วิธีการของ ผู้สูงอายุ ที่อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องทำอย่างไร? : อนิรุทธ หุตางกูร

งานซ่อมของเล่นเบาๆ ของ ผู้สูงอายุ ที่สร้างรายได้ เพื่อนำมาใช้พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์จริง ของผู้เขียน ที่กำลังจะก้าวไปเป็น ผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว และ ได้พัฒนางานอดิเรกของตนเอง หลังเกษียณอายุการทำงาน ในการซ่อมของเล่น เพื่อสร้างรายได้ ให้สามารถ นำมาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ให้ดีขึ้นได้ ในช่วงที่กำลังจะก้าวไปเป็น ผู้สูงอายุ และ เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความสุขได้มาก ตลอดไป
เรียนรู้ วิธีการซ่อมของเล่น จนชำนาญ สามารถ ซ่อมด่วน! ตุ๊กตาเฟอร์บี้ อาการไม่มีเสียง ซ่อมเสร็จภายใน 30 นาที
จากการทำงาน เป็นลูกจ้างประจำ มาจนถึง วัยผู้สูงอายุ ได้เรียนรู้ และพัฒนา วิธีการทำงานของตนเอง มาตลอด จนก่อนเกษียณอายุการทำงาน ได้ก้าวขึ้นสู่ ตำแหน่งผู้บริหาร
1
คุณ อนิรุทธ หุตางกูร ทำงานในตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด
เก็บเงิน ผ่อนบ้านเป็นของตนเองได้ มีการสะสมเงิน ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า หลายแห่ง มีเงินฝากธนาคารหลักล้าน พอเกษียณอายุการทำงาน ก็ไม่กล้าเอาเงินฝาก ที่สะสมไว้มาใช้ เพราะกลัวจะใช้ไม่พอ ไปจนตลอดชีวิต
ในวัยทำงาน เป็นลูกจ้างประจำ ซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นของตนเอง
ถ้าเกษียณอายุ ที่ 60 ปี เทียบกับคุณพ่อของผม อายุ 95 ปี ยังเหลือเวลาในการใช้ชีวิตอีก 35 ปี จะต้องมีเงินเก็บไว้เท่าไร ถึงจะเพียงพอ ใช้ไปได้อีกตลอด 35 ปี เอาแค่มีชีวิตความเป็นอยู่ดีพอใช้ สมมุติว่าต้องใช้เงินหลังเกษียณอายุการทำงาน เพื่อใช้จ่ายในแต่ละเดือน 30,000 บาท (ในแบบที่ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และ ผ่อนอสังหาริมทรัพย์
ที่ซื้อสะสมไว้หมดแล้วนะครับ)
35 ปีx 12 เดือน รวม= 420 เดือน x 30,000 บาท เท่ากับเรา ต้องมีเงินเก็บไว้ 12.6 ล้านบาท ถึงจะมีใช้ไปได้ตลอดชีวิต โดยพึ่งตนเองครับ
เงินจำนวน 12.6 ล้านบาทนี้ เราอาจไม่ต้องเก็บสะสมไว้เป็นเงินก้อนใหญ่นะครับ คือ ทำอย่างไรให้มีเงินที่สามารถใช้จ่ายได้ทุกเดือน เดือนละ 30,000 บาท หลังเกษียณอายุการทำงาน 60 ปี ไปได้ตลอดจนถึงอายุ 95 ปี
งานอดิเรกของ คุณ อนิรุทธ หุตางกูร ตอนสมัยเรียนหนังสือ
ผมมี งานอดิเรก ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยชอบ ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เลยมาจับงานอดิเรก หลังเกษียณอายุการทำงานเป็น การซ่อมของเล่น อีกอย่าง คือ อยากช่วยตอบแทนสังคมด้วยการ ลดขยะพลาสติก และ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยลดโลกร้อน
รถแบตเตอรี่ ที่มีอยู่วันหนึ่ง ลูกค้ารายเดียวส่งมาให้ซ่อม ทั้งหมดนี้
พอดีของเล่นส่วนใหญ่ ใช้พลาสติกจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็น รถแบตเตอรี่ ใช้พลาสติก หล่อขึ้นมาทั้งคัน ถ้าเราซ่อมได้ รถพลาสติกคันใหญ่เหล่านี้ ก็ไม่ต้องทิ้งเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ ถ้าเอาไปหลอมใหม่ ก็จะเกิดเป็นมลพิษในอากาศอีกมากมาย
รับซ่อมรถแบตเตอรี่
ถ้าเราซ่อมแล้ว ให้ผู้คนใช้งานไปได้เป็นหลายชั่วอายุคน สามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ ก็จะช่วยลดโลกร้อนได้มาก ตอนซ่อมเสร็จ ผมจะแนะนำลูกค้าว่า รถแบตเตอรี่ ที่ซ่อมไปนี้ ถ้าไม่เอาไปตากแดด จะสวยคงอยู่สภาพนี้ ไปจนลูกคุณพี่โต และ ยังเอารถคันนี้ส่งต่อ ให้ลูก ของลูกคุณพี่ ขับต่อไปได้อีก ในสภาพดีสวยงามแบบนี้ ตลอดไปเลยครับ เพราะพลาสติก จะอยู่ได้นาน ไม่ย่อยสลาย เพียงแต่เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ถ้าใช้ถูกวิธี แบตเตอรี่นี้ ก็ใช้ได้นาน 2-3 ปี เลยครับ
พอเปิด รับซ่อมของเล่นใส่ถ่าน และ รถแบตเตอรี่เด็ก ที่บ้าน หลังจากเกษียณอายุการทำงานแล้ว โดยใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต ประชาสัมพันธ์ ปรากฏว่า มีครอบครัวจำนวนมาก ส่งของเล่นใส่ถ่าน ที่เสียแล้ว มาให้ซ่อม จากทุกๆจังหวัดทั่วประเทศ งานก็เลยเยอะมาก จนซ่อมไม่ทัน ต้องชวน คุณพ่อ และ พี่น้องมาช่วยซ่อม และก็ตามมาด้วย เงินค่าซ่อมที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ทำให้ผมแบ่งสะสม ไปบัญชีธนาคารก้อนใหญ่ เพื่อให้เพิ่มพูนมากขึ้น และ ใช้เงินสะสมอีกส่วนหนึ่งไปปรับปรุง โต๊ะปฏิบัติการซ่อม จำนวน 10 โต๊ะได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการซ่อมให้ดีขึ้น และเร็วขึ้น จะได้ทันตามความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ ลองมาดูกลยุทธ์ ที่ผมรวบรวมมา เพื่อให้สามารถซ่อมสิ่งของต่างๆได้เร็วขึ้น ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ
ที่ผมประชาสัมพันธ์ อาชีพซ่อมของเล่นเบาๆ ที่เรียนรู้ได้ หลังเกษียณอายุการทำงานแล้ว เป็นงาน ซ่อมของเล่น เพราะรู้ว่า ประเทศของเรา กำลังมี ผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และ ก็ได้ทราบว่า ปัจจุบัน ผู้สูงอายุ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทั้งเรื่องการทำมาหากิน และ เรื่องหนี้สิน
คุณพ่อ อายุ 95 ปี มาช่วยซ่อมของเล่นใส่ถ่าน
จึงมองว่า งานอดิเรกที่ ซ่อมของเล่น นี้ น่าจะทำให้ ผู้สูงอายุ ที่กำลังเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในทุกๆวัน จะได้มีโอกาสเรียนรู้ และ พัฒนาตนเอง ในการทำงาน ซ่อมของเล่นเบาๆ หลังเกษียณอายุการทำงาน เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเอง มี กิจกรรมทำ หลังเกษียณอายุการทำงาน จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถนำเงินรายได้เหล่านี้ มาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ให้ดีขึ้นได้
อสังหาริมทรัพย์ ที่เคยซื้อสะสมไว้ให้เช่า เพื่อที่เราจะได้มีค่าเช่าทุกๆเดือน ไปตลอดชีวิต ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะปัจจุบันการค้าขาย ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน คนส่วนใหญ่ ก็ไม่เช่าหน้าร้านกันแล้ว
ส่วนใหญ่ เปิดห้อง ไลฟ์สดขายของในบ้าน หรือ ในที่พักของตนเอง ก็ทำธุรกิจได้ครับ การลงมือ รับซ่อมของเล่น เพื่อสร้างรายได้ ด้วยตนเอง จึงเป็นสิ่งแน่นอน ที่เกิดขึ้นว่า เราจะสามารถได้รับเงิน 30,000 บาท ไปได้จนถึงอายุ 95 ปีแน่นอน
คราวนี้มาดูว่า ทำไม? จึงต้องพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ให้ดีขึ้น หลังกลายเป็นผู้สูงอายุไปแล้ว และ ทำไมหลังจากอายุ 60 ปีแล้ว เราต้องมีเงินประจำเดือน 30,000 บาท สำหรับใช้จ่ายอิสระในชีวิตประจำวันได้ หลังจากที่เราเป็น ผู้สูงอายุ แล้ว จากประสบการณ์ของผม คือ
1. การเจ็บป่วย ต้องได้รับการแก้ไข วันดีคืนดี ผมตื่นขึ้นมา เกิดอาการปวดแขน อาจด้วยสาเหตุที่ ยกเปียโนหนักๆ บ่อยเกินไป จนกล้ามเนื้อเสียหาย โดยทั่วไป ผมเป็นคนแข็งแรงไม่ค่อยได้เจ็บป่วย ที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ที่ยังไม่ได้เจ็บป่วย และ อาการปวดเมื่อยนี้ปกติ 2-3 วันก็หายแล้วครับ ร่างกายแก้ไขเองได้ แต่พอเป็นผู้สูงอายุแล้ว ไม่หายง่ายครับ
คราวนี้เลยต้องมา พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ใหม่แล้วครับ เริ่มตั้งแต่ที่นอน อาจต้องซื้อใหม่เป็นแบบพิเศษ นอนแล้วไม่ยุบตามส่วนของร่างกาย อาจต้องใช้เป็นชนิดยางพารา ที่ไม่ยุบตัวมาก แม้แต่เตียงที่ พื้นวางที่นอน เป็นเหล็ก หรือเป็นไม้คั่นเป็นระยะ ยังใช้ไม่ได้เลยครับ เพราะวางที่นอน กดทับไปแล้วจะเกิดเป็นลอนๆขึ้นมา เตียงทีดีต้องมีไม้หนาปูรองรับที่นอนด้วยครับ เพื่อที่จะให้นอนแล้วตื่นขึ้นมาสบายตัว
2. ต้องพัฒนาอาหารการกินใหม่ ตอนสมัยวัยรุ่น หรือ เป็นคนทำงาน ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ ทานอะไรก็ได้ ร่างกายดูดซึม สารอาหาร และ นำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ พอเป็น ผู้สูงอายุแล้ว ต้องทำให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ อาการปวดแขนไม่หาย ทานสารอาหารให้ครบ ตามที่ร่างกายต้องการ ก็อาจจะช่วยให้ดีขึ้นมากได้
ของผมพัฒนา อาหารเช้าใหม่ ให้มีการ ทานไข่ลวกตอนเช้า 2 ฟอง ตอนค่ำ 2 ฟอง ขนมปัง 2 คู่ เปลี่ยนเครื่องทาหน้าขนมปัง เพื่อไม่ให้เบื่อ เพราะต้องทานทุกเช้า ทาแซนด์วิชสเปรต นูเทล่า สังขยา นม แยมรสส้ม เนยรสเค็ม และ ถั่วและญี่ปุ่นแช่แข็งทานแบบธรรมชาติ และ นมสดรสจืด ทั้งหมดนี้ คือตอนเช้า ตอนกลางวัน และเย็น ก็ตามสบาย
3. ปรับการ นั่งทำงานซ่อมของเล่นเบาๆ ให้สบาย ใช้เก้าอี้ที่ดีที่สุด ใหญ่ และ นั่งสบาย ปรับเอนนอนได้ มีสมาร์ตทีวีจอใหญ่เอาไว้ดูซีรี่ย์จีนไป นั่งซ่อมไปด้วย ไว้สลับสายตาเวลาซ่อมนานๆ
งานซ่อมของเล่นเบาๆนี้แหละครับ ที่จะทำให้เรา มีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาท ไปตลอด จนกว่าจะอายุ 95 ปี เริ่มแรกๆ อาจไม่ค่อยสนใจทางด้านนี้ แต่พอทำๆไป เริ่มมีรายได้ที่ดี จะสนใจมากขึ้น และ ต่อๆไป ก็รักงานนี้เลยครับ ทำให้เด็กๆทุกคน ได้มีความสุข เพราะได้ของเล่นที่รัก ของตนเอง กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ตัวเราเองก็ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมในการลดขยะพลาสติก และ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยลดโลกร้อนด้วย
4. หาสถานที่ออกกำลังกายประจำ ตอนหนุ่มๆก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะ ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา จึงไม่ได้อ้วน แต่ปัจจุบัน พอมีเรื่องปวดเมื่อยแล้ว ต้องหันมาสนใจออกกำลังกายแล้วครับ ถ้าออกไปวิ่ง ใกล้ๆถนนที่มี รถปล่อยควันเสียออกมา อากาศที่สูดเข้าปอดมากมายคงไม่ดีแน่ ก็ต้องสมัครสมาชิกฟิตเนส ที่มีเครื่องออกกำลังกายหลายชนิด และ ได้สร้างสังคมกับ เพื่อนใหม่ ที่รักการออกกำลังกายไปด้วยครับ
5. ควบคุมเวลาการทำงานซ่อม ของตนเองได้ ตัวอย่างของผม เปิดร้าน และ รับโทรศัพท์ และ รับเครื่องซ่อมลูกค้า หลัง 11 โมง ถ้ามีใครโทรมาก่อน 11 โมง ก็จะไม่ได้รับสาย เพราะเอาโทรศัพท์ ไว้อีกห้องหนึ่ง และ ตั้งวันหยุดให้ตัวเอง 1 วัน คือ วันอาทิตย์ และ หยุดตามเทศกาล อย่างวันตรุษจีน ปีใหม่ ก็หยุดยาวเหมือนกัน ให้มีเวลาพักผ่อนยาวๆบ้าง เวลาปิดร้าน ตั้งไว้ 15.00 น. ที่ปิดร้านเร็ว เพราะหลัง 15.00 น. ต้องเดินทางไปออกกำลังกาย ที่ฟิตเนส แถวบ้านครับ
6. เตรียมการณ์ เพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เผื่อเกิดผลกระทบจากภาวะสงคราม แล้วมากระทบบ้านเรา ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ที่เราเตรียมการได้ คือ จัดทำ ระบบส่องสว่างภายในบ้าน ให้เป็นระบบโชล่าเซลล์ทั้งหมด
ผลพลอยได้อีกส่วนหนึ่งที่ปรับปรุง คือ มีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะ ลดค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายลงไปได้ ในทุกๆเดือน ลดค่าไฟเฉพาะระบบส่องสว่าง ภายในบ้านเป็นเบื้องต้นนะครับ เพราะใช้งบประมาณ ในการจัดทำ ระบบโซลาร์เซลล์ ไม่มาก ถ้าบ้านอื่นๆ ไฟดับทั้งหมด ของบ้านเรา จะใช้งานได้ตามปกติ อย่างสะดวกสบาย เพราะเราผลิตไฟใช้เอง ภายในบ้านครับ
บ้านที่ทุ่งครุ
7. ต้องมีเงินไปใช้จ่าย เพื่อการสังสรรค์ กับ เพื่อนฝูงเก่าๆ สมัยเรียน เพื่อนที่ทำงานเก่า ยิ่งเป็นผู้สูงอายุ จะเหงา ต้องไปแลกเปลี่ยนพูดคุย กับเพื่อนเก่าบ้าง หรือ อยากจะไปเที่ยวแบบสมัยวัยรุ่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็ยังทำได้ ถ้าเรามีงบประมาณด้านนี้ไว้
8. ไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ ผู้สูงอายุ ที่สมัยก่อนตอนทำงานไปท่องเที่ยว ไม่ได้มาก เพราะลางานได้ไม่กี่วัน แต่ตอนนี้เราเป็นผู้สูงอายุแล้ว เราควบคุมเวลาการทำงานเองได้ ควบคุมวันหยุดได้
และ จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ในการพักผ่อน ในสถานที่ต่างๆ ต่อไปถ้างานเข้าที่เข้าทางแล้ว อาจตั้งวันหยุดของตนเอง สัปดาห์ละ 4 วัน เป็น วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เลยก็ได้ครับ จะได้เอาวันหยุด 4 วัน ของเราไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ตอนที่เรายังมีแรงเที่ยวได้ครับ
9. พาคุณพ่อ คุณแม่ พี่ น้อง ลูกหลาน ไปทานข้าวนอกบ้าน ในทุกๆสัปดาห์ เพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข
ทั้ง 9 ข้อ ที่ได้กล่าวไปแล้ว เป็นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ของผู้สูงอายุ ให้ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้งบประมาณในทุกๆเดือน เพราะทุกอย่างต้องหาซื้อมาทั้งสิ้น ถึงต้องมีเงินใช้จ่ายอิสระ เดือนละ 30,000 บาท ไปตลอดจนอายุ 95 ปีครับ เงินที่ต้องนำมาใช้จ่าย ก็มาจาก ค่าซ่อมและค่าอะไหล่ทั้งสิ้น แบ่งมาส่วนเดียวคือ 30,000 บาท ไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือน ส่วนที่เหลือจากนี้ ฝากเข้าธนาคาร ที่ได้ดอกเบี้ยดีๆ เพื่อให้มีเงินฝากพอกพูนเพิ่มขึ้น ในทุกๆวัน
ดูความเป็นมาในเรื่อง การซ่อมของเล่น ได้ ในลิ้งค์ด้านล่างครับ
โฆษณา