28 ม.ค. เวลา 04:08 • ความคิดเห็น

กันดารคือ deep seek

ข่าวใหญ่ในวงการเทคโลกหลายวันที่ผ่านมานี้ก็คือการจุติของ deep seek opensource AI ของจีนที่ว่ากันว่าฉลาดล้ำในระดับลุยกับพวก AI ฝั่งอเมริกาได้ แต่ที่สำคัญมากๆคือใช้เงินลงทุนแค่ไม่ถึงหกล้านเหรียญในการพัฒนา ในขณะที่ AI ตัวที่เรารู้จักส่วนใหญ่ใช้เงินในระดับพันหมื่นล้านเหรียญและใช้ทรัพยากรด้านชิปที่ไม่ได้ทรงพลังอะไรมากมายอีกด้วย
เมื่อคืนข่าวสะเทือนวงการเอไอโลกก็เขย่าตลาดหุ้นสหรัฐโดยเฉพาะหุ้นเทค AI ทั้งหลายที่ร่วงกันระนาวเพราะนักลงทุนตระหนกว่าต่อไปก็อาจจะไม่ต้องจำเป็นใช้ชิปแรงๆขนาดเดิม ยอดขายก็น่าจะตก ไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนเดิม หุ้นพวกพลังงานนิวเคลียร์ก็ตก
รวมถึงหุ้น AI ต่างๆก็ร่วงกันหมดเพราะ deepseek เป็น opensource ที่ต่อไปถ้ามันสมองเก่งๆ ของโลกมาช่วยต่อยอด ก็น่าจะท้าทายพวกระบบปิดได้ไม่ยาก
แน่นอนว่าก็จะมีคนคาดการณ์ว่าสหรัฐคงจะต้องเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าหนักเข้าไปอีกเพื่อหยุดยั้งจีน อาจจะระงับการส่งชิป บีบไม่ให้จีนได้ทรัพยากรสำคัญๆหนักเข้าไปอีก แต่วิธีการนั้นจะได้ผลหรือจะยิ่งส่งเสริมจีนเข้าไปอีก…
โปรเฟสเซอร์ Keyu Jin แห่ง LSE ผู้ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากและโด่งดังจากการเขียนหนังสือเรื่อง New China Playbook ที่อธิบายความเข้าใจผิดหลายอย่างของฝั่งตะวันตกที่มีต่อจีนและปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้จีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดตอบคำถามในงานสัมมนาแห่งหนึ่งเมื่อปีที่แล้วก่อนที่จะมี Deepseek อีก คำถามที่ว่าคือที่อเมริกาเล่นงานจีนด้วยการ sanction ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษี หรือห้ามส่งออกชิปรุ่นล่าสุดเพื่อหยุดยั้งจีนนั้นแย่ต่อจีนอย่างไร
โปรเฟสเซอร์จินตอบว่าผู้คนเข้าใจผิดอย่างมากว่าการ sanction จะทำให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีได้ช้าลง จริงๆ แล้วกลับเป็นตัวเร่งให้จีนเก่งขึ้นและพัฒนามากขึ้นต่างหาก ในประวัติศาสตร์โลก เมื่อไหร่ที่มีการขวางกั้นเรื่องการส่งต่อเทคโนโลยี ก็จะทำให้ชาติที่ถูกกีดกันนั้นฮึดและรวมตัวสู้เพื่อเอาตัวรอด ใช้ทรัพยากรที่มีในประเทศจนหาทางได้ในที่สุด
4
ตัวอย่างที่จีนก็มีให้เห็นอยู่หลายประการ หลายปีก่อนหัวเหว่ยถูกแบนอย่างหนัก ห้ามใช้ Andriod OS เลยด้วยซ้ำจนเกือบไม่รอด แต่ตอนนี้กลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของโลกและขายดีที่สุดในจีน กลุ่มเซมิคอนดักเตอร์จีนก็โตขึ้นหกเท่า กำไรก็โตขึ้นมากเพราะสหรัฐพยายามไม่ส่งชิปให้จีน ทำให้บริษัท AI จีนหรือรถ EV ต้องพยายามหาทางใช้ชิปภายในประเทศเพื่อลดความเสี่ยง
ทำให้ชิปในประเทศพัฒนาเร็วมาก ในระยะสั้นอาจจะเจอปัญหาอยู่บ้าง แต่ทั้งประเทศรวมใจกันเพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งทรัพยากรต่างประเทศ พลังในการขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่งและทุ่มเทนี้จะไม่เกิดเลยถ้าไม่ถูก sanction
ภาษาที่ผมชอบใช้อธิบายเหตุการณ์กลับตาลปัตรแบบนี้ก็คือกันดารคือสินทรัพย์ ยิ่งขาดแคลน ยิ่งไม่มี ยิ่งทำให้ผู้คนบางกลุ่มเอาความขาดแคลนนั้นไปเป็นพลังในการขับเคลื่อนและคิดไอเดียใหม่ๆ เวลาทำงานการตลาด ผมเองก็พบว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเกิดสูงสุดอยู่บ่อยครั้งเมื่อเราขาดแคลนอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือขาดเวลา มี deadline ที่ต้องเผชิญ อย่างแรกคืองบประมาณ ยิ่งงบน้อยยิ่งต้องคิดหาทางใหม่ๆ ที่ต่างจากเดิมให้ได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไม่ต้องคิดอะไรใหม่ก็ใช้ไปได้เลย ความไม่มีจึงเป็นบ่อเกิดถึงความคิดใหม่ๆ ได้นั่นเอง
1
CNBC สัมภาษณ์คุณ Srinivas CEO บริษัท Perplexity ถึงเรื่องนี้ซึ่งคุณ Srinivas พูดประโยคหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า “necessity is the mother of invention” โดยเขาบอกว่าเพราะจีนถูกบีบไม่ให้ใช้ชิปที่ทรงพลังที่สุดในตลาดก็เลยต้องหาวิธีใหม่ แตกต่างออกไปซึ่งนำมาถึง solution ที่มีประสิทธิภาพมากๆอย่าง Deepseek ในที่สุด
1
โปรเฟสเซอร์จินพูดไว้ขำๆ ว่า ตอนนี้คนจีนบอกว่าโดนแซงค์ชั่นนี่ก็ดีเหมือนกันนะ ทำให้เรารวมพลังและทำอะไรใหม่ๆที่ดีกว่าเดิมได้ ตอนนี้อยากให้สหรัฐช่วยแซงค์ชั่นฟุตบอลชายของจีนจัง จะได้เก่งขึ้นบ้าง..
กันดารคือสินทรัพย์ครับ…
1
โฆษณา