13 ก.พ. เวลา 10:00 • ธุรกิจ

‘ช็อกโกแลตไร้โกโก้’ โอกาสใหม่ แก้วิกฤติราคาโกโก้พุ่ง

“ช็อกโกแลตทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาโกโก้” (Alt-Chocolate หรือ Cocoa-Free Chocolate) คือตัวอย่างที่น่าสนใจ เป็นโอกาสแก้วิกฤติราคาโกโก้
ที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในราคาของโกโก้ซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรง ฝนตกหนักและคลื่นความร้อนในแอฟริกาตะวันตกได้สร้างความเสียหายต่อผลผลิตโกโก้ในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะในประเทศไอวอรีโคสต์และกานา ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ผลผลิตโกโก้ในสองประเทศนี้ลดลงถึงเกือบ 30% ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่พุ่งสูงขึ้นถึง 178% ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
1
อย่างไรก็ตาม ความพยายามแก้ปัญหาด้วยการปลูกโกโก้เพิ่มเติมกลับสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง การตัดไม้ทำลายป่ากลายเป็นประเด็นสำคัญ รวมถึงการใช้น้ำในปริมาณมหาศาลถึง 17.196 ล้านลิตรต่อช็อกโกแลตหนึ่งตัน ซึ่งสะท้อนถึงความสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก
นอกจากนี้ การผลิตโกโก้แบบดั้งเดิมยังเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานราคาถูก และในบางกรณีมีการใช้แรงงานเด็กในประเทศแอฟริกาตะวันตก ปัญหาเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นธรรมมากขึ้นในอุตสาหกรรมโกโก้
3
📌 ช็อกโกแลตทางเลือก นวัตกรรมพลิกเกม
 
เมื่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมโกโก้เพิ่มสูงขึ้น ผู้ผลิตบางรายได้หันมาใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหา โดยการพัฒนา “ช็อกโกแลตทางเลือกที่ไม่ต้องพึ่งพาโกโก้” (Alt-Chocolate หรือ Cocoa-Free Chocolate) ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่
1
Planet A Foodsในเยอรมนี เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกด้านช็อกโกแลตทางเลือกที่น่าจับตามองที่สุด บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า“ChoViva”ซึ่งใช้วัตถุดิบอย่างข้าวโอ๊ต และ เมล็ดทานตะวัน ผ่านกระบวนการหมักและคั่วที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ช่วยให้ได้รสชาติที่ใกล้เคียงกับช็อกโกแลตดั้งเดิม โดยไม่จำเป็นต้องใช้โกโก้
กระบวนการนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 90%​ นอกจากการลดคาร์บอนแล้ว ChoViva ยังช่วยลดการใช้น้ำและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตในท้องถิ่น เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง ขณะเดียวกันยังสามารถผลิตช็อกโกแลตได้ในปริมาณมาก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่เสถียรของห่วงโซ่อุปทานโกโก้ดั้งเดิม
2
Foreverland จากอิตาลีเลือกใช้ผลแครอบ (Carob)ซึ่งเป็นพืชในตระกูลถั่วที่มีศักยภาพในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง แครอบสามารถปลูกได้ในพื้นที่แห้งแล้งอย่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยใช้น้ำน้อยกว่าโกโก้ถึง 90% และลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 80% กระบวนการผลิตนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาปัจจัยที่เป็นปัญหา เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดแรงงาน​
2
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของ Foreverland ที่ชื่อว่า“Choruba”ยังมีคุณสมบัติด้านโภชนาการที่เหนือกว่า มีปริมาณน้ำตาลต่ำและไฟเบอร์สูง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบัน Foreverland อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตและตั้งเป้าที่จะครองตลาดยุโรปด้วยผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ยั่งยืน
WNWN Food Labsจากสหราชอาณาจักรนำเสนอแนวทางที่แปลกใหม่ในการผลิตช็อกโกแลต โดยใช้ข้าวบาร์เลย์ และ แครอบ เป็นวัตถุดิบหลัก กระบวนการหมักแบบพิเศษทำให้ข้าวบาร์เลย์เกิดรสชาติช็อกโกแลตที่มีความซับซ้อนและกลิ่นหอมคล้ายโกโก้
2
ในขณะเดียวกัน แครอบยังช่วยเพิ่มรสชาติที่สมดุลและลดความจำเป็นในการใช้น้ำตาลหรือไขมันสัตว์​ WNWN ยังได้พัฒนาช็อกโกแลตทางเลือกที่ปราศจากคาเฟอีนและสารธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเป็นมิตรต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ กระบวนการผลิตของ WNWN ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มาก
1
Voyage Foodsบริษัทจากสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาช็อกโกแลตปราศจากโกโก้โดยใช้แนวคิดการรีไซเคิลวัตถุดิบที่เหลือจากอุตสาหกรรมอื่น เช่น เมล็ดองุ่น ที่เหลือจากการผลิตไวน์ โดยนำมาผสมกับวัตถุดิบจากพืชอื่น ๆ เช่น โปรตีนจากดอกทานตะวัน กระบวนการผลิตของบริษัทมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้น้ำในปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตช็อกโกแลตทั่วไป​
1
California Culturedบริษัทใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอาหาร กระบวนการนี้เริ่มต้นจากการแยกเซลล์จากเมล็ดโกโก้ แล้วนำมาปลูกในสภาพแวดล้อมควบคุมใน Bioreactor โดยมีการปรับสภาวะเพื่อเลียนแบบป่าฝน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะที่สุดสำหรับการเติบโตของโกโก้
ช็อกโกแลตทางเลือกสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนและสุขภาพมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ใช้น้ำน้อยลง และหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่า
1
ช็อกโกแลตเหล่านี้จึงตอบโจทย์ได้อย่างดี แม้จะมีความท้าทายในการพัฒนารสชาติ แต่ด้วยการลงทุนและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ช็อกโกแลตทางเลือกจะเริ่มเข้ามาแชร์ส่วนแบ่งตลาด ในตลาดช็อกโกแลตโลกที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแตะ 172.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030
1
โฆษณา