกส่วนจากธรรมชาติ เช่นไฟป่า ภูเขาไฟระเบิด และฝุ่นจากทะเลทราย แต่ถือว่ามีน้อย เพราะความถี่ที่จะเกิดเหตุจากธรรมชาติดังกล่าวมีน้อยมาก
อ้างอิงบทความวิชาการของสถาบัน TDRI โดย นิพนธ์ พัวพงศกร กัมพล ปั้นตะกั่ว และสุทธิภัทร ราชคม ปรับปรุงจากการเสวนาวิชาการ เรื่อง เชียงใหม่ในหมอก “เหลียวมองแนวทางและนโยบายแก้ปัญหา” จัดโดย สถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ ณ.สถาบันวิจัยสังคม  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ 21 สิงหาคม 2562
สรุปสาระสำคัญในการเสวนา ได้ดังนี้
ปรกติแล้วฝุ่น PM2.5 จะเกิดขึ้นมาก ในช่วงปลายหนาวถึงต้นฤดูแล้ง (มกราคม-มีนาคม) ทั้งนี้เพราะความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือมีกำลังลดลง ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ลมสงบ การไหลเวียนและถ่ายเทอากาศไม่ดี ฝุ่นควันจึงสะสมในอากาศ และสภาพอากาศแห้ง เอื้อต่อการเกิดไฟป่าง่ายขึ้นอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขตภาคเหนือยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านภูมิประเทศที่เป็นที่ราบล้อมรอบไปด้วยภูเขา ลักษณะเหมือนแอ่งกระทะ การสะสมหมอกควันในอากาศจึงรุนแรงกว่าพื้นที่อื่น
ฝุ่น PM2.5 เกิดจากแหล่งกำเนิดโดยตรง จากการเผาในที่โล่งแจ้ง ส่วนใหญ่มาจากชนบทและในป่า การขนส่ง การผลิตไฟฟ้าและโรงงาน ส่วนแหล่งกำเนิดทางอ้อม เกิดจากการรวมตัวของก๊าซและมลพิษในบรรยากาศ โดยเฉพาะซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์
ต้นตอใหญ่ที่สุดของฝุ่น PM2.5 คือการเผาในที่โล่งของพื้นที่เกษตร และไฟไหม้ป่า รายงานการศึกษาในอดีตระบุว่าการเผาในที่โล่งของพื้นที่เกษตรก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 ประมาณ 209,937 ตัน/ปี รองลงมาคือ อุตสาหกรรม 65,140 ตัน/ปี การขนส่ง 50,200 ตัน/ปี และการผลิตไฟฟ้า 31,793 ตัน/ปี
ส่วนแหล่งกำเนิดทางอ้อมของ PM2.5 ที่สำคัญที่สุด คือซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ส่วนใหญ่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินและน้ำมัน 231,000 ตัน/ปี เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม 212,000 ตัน/ปี ส่วนต้นตอสำคัญที่มาจากไนโตรเจนออกไซด์ คือ การขนส่ง 246,000 ตัน/ปี การผลิตไฟฟ้า 227,000 ตัน/ปี และโรงงานอุตสาหกรรม 222,000 ตัน/ปี
ในเขตเมืองใหญ่ๆโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ต้นตอที่ทำให้เกิด PM2.5 มากที่สุดมาจากไอเสียจากรถยนต์ ยิ่งหนักขึ้นจากภาวะจราจรที่ติดขัด  โดยเฉพาะจากพาหนะเครื่องยนต์ดีเซลที่มีกระบวนการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เกิดเขม่า และฝุ่นควันมาก รองลงมา คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในโรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม การเผาเศษขยะ และกิจกรรมหุงต้มในครัวเรือน
ส่วนสาเหตุที่เป็นต้นตอให้เกิด PM2.5 ในชนบท ส่วนใหญ่เกิดจากการเผาวัสดุจากการเกษตร เช่น การเผาอ้อยก่อนตัด การเผาตอซังในไร่ข้าวโพด และนาข้าว เพราะเป็นวิธีที่ง่าย ประหยัดแรงงานและค่าใช้จ่ายสำหรับเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ในบางพื้นที่มีการเผาเพื่อหาของป่า เผาเพื่อบุกรุกพื้นที่ป่า และจับจองพื้นที่เพื่อทำมาหากิน
นอกจากต้นเหตุที่เกิดภายในประเทศแล้ว ฝุ่นควันที่พัดมาจากประเทศเพื่อนบ้านอันเนื่องจากการเผาวัสดุทางการเกษตรหลังจากการเพาะปลูกข้าวโพด และอ้อย ก็เป็นอีกต้นตอหนึ่งโดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือที่อยู่ติดชายแดนพม่า อย่าง จ.ตาก จ.แม่ฮ่องสอน  จ.เชียงราย และภาคตะวันออกที่ติดเขมร
ฝุ่นควันดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจการจัดการของรัฐไทย ขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของฝุ่นมลพิษนี้เรียกว่า airshed หรือ แอ่งฝุ่น PM2.5 จึงต้องมีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาระหว่างประเทศร่วมกันจึงจะได้ผล
ทีนี้พอถึงเวลาเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ผู้รับผิดชอบก็ต้องวิ่งกันฝุ่นตลบ เพื่อแก้ปัญหา ถ้าได้เตรียมการวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้า ทุกอย่างก็จะง่าย แค่กดสวิตช์เครื่องจักรก็จะทำงาน แต่ถ้าต้องมาคิดแก้ปัญหาเอาเฉพาะหน้าตอนนี้ คงไม่ทัน ก็ต้องแก้ตัวพัลวัน หน้าซีดปากสั่น เมื่อต้องตอบคำถามนักข่าว
เพราะทุกคำตอบจะถูกถ่ายทอดส่งต่อไปถึงสองหู สองตาประชาชนทั่วประเทศ หากเป็นคำตอบจากปากผู้นำที่ไร้สมอง ไม่มีความรู้ มันแสดงออกให้เห็นว่าเป็นคนไม่มีกึ๋น ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงในเก้าอี้ที่ตนเองนั่ง
อีกด้านหนึ่งของการเมืองก็วิ่งกันจนฝุ่นตลบ
อดีตผู้นำระดับชาติยังต้องลดตัวลงมาคลุกฝุ่นตามถนนลูกรังในชนบทจนหัวฟูหัวแดง เพราะฝุ่นพิษจากคดีทุจริตที่ถูกตัดสินให้ติดคุกยังไม่สงบ เมื่อประชาชนสงสัยข้ออ้างที่ว่าป่วยหนัก หากถูกขังอยู่ในเรือนจำต้องตายแน่ จึงเป็นเหตุให้ต้องส่งตัวออกจากเรือนจำกลางดึกไปอยู่ห้องพิเศษ ชั้น 14 รพ.ตำรวจอยู่ครึ่งปี แล้วก็กลับบ้าน
แทนที่จะต่อสู้ ด้วยการส่งหลักฐานเวชระเบียนให้แพทยสภา และป.ป.ช. ตามที่ร้องขอ เพื่อพิสูจน์ความจริง ไม่ยอมทำ กลับลุยไฟเดินหน้าไปสร้างผนังทองแดง กำแพงมวลชน หวังใช้เป็นโล่มนุษย์ ต่อสู้กับความจริงที่ตนปิดบังเอาไว้
เมื่อหลายหน่วยงาน ตั้งแต่ กสม. แพทยสภา ป.ป.ช. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องทำหน้าที่พิสูจน์ความจริง
แม้จะมีข่าวออกมาว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อบล็อกกรรมการบางคนในหน่วยงานจับโกง กันจนฝุ่นตลบก็ตาม
ประชาชนจึงไม่ต้องกังวลใจ ความจริงมีหนึ่งเดียว ทุกหน่วยงานล้วนประกอบด้วยกรรมการมืออาชีพ มีศักดิ์ศรี คำตอบที่ได้ต้องตรงกัน เพราะโจทย์เดียวกัน
หน่วยงานไหนผิดแผกไปจากคนอื่น สังคมจะตัดสิน และให้บทเรียนเอง
ก็รอดูกันต่อไป ช้าเร็วก็ต้องจบ ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกรา
หลังจากเหตุการณ์ทั้งหลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ความกดอากาศสูงลด และความกดดันจากอำนาจเงินอ่อนแรงลง
เมื่อนั้นฝุ่น PM2.5 และฝุ่นการเมืองก็คงสงบลง ท้องฟ้าจะได้ปลอดโปร่ง การเมืองจะได้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ประชาชนจะได้หายใจเต็มปอดเสียที
โดย.. พี่ชื่อวิช
โฆษณา