ผู้สูงอายุ ที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องทำอย่างไร โดย โครงการสร้างอาชีพผู้สูงวัย

งานซ่อมของเล่น เป็นงานอดิเรกเบาๆ ของ ผู้สูงอายุ ที่สร้างรายได้ เพื่อนำมาใช้พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้
บทความนี้ เขียนจากประสบการณ์จริง ของผู้เขียน ที่กำลังจะก้าวไปเป็น ผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว และ ได้พัฒนางานอดิเรกของตนเอง หลังเกษียณอายุการทำงาน ในการซ่อมของเล่น เพื่อสร้างรายได้ ให้สามารถ นำมาพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ ในช่วงที่กำลังจะก้าวไปเป็น ผู้สูงอายุ และ เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความสุขได้มาก ตลอดไป
เรียนรู้ วิธีการซ่อมของเล่น จนชำนาญ สามารถ ซ่อมด่วน! ตุ๊กตาเฟอร์บี้ อาการไม่มีเสียง ซ่อมเสร็จภายใน 30 นาที
จากการทำงาน เป็นลูกจ้างประจำ มาจนถึง วัยผู้สูงอายุ ได้เรียนรู้ และพัฒนา วิธีการทำงานของตนเอง มาตลอด จนก่อนเกษียณอายุการทำงาน ได้ก้าวขึ้นสู่ ตำแหน่งผู้บริหาร
1
คุณ อนิรุทธ หุตางกูร ทำงานในตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด
เก็บเงิน ผ่อนบ้านเป็นของตนเองได้ มีการสะสมเงิน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ สะสมไว้ เพื่อปล่อยเช่า หลายแห่ง มีเงินฝากธนาคารหลักล้าน พอเกษียณอายุการทำงาน ก็ไม่กล้านำเงินฝาก ที่สะสมไว้มาใช้ เพราะกลัวจะใช้ไม่เพียงพอ ไปจนตลอดชีวิต
ในวัยทำงาน เป็นลูกจ้างประจำ ซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นของตนเอง
ถ้าเกษียณอายุ ที่ 60 ปี เทียบกับคุณพ่อของผม อายุ 95 ปี ยังเหลือเวลาในการใช้ชีวิตอีก 35 ปี จะต้องมีเงินเก็บไว้เท่าไร ถึงจะเพียงพอ ใช้ไปได้อีกตลอด 35 ปี เอาแค่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีก็พอ สมมุติว่าต้องใช้เงินหลังเกษียณอายุการทำงาน เพื่อใช้จ่ายได้อย่างอิสระในแต่ละเดือน อย่างไม่ลำบาก เดือนละ 30,000 บาท (ในแบบที่เราผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และ ผ่อนอสังหาริมทรัพย์
ที่ซื้อสะสมไว้ ตอนเป็นลูกจ้างประจำ ผ่อนหมดไปแล้วนะครับ)
35 ปี x 12 เดือน รวม= 420 เดือน x 30,000 บาท เท่ากับเรา ต้องมีเงินเก็บไว้ 12.6 ล้านบาท ถึงจะมีใช้เดือนละ 30,000 บาท ไปได้ตลอดจนถึงอายุ 35 ปี
เงินจำนวน 12.6 ล้านบาทนี้ คนตั้งใจทำงาน เป็นลูกจ้างประจำ ตั้งแต่จบการศึกษามา ทำงานสะสมเงินอย่างเต็มที่ เติบโต จนเป็นผู้สูงอายุแล้ว ผมว่า ก็ยังไม่สามารถจะเก็บสะสมเงินสด ได้ถึง 12.6 ล้านบาทแน่ ในแผนงานของเรา อาจไม่ต้องเก็บสะสมเงินสดไว้เป็นเงินก้อนใหญ่นะครับ
คือ ทำอย่างไร? ให้มีเงิน ที่สามารถนำออกไปใช้จ่ายได้ทุกเดือนอย่างอิสระ เดือนละ 30,000 บาท หลังเกษียณอายุการทำงาน 60 ปี ไปได้ตลอด จนถึงอายุ 95 ปี น่าจะหาได้น้อยนะครับ ที่พอเป็น ผู้สูงอายุ แล้ว ยังมีงานอดิเรกทำ เพื่อสร้างรายได้ ได้จนถึงอายุ 95 ปี แถมมีเงินเก็บสะสม เพิ่มมากขึ้นทุกเดือน และ ยังมีงบประมาณในการใช้จ่ายเงินอย่างอิสระได้ถึง เดือนละ 30,000 บาท โดยไม่ต้องรวย ก็มีความสุขมากๆได้ครับ
ที่ฟังมาใน การสอนบริหารการเงิน ส่วนใหญ่ จะบอกให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บออม และ แบ่งเงินส่วนหนึ่งเอาไปลงทุน เพื่อให้เงินเก็บงอกเงย แล้วที่ผ่านมา ถ้าเราไม่เคยได้ปฏิบัติแบบนี้มาก่อน และ ตอนนี้เรากำลังลำบาก จะทำอย่างไร ? ทุกอย่างอาจเป็นทฤษฎี ที่พูดกันได้ แต่ไม่ได้มีแนวทางวิธีการปฏิบัติ ที่เราจะสามารถ ทำได้จริงในปัจจุบัน
และ ในความเป็นจริง เราก็ไม่ได้มีเงินเก็บสะสมไว้ได้มากมาย เพราะตอนทำงาน เราไม่สามารถสะสมเงินสดได้สูงถึง 12.6 ล้านบาทได้ อาจสะสมเรื่อง ผ่อนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในที่ต่างๆ แต่พอเกษียณอายุการทำงาน ถ้าจะให้มีเงินใช้จ่ายอย่างอิสระ ในระยะยาวได้ 12.6 ล้านบาท ต้องขายอสังหาริมทรัพย์เกือบทั้งหมด เอามาเป็นเงินเพื่อใช้จ่าย ถ้าจะหวังเก็บค่าเช่า ตอนนี้ก็ไม่แน่นอนแล้ว คนซื้ออสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่าเต็มตลาด ให้เช่าร้านค้า เขาก็ไม่เช่ากัน เพราะขายออนไลน์อยู่กับบ้านได้
วิธีการ ที่ผมอยากจะแนะนำ คือ
1. ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด
2. หางานอดิเรกทำแบบเบาๆ เพื่อสร้างรายได้
3. ลดค่าใช้จ่ายประจำลง ถ้าเหลือก็เก็บสะสมเป็นเงินสดฝากไว้ในธนาคาร
ตามแนวทางของผม การลดค่าใช้จ่ายประจำ คือ มุ่งเน้นการ ลดค่าไฟฟ้า เป็นสำคัญครับ ปรับไฟส่องสว่าง ภายใน และ ภายนอกบ้าน มาใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับ บ้านของเรา หากเกิดศึกสงคราม หรือ ภาวะที่ประเทศต้องหยุดจ่ายไฟในบางช่วงเวลา บ้านของเรา ยังสามารถสว่างเป็นปกติได้ตลอดเวลา โดยไม่เดือดร้อน
ที่บ้านของผม เปิดแอร์ตลอด 24 ชม. ไฟส่องสว่างรอบบ้าน ก็เปิดตลอด 24 ชม. เพื่อความปลอดภัย และ ความสวยงามของบ้าน ค่าไฟฟ้า ทั้งที่ บ้าน และ ที่ร้าน ประมาณ 3,000 บาท เราจะลดให้ได้ 2,000 บาท เหลือจ่ายให้การไฟฟ้า แค่ 1,000 กว่าบาท ก็มากเกินพอแล้วครับ
งานอดิเรกของ คุณ อนิรุทธ หุตางกูร ตอนสมัยเรียนหนังสือ
ผมมี งานอดิเรก ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยชอบ ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เลยมาจับงานอดิเรก หลังเกษียณอายุการทำงานเป็น การซ่อมของเล่น อีกอย่าง คือ อยากช่วยตอบแทนสังคม ด้วยการรณรงค์ ลดขยะพลาสติก และ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยลดโลกร้อน
รถแบตเตอรี่ ที่มีอยู่วันหนึ่ง ลูกค้ารายเดียวส่งมาให้ซ่อม ทั้งหมดนี้
พอดีของเล่นส่วนใหญ่ ใช้พลาสติกจำนวนมาก ยิ่งถ้าเป็น รถแบตเตอรี่ จะใช้พลาสติก หล่อขึ้นมาทั้งคัน ถ้าเราซ่อมได้ รถพลาสติกคันใหญ่เหล่านี้ ก็ไม่ต้องทิ้ง เป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ ถ้าเอาไปหลอมใหม่ ก็จะเกิดเป็นมลพิษในอากาศอีกมากมาย
รับซ่อมรถแบตเตอรี่
ถ้าเรา ซ่อมรถแบตเตอรี่ แล้วให้ผู้คนใช้งานไปได้ เป็นหลายชั่วอายุคน สามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ ก็จะช่วยลดโลกร้อนได้มาก ตอนซ่อมรถเสร็จ
ผมจะแนะนำลูกค้าว่า รถแบตเตอรี่ ที่ซ่อมไปนี้ ถ้าไม่เอาไปตากแดด จะสวยคงอยู่สภาพนี้ ไปจนลูกคุณพี่โต และ ยังเอารถคันนี้ส่งต่อ ให้ลูก ของลูกคุณพี่ ขับต่อไปได้อีก ในสภาพดีสวยงามแบบนี้ ตลอดไปเลยครับ เพราะพลาสติก จะอยู่ได้นาน ไม่ย่อยสลาย เพียงแต่เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ถ้าใช้แบตเตอรี่ถูกวิธี แบตเตอรี่นี้ ก็จะใช้ได้นาน 2-3 ปี เลยครับ และ จะแนะนำวิธีใช้แบตเตอรี่ชาร์จ อย่างถูกวิธี ไปด้วยครับ
พอเปิด รับซ่อมของเล่นใส่ถ่าน และ รถแบตเตอรี่เด็ก ที่บ้าน หลังจากเกษียณอายุการทำงานแล้ว โดยใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต ประชาสัมพันธ์ ปรากฏว่า มีครอบครัวจำนวนมาก ส่ง ของเล่นใส่ถ่าน ที่เสียแล้ว มาให้ซ่อม จากทุกๆจังหวัดทั่วประเทศ งานก็เลยเยอะมาก จนซ่อมไม่ทัน ต้องชวน คุณพ่อ และ น้องชาย มาช่วยซ่อม และ ก็ตามมาด้วย เงินค่าซ่อมที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ส่วน รถแบตเตอรี่ ครอบครัวจำนวนมาก ในจังหวัดกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ก็นำมาส่งให้ผมซ่อมที่บ้านมากเช่นกัน ผมว่าจนถึงปัจจุบัน ผมน่าจะ ซ่อมรถแบตเตอรี่ไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน
ผม แบ่งเงินสะสม ไปบัญชีธนาคารก้อนใหญ่ ฝากแบบได้ดอกเบี้ยมากที่สุด เพื่อให้เพิ่มพูนมากขึ้น และ ใช้เงินสะสม อีกส่วนหนึ่งไปปรับปรุง โต๊ะปฏิบัติการซ่อม จำนวน 10 โต๊ะได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการซ่อมให้ดีขึ้น และ รวดเร็วขึ้น จะได้ทันตามความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ ลองมาดู กลยุทธ์ ที่ผมรวบรวมมา เพื่อให้สามารถซ่อมสิ่งของต่างๆได้เร็วขึ้น ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้ครับ
ผมประชาสัมพันธ์ งานอดิเรกซ่อมของเล่น แบบเบาๆ ที่ทุกคน ไม่ว่า ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย เรียนรู้ได้ หลังเกษียณอายุการทำงานแล้ว ทำเป็นงานอดิเรก ซ่อมของเล่น เพราะรู้ว่า ประเทศของเรา กำลังมี ผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก และ ก็ได้ทราบว่า ปัจจุบัน ผู้สูงอายุ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทั้ง เรื่องการไม่มีเงินเก็บหลังเกษียณอายุการทำงาน การทำมาหากิน หลังเกษียณ และ เรื่องหนี้สินต่างๆ
คุณพ่อ อายุ 95 ปี มาช่วยซ่อมของเล่นใส่ถ่าน
จึงมองว่า งานอดิเรกที่ รับซ่อมของเล่น นี้ น่าจะทำให้ ผู้สูงอายุ ที่กำลังเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในทุกๆวัน จะมีแนวทาง มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ และ พัฒนาตนเอง ในการเริ่มทำงานอดิเรก ซ่อมของเล่น แบบเบาๆ หลังเกษียณอายุการทำงาน เพื่อให้สามารถพัฒนาตนเอง มี กิจกรรมทำ หลังเกษียณอายุการทำงาน จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น จนสามารถนำเงินรายได้เหล่านี้ มาพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ให้ดีขึ้นได้ รวมถึง นำเงินอีกส่วนหนึ่ง ไปชำระหนี้สิน ให้หมดไปได้ด้วย
อสังหาริมทรัพย์ ที่ผมเคยซื้อสะสมไว้ ให้เช่า เพื่อที่จะได้มี ค่าเช่า ในทุกๆเดือน ไปตลอดชีวิต ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะปัจจุบันการค้าขาย ไม่จำเป็นต้องมี หน้าร้าน คนส่วนใหญ่ ก็ไม่เช่าหน้าร้านกันแล้ว
ส่วนใหญ่ เปิดห้อง ไลฟ์สดขายของในบ้าน หรือ ในที่พักของตนเอง ก็ทำธุรกิจได้แล้วครับ การลงมือ รับซ่อมของเล่น เพื่อสร้างรายได้ ด้วยตนเอง จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เราจะสามารถได้รับเงิน 30,000 บาท ไปได้ตลอดจนถึงอายุ 95 ปี แน่นอน
คราวนี้มาดูว่า ทำไม? จึงต้องพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ให้ดีขึ้น หลังกลายเป็นผู้สูงอายุไปแล้ว และ ทำไม? หลังจากอายุ 60 ปีแล้ว เราต้องมีเงินประจำเดือน 30,000 บาท สำหรับใช้จ่ายอิสระในชีวิตประจำวันได้ หลังจากที่เราเป็น ผู้สูงอายุ แล้ว จากประสบการณ์ของผม มีดังนี้
1. การเจ็บป่วย ที่ต้องได้รับการแก้ไข วันดีคืนดี ผมตื่นขึ้นมา เกิดอาการปวดแขนขวา คล้ายเส้นเอ็นพลิก อาจด้วยสาเหตุที่ ยกเปียโนหนักๆ บ่อยเกินไป จนกล้ามเนื้อเสียหาย โดยทั่วไป ผมเป็นคนแข็งแรงไม่ค่อยได้เจ็บป่วย ที่ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังไม่มีการเจ็บป่วย อาการปวดเมื่อยนี้ปกติ 2-3 วัน ก็หายแล้วครับ ร่างกายแก้ไขเองได้ แต่พอเป็นผู้สูงอายุแล้ว ไม่หายง่ายครับ
คราวนี้เลยต้องมา พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ใหม่แล้วครับ เริ่มตั้งแต่ ที่นอน อาจต้องซื้อใหม่เป็นแบบพิเศษ นอนแล้วไม่ยุบตามส่วนของร่างกาย อาจต้องใช้เป็น ชนิดยางพารา ที่ไม่ยุบตัวมาก แม้แต่เตียงที่ พื้นวางที่นอน เป็นเหล็ก หรือเป็นไม้คั่นเป็นระยะ ยังใช้ไม่ได้เลยครับ เพราะวางที่นอน กดทับไปแล้วจะเกิดเป็นลอนๆขึ้นมา เตียงที่ดี ต้องมีไม้หนา ปูรองรับ ที่นอนด้วยครับ เพื่อที่จะให้นอนแล้วตื่นขึ้นมาสบายตัว
2. ต้องพัฒนาอาหารการกินใหม่ ตอนสมัยวัยรุ่น หรือ เป็นคนทำงาน ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ ทานอะไรก็ได้ ร่างกายดูดซึม สารอาหาร และ นำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ พอมาเป็น ผู้สูงอายุแล้ว ต้องทำให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ อาการปวดแขนไม่หาย ทานสารอาหารให้ครบ ตามที่ร่างกายต้องการ ก็อาจจะช่วยให้ดีขึ้นมากได้
ของผมพัฒนา อาหารเช้าใหม่ ให้มีการ ทานไข่ลวกตอนเช้า 2 ฟอง ตอนค่ำ 1 ฟอง ขนมปัง 2 คู่ เปลี่ยนเครื่องทาหน้าขนมปัง เพื่อไม่ให้เบื่อ เพราะต้องทานทุกเช้า ทาแซนด์วิชสเปรต นูเทล่า สังขยา นม แยมรสส้ม เนยรสเค็ม และ ถั่วและญี่ปุ่นแช่แข็งทานแบบธรรมชาติ ให้ได้สีเขียวแทนผัก และ นมสดรสจืด ผสมผงโอวัลติน ให้อร่อย ส่วนตอนกลางวัน และ เย็น ก็บริโภคตามสบายครับ
3. ปรับการ นั่งทำงานอดิเรก ซ่อมของเล่น แบบเบาๆ ให้สบาย ใช้เก้าอี้ที่ดีที่สุด ตัวใหญ่ และ นั่งสบาย ปรับเอนนอนได้ มีสมาร์ตทีวีจอใหญ่ เอาไว้ดูซีรี่ย์จีนไป นั่งซ่อมไปด้วย ไว้สลับสายตาเวลาซ่อมนานๆ
งานซ่อมของเล่น แบบเบาๆ นี้แหละครับ ที่จะทำให้เรา มีเงินใช้เดือนละ 30,000 บาท ไปตลอด จนกว่าจะอายุ 95 ปี เริ่มแรกๆ อาจไม่ค่อยสนใจทางด้านนี้ แต่พอทำๆไป เริ่มมีรายได้ที่ดี จะสนใจมากขึ้น และ ต่อๆไป ก็รักงานนี้เลยครับ ทำให้เด็กๆทุกคน ได้มีความสุข เพราะได้ของเล่นที่รัก ของตนเอง กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ตัวเราเองก็ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมในการลดขยะพลาสติก และ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อช่วยลดโลกร้อนด้วย
4. หาสถานที่ออกกำลังกายประจำ ตอนหนุ่มๆก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะ ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา จึงไม่ได้อ้วน แต่ปัจจุบัน พอมีเรื่องปวดเมื่อยแล้ว ต้องหันมาสนใจ การออกกำลังกาย แล้วครับ ถ้าออกไปวิ่ง ใกล้ๆถนนที่มี รถปล่อยควันเสียออกมา อากาศที่สูดเข้าปอดมากมายคงไม่ดีแน่ ก็ต้องสมัครสมาชิกฟิตเนส ที่มีเครื่องออกกำลังกายหลายชนิด และ ได้สร้างสังคมกับ เพื่อนใหม่ ที่รักการออกกำลังกายไปด้วยครับ
5. ควบคุมเวลาการทำงานอดิเรก ซ่อมของเล่น ของตนเองได้ ตัวอย่างของผม เปิดร้านที่บ้าน และ รับโทรศัพท์ และ รับเครื่องซ่อมลูกค้า หลัง 11 โมง ถ้ามีใครโทรมาก่อน 11 โมง ก็จะไม่ได้รับสาย เพราะเอาโทรศัพท์ ไว้อีกห้องหนึ่ง และ ตั้งวันหยุดให้ตัวเอง 2 วัน คือ วันอาทิตย์ และ วันจันทร์ รวมถึง หยุดตามเทศกาล อย่างวันตรุษจีน ปีใหม่ ก็หยุดยาวเหมือนกัน ให้มีเวลาพักผ่อนยาวๆบ้าง เวลาปิดร้าน ตั้งไว้ 15.00 น. ที่ปิดร้านเร็ว เพราะหลัง 15.00 น. ต้องเดินทางไปออกกำลังกาย ที่ฟิตเนส แถวบ้านครับ
6. เตรียมการณ์ เพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เผื่อเกิดผลกระทบจากภาวะสงคราม แล้วมากระทบบ้านเรา ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟด้วย ที่เราเตรียมการได้ คือ จัดทำ ระบบส่องสว่างภายในบ้าน ให้เป็นระบบโชล่าเซลล์ทั้งหมด
ผลพลอยได้อีกส่วนหนึ่งที่ปรับปรุง คือ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะ ลดค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายไปได้ ในทุกๆเดือน ลดค่าไฟเฉพาะ ระบบส่องสว่าง ภายในบ้าน เป็นเบื้องต้นนะครับ เพราะใช้งบประมาณ ในการจัดทำ ระบบโซลาร์เซลล์ ไม่มาก ถ้าบ้านอื่นๆ ไฟดับทั้งหมด ของบ้านเรา จะใช้งานได้ตามปกติ อย่างสะดวกสบาย เพราะเราผลิตไฟใช้เอง ภายในบ้านครับ
บ้านที่ทุ่งครุ
7. ต้องมีเงินเตรียมไว้ใช้จ่าย เพื่อการสังสรรค์ กับ เพื่อนฝูงเก่าๆ สมัยเรียน เพื่อนที่ทำงานเก่า ยิ่งเป็นผู้สูงอายุ จะเหงา ต้องไปแลกเปลี่ยนพูดคุย กับ เพื่อนเก่าบ้าง หรือ อยากจะไปเที่ยวแบบสมัยวัยรุ่นกับเพื่อนๆ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็ยังทำได้ ถ้าเรามีงบประมาณด้านนี้ไว้
8. เดินทางไปท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของ ผู้สูงอายุ ที่สมัยก่อนตอนเรายังทำงานประจำ ไปท่องเที่ยว ไม่ได้มาก เพราะลางานได้ไม่กี่วัน แต่ตอนนี้เราเป็น ผู้สูงอายุ แล้ว เราควบคุมเวลาการทำงานของตนเองได้ ควบคุม วันหยุดได้
จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ ในการพักผ่อน ในสถานที่ต่างๆ ต่อไปถ้างานเข้าที่เข้าทางแล้ว อาจตั้งวันหยุดของตนเอง สัปดาห์ละ 4 วัน เป็น หยุดวันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ เลยก็ได้ครับ จะได้เอาวันหยุด 4 วัน ของเราไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ตอนที่เรายังมีแรงเที่ยวได้ครับ
9. พาคุณพ่อ คุณแม่ พี่ น้อง ลูกหลาน ไปทานข้าวนอกบ้าน ในทุกๆสัปดาห์ เพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข
ทั้ง 9 ข้อ ที่ได้กล่าวไปแล้ว เป็นการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ ของผู้สูงอายุ ให้ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้งบประมาณในทุกๆเดือน เพราะทุกอย่างต้องหาซื้อมาทั้งสิ้น ถึงต้องมีเงินใช้จ่ายอย่างอิสระ เดือนละ 30,000 บาท ไปตลอดจนอายุ 95 ปีครับ เงินที่ต้องนำมาใช้จ่าย ก็มาจาก ค่าแรงซ่อมและค่าอะไหล่ ทั้งสิ้น แบ่งมาส่วนเดียวคือ 30,000 บาท ไว้ใช้จ่ายในแต่ละเดือน ส่วนที่เหลือจากนี้ ฝากเข้าธนาคาร ที่ได้ดอกเบี้ยดีๆ เพื่อให้มีเงินฝากพอกพูนเพิ่มขึ้น ในทุกๆวัน
ดูความเป็นมาในเรื่อง การซ่อมของเล่น ได้ ในลิ้งค์ด้านล่างครับ
โฆษณา