27 ม.ค. เวลา 02:54 • ปรัชญา
วัดเกาะลอย

ประคองกิเลสให้พอดี อย่าอยากได้อยากมีจนต้องเวียนว่ายในกองทุกข์ภัย

เมื่อวันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสฟังสัมภาษณ์ออกรายการโทรทัศน์ของนางเอกสาวท่านหนึ่งที่มีต่อมุมมองธรรมะ นางเอกสาวท่านนั้นเธอยืนยันว่าทำบุญบ่อย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้สั่งสมบุญ และเธอบอกว่าเธอไม่ปรารถนานิพพาน เธอยังมีความอยากได้อยากมีอยู่ เป็นแค่คนธรรมดาที่ยังมีกิเลสอยู่ จึงไม่ได้ปรารถนานิพพาน แต่ยังปรารถนาให้บุญกุศลมาหนุนนำให้ตัวเธอได้รับความสุขต่างๆนานา
#อริยมรรค
ผู้เขียนขอยืนยันว่า ความคิดของนางเอกสาวท่านนี้ไม่ได้ผิดอะไรต่อบริบทสังคมและวัฒนธรรม ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และเป็นสิ่งที่เป็นปรกติธรรมดาของมนุษย์เรา การไม่ปรารถนานิพพานหรือไม่ปรารถนาการหลุดพ้นไม่ใช่เรื่องผิดบาป และถ้าหากอินทรีย์ของบุคคลนั้นยังไม่พร้อมถึงซึ่งพระธรรมหรือพระนิพพาน ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน เพราะจะกลายเป็นข่มเขาโคขืนให้กลืนหญ้าไป แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นประโยชน์มากกว่าเพราะเป็นการนำธรรมะที่ถูกปิดมาเปิดเผยต่อทุกท่าน แทนที่จะปล่อยให้สงสัยกันไปต่างๆนานาเอง คือ
ก่อนอื่นเลย อยากให้เข้าใจเรื่องระบบกรรมว่า บุญและบาป หรือกุศลวิบากและอกุศลวิบาก เป็นขั้วตรงข้ามกันแต่มีสิ่งที่เหมือนกันคือ คล้ายเชื้อเพลิง คือใช้ไปเรื่อยๆ ก็หมดไป เมื่อหมดไปก็ต้องเอาพลังงานอื่นที่คุณภาพแย่กว่ามาทดแทน คนเราที่ทำทั้งบุญและบาปสะสมไว้หลายล้านภพล้านชาติ แต่ได้จังหวะกุศลที่สะสมไว้ดันมากพอ จึงทำให้เราได้มาปฏิสัมภวะเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้แม้บาปอกุศลยังมีอยู่ก็ตาม
เมื่อกุศลมีน้ำหนักมากพอก็ให้ผลก่อน เราถึงมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ในชาตินี้ พระพุทธองค์ตรัสว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์มาจากน้ำหนักของบุญและบาปที่ชั่งตวงวัดมาแล้วได้ผลใกล้กัน ทำให้ได้มาเกิดในภพภูมิของสถานีเปลี่ยนเส้นทางสายรถ คือ มนุสภูมิ เราทุกคนมีเจตจำนงเสรีและสามารถปฏิบัติให้ถึงสถานีที่จะพาเราสู่ที่ที่ดีกว่าได้ อาทิเช่น ไปสู่มนุษย์ผู้เป็นอริยะ ไปสู่เทวโลก สู่พรหมโลกและถึงนิพพาน โดยอาศัยการปฏิบัติภาวนาตามเส้นทางมรรค๘
แต่การที่เรายังคงประพฤติปฏิบัติแบบเดิมๆ ทำบุญแบบเดิมๆ ทำบุญไปอธิษฐานขอพรไป ขอให้ได้โชคได้ลาภได้ทรัพย์ได้สุข ขอให้ตาหูจมูกลิ้นกายและใจได้รับการบำรุงบำเรอเพื่อเป้าหมายเป็นกามสุข และหวังว่ากุศลกรรมที่ทำไปนั้นจะกลับมาตอบสนองด้วยสิ่งดีงามและความสุขต่างๆนานา นี้ถือเป็นหนทางของปุถุชนผู้ประมาทที่สุด
พระพุทธองค์ทรงเปิดเผยไว้ชัดเจนแล้วว่า การตั้งความปรารถนารับความสุขจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและธัมมารมณ์โดยไม่รู้จักทำให้ความตระหนี่ถี่เหนี่ยวสิ้นสูญไป จะทำให้จิตผูกพันมั่นหมายต่อผลของบุญที่ทำ เช่น ทำทานแล้วหวังว่าจะได้รับผลของทาน ทำบุญกับวัดวาอารามโรงเรียนและโรงพยาบาลโดยหวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนเรื่องทรัพย์สิน,ชื่อเสียงหรือครอบครัว หรือแม้แต่ปฏิบัติภาวนาแล้วหวังว่าชีวิตจะต้องสงบ ติดใจในความสงบสุข บางรายคิดไปถึงขั้นว่าปฏิบัติภาวนาแล้วจะหายป่วย หรือถูกหวย..
เหล่านี้เป็นปฏิปทาที่ผิดมหันต์ จริงอยู่ที่การอธิษฐานขอพรหรือการหวังย่อมเป็นเจตจำนงเสรีของใครของมัน ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดกฎจักรวาล และไม่ผิดกฎแห่งกรรม แต่แน่นอนว่า ผลลัพธ์ตรงความปรารถนาย่อมส่งผลให้จิตเกิดความพึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสและอารมณ์ สุดท้าย จิตที่เกิดดับนับล้านดวงในแต่ละวันก็จะกลับมาเกิดและดับซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในที่ตั้งอารมณ์เดิมๆ นั่นคือที่ตั้งของความติดใจในสุข และแน่นอน การเวียนว่ายตายเกิดย่อมไม่สิ้นไปเพราะจิตตั้งมั่นติดใจ งอกอยู่ในภพอันเป็นบ่อเกิดของชาติชรามรณะแล้ว
วงจรนี้เรียกว่าวงจรปฏิจจสมุปบาท อันมีต้นตอมาจากอวิชชาคือ ความไม่รู้-ขลาดเขลา ที่ทำให้สัตว์ยึดมั่นถือมั่นในเหตุปัจจัยปรุงแต่งต่างๆนานา สุดท้ายก็ฟอร์มวิญญาณและรูปร่างตัวตนขึ้นมาเป็นขันธ์๕ ที่ก่อกวนยวนใจให้สัตว์โลกติดกับดักทุกขภัยในวัฏสงสารมานับแสนล้านภพชาติ และแน่นอนว่า กุศลกรรม เป็นของที่ต้องคอยหมั่นทำ ไม่งั้นก็จะเหมือนพื้นบ้านที่ไม่เคยทำความสะอาด จะมีแต่คราบสกปรกเกรอะกรัง ถ้าพลาดเมื่อไรก็กลายเป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษที่จะมาคร่าชีวิตคุณไปเมื่อใดก็ได้โดยไม่รู้ตัว
หากวันใด กุศลวิบากมีไม่พอ เพราะปุถุชนไม่อาจประคองกุศลไว้ให้คงตัวสม่ำเสมอเหมือนอริยบุคคลได้ วันนั้นปุถุชนก็จะตกลงสู่เบื้องต่ำเบื้องร้อนอย่างแน่นอน เพราะกุศลเป็นของต้องคอยทำสม่ำเสมอ จะขาดช่วงไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ใช่อริยบุคคล ก็จะหลงกามสุขอยู่ตลอด เผลอหยุดการสร้างบุญและเจริญภาวนาอยู่เรื่อย ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่านางเอกสาวท่านนั้นตายไปแล้วได้ไปเสวยสุขบนเทวโลกโดยยังไม่ได้เป็นอริยบุคคล นางเอกสาวก็จะไม่ภาวนา เอาแต่เสพสุขอย่างเดียว สุดท้ายพอตายจากเทวดาก็ลงนรกอบายทันที
เช่นเดียวกัน ต่อให้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ผู้มีส่วนดีแล้ว แต่เอาแต่สนุกสนานเพลิดเพลินอยู่แต่กับกามสุขที่ผลบุญทางโลกบำรุงบำเรอให้ วันหนึ่งหากเกิดภัยพิบัติหรืออุบัติการณ์ทางโลกไม่ทันตั้งตัว ก็อาจร่วงลงสู่มนุษย์ผู้มีส่วนเลวในทันที ถึงตอนนั้นก็คงไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติประพฤติธรรมเพราะจิตเตลิดฟุ้งซ่านไปไกลแล้ว ดังนั้น พระพุทธองค์จึงได้เมตตาสั่งสอนอริยัฏฐังคิกมรรค คือ มรรคมีองค์แปด เพื่อก้าวสู่ความเป็นอริยบุคคล มีโสดาบันเป็นเบื้องแรกแห่งการสัมผัสพระนิพพาน เพื่อประกันภัยให้สัตว์โลกว่าจะไม่ต้องตกสู่อบาย
ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปว่าจะต้องเวียนว่ายตายเกิดแล้วพลาดไปเป็น สัตว์นรก กำเนิดเดรัจฉานและเปรตวิสัยอีกเมื่อไร พระพุทธองค์ยังทรงรับรองอีกว่าบทแห่งธรรมใดหากปุถุชนผู้ตั้งตนเป็นสัทธานุสารีนั้นจดจำได้คล่องปากขึ้นใจ รู้แจ้งท่องแทงตลอดอย่างดีด้วยทิฏฐิอันเห็นตรง บทแห่งธรรมนั้นย่อมนำพาให้สัตว์โลกเข้าสู่การบรรลุธรรมได้แม้ในระหว่างกระทำกาละ หากแม้ต้องไปเกิดใหม่ก็จะได้ภพเป็นเทวโลกบ้าง พรหมโลกบ้าง และจะบรรลุได้ด้วยการประชุมทวนธรรมะกับหมู่เพื่อนเทพพรหม หรือมีเทพพรหมและพระอริยสงฆ์ขึ้นมาเทศนาคอยเตือนจนบรรลุธรรม
แอดมินอันตราปรินิพพายี แห่งเพจเฟซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา