27 ม.ค. เวลา 04:36 • ความคิดเห็น
เราสงสัยจัง ทำไมต้องมีศาสนา เค้ามีศาสนาไว้ทำไมกัน ..เริ่มแรกมนุษย์นั้นก็อยู่กัน แบบคนป่าเถื่อน เกิดในดินแดนโลกล้านปีกัน เสื้อผ้าก็ไม่มีจะนั่งห่ม ร่อนจ้อน เกิดก็หิวโหย ฆ่าฟันกินมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ มีสัญชาตญาณเถื่อนดิบ หฤโหด เหมือนว่าเอาสัตว์นรกขึ้นมา เป็นทัพหน้า ..มาต่อสู้ กับดินฟ้าอากาศในโลกที่มีความทุรกันดาล ดินฟ้าอากาศแปรปรวน
..พอรุ่นทัพหน้า น้อยลงไปก็มีรุ่นที่มาจากดินแดนที่ดีหน่อย ก็มาสอนให้รู้จัก เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ..ก็อยู่กัน แบบรู้จักเอื้อเฟื่อ แบ่งปันกัน คราวนี้ มันก็รุ่นทัพหน้า ย้อนกลับมาเกิด เข่นฆ่ากัน ก่อสงคราม แย่งชิง ปล้น ..ฆ่า แย่งชิง .. ที่กินที่อาศัย ..ไม่ต้องออกแรงไปสร้างเอง .. ชอบเอารัดเอาเปรียบ ..คนนั้นคนนี้ ..คล้ายสันดานโจรอันธพาล
คราวนี้ คนเรามันก็ไปเกิดที่นั้นที่นี้ มีทั่วไป ไปเกิดบนภูเขา ในป่า ทะเลทราย ตามเกาะแก่ง ไปอยู่ที่หนาวที่ร้อน .เค้าก็มีการสร้างสะสม มีเรื่องราว ที่เกิด เหมือนว่าคนดีมาเกิด ก็มาสอนให้ ชุมชนนั้นชุมชนนี้ รู้จักใช้กายวาจาใจ ทำเรื่องราวดีๆ ให้เกิดเป็นสันติสุขขเงการอยู่ร่วมกัน คำสอนอะไรต่างๆ ก็เกิดเป็นภาษา เฉพาะถิ่น กำเนิด ที่คนที่เค้าอยู่ในถิ่นต้นกำเนิดศาสนาเค้าย่ออมรู้จัก ย่อมปฏิบัติ ตามรอยของคำสอนศาสดา เหมือนวว่า เจอะเจอตัวเป็นมีชีวิตอยู่
เมื่อการเวลาผ่านไป ..ศาสดา ก็จากไป มีแต่ร่องรอย การบันทึก คำสอน ต่างๆ ก็ไม่ได้เจอะเจอศาสดาตัวจริง ..คราวนี้ มันก็เลยมีแต่เรื่องว่า ไปอ่านคำภีร์มา ..มาตีความ..มาสอน ..บ้างก็เอาอารมณ์ตวามรู้สึก ..ฟังมา ที่เจอะเจอตำรับตำรา ก็มาแปลว่า เรื่องนี้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ..โดยที่ตนเองก็ไม่ปฏิบัติ เอาแค่ศาสนาที่ตนเองนับถือได้ยินได้ฟังมา เอามาปฏิบัติ .
สำหรับเราเองเรารู้จักแต่พระพุทธศาสนา ไม่กล้าไปออกความเห็นในศาสนาอื่น ..เพราะที่ศาสนาที่เรานับถือ เรายังเรียนรู้ปฏิบัติธรรม ไปไม่ถึง ธุลีในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โฆษณา