27 ม.ค. เวลา 09:00 • ความคิดเห็น
การที่ได้เรียนรู้ ปฏิบัติธรรม ได้พบพระที่ท่าน ปฏิบัติธรรม ลดละ อารมณ์โลภโกรธหลง .มีจิตที่ว่องไวมาก ..มองดูรูปกาย ภายนอก ก็เหมือนคนแก่ทั่วไป ท่านไม่พูดมาก ไม่ได้เรียนรู้จักธรรม จากการอ่านหนังสือ หนังหาอะไรเลย หากเอาเรื่องตำราไปถามท่าน ท่านก็บอกว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้เรียนมา
ท่านมีอะไรที่แปลกมาก ในเรื่องการประพฤติปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ .. เวลาเราเจอะเจอปัจจัยอุปสรรค อะไรต่างๆ ที่เราก็ไม่สามารถรู้ที่มาที่ไป ..ท่านก็บอกให้ปฏิบัติธรรมไป บอกว่า ไม่ไปเห็นอะไร นิมิตอะไรดีที่สุด .. เพราะจิคเรามันยังปกคลุมไปด้วยอารมณ์
พอเราเรียนรู้ ก็มีพระที่ท่านปฏิบัติ ท่านบอกว่า พระอรหันตนั้นอยู่ป่า ไม่ได้อยู่เมือง เหมือนพระสิทธัตถะท่านทิ้งเวียงวัง ท่านบอกว่า ธรรมของพระพุทธเจ้านั่นท่านฝากไว้ กับดินฟ้าอากาศ ใครปฏิบัติธรรม ทำตามรอยของท่าน ยืน เดิน นั่ง นอน ..จิตเป็นสมาธิ ไม่มีอารมณ์ โลภโกรธหลง ..กายก็นิ่ง จิตก็นิ่ง แสงรัตนะก็ส่องลงมา ส่องแสงลงมาที่จิต ..ค่อยๆสอน เรื่องราวของโลก เรื่องราวของกรรม เรื่องราวของอารมณ์กรรมตัวกระทำ
เรื่องราวธาตุทั้งสองของบิดามารดา เรื่องราวธาตุทั้งสี่ ..สิ่งที่บันทึกอยู่กับธาตุทั้งสี เรื่องราวของสีเวรกรรม เรื่องราวของแสงรัตนะ ที่คลี่คลายกรรม ออกไปจากธาตุทั้งสี่ ให้สะอาดสะอ้าน .. เรื่องราวเหล่านี้ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เขียนตำรับตำรา แต่ท่านก็ฝากธรรมเหล่านี้ ไว้กับดินฟ้าอากาศ ที่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ..จะได้ศึกษา ให้เกิดปัญญาธรรม ..ปฏิบัติธรรมให้หลุดพ้น การเกิดแก่เจ็บตาย
พระท่านก็บอกว่า ให้หมั่นสร้างบุญกุศลบารมี จิตมีบุญกายมีบุญ ก็สามารถปฏิบัติธรรม ตามรอยของท่านไปได้ ..ตามรอยท่าน เหมือนที่ท่านสะสมบุญกุศลมา นับชาติไม่ได้ กว่าจิตนั่นจะยุติการเกิดแก่เจ็บตาย .. เราอ่านคำภีร์ รู้จักอยู่แค่นั้น ..แล้วใช้กายมาสร้างอะไร ในคำว่า สร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น ..
..เค้าสร้างไปทำมั้ย ..เค้าสร้างบุญกุศลบารมี เพื่อจะหนีการเกิดแก่เจ็บตาย . ที่อาศัยเวลานับชาติไม่ได้ ..ที่จะยุติการเกิด มีแต่บุญกุศลบารมี หนุนนำ ให้ตัดขาดจากเรื่องราวของโลก ที่เค้าก็ไปตัดขาด กันในป่า ..ด้วยคำว่า ขันติเป็นบารมี
ธรรมของท่าน ท่านไม่ได้ฝากผู้หนึ่งผู้ใด ฝากพระสารีบุตร พระอานนท์ พระโมคัลลา ก็ไม่ได้ เพราะต่างก็ต้องละสังขารที่ไม่เที่ยง ท่านก็เลยฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ ..
โฆษณา