29 ม.ค. เวลา 03:38 • ธุรกิจ

Generative AI, สงครามการค้า-ขัดแย้งภูมิภาค กำลังทำลาย Supply Chain แบบเดิม

รู้ทัน 3 เทรนด์ใหญ่ปี 2025 จากการ 'ลดต้นทุน' สู่ 'ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก' ที่จะทำให้คุณทิ้งคู่แข่งไว้ข้างหลัง
ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา บทบาทของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากที่เคยเป็นเพียงหน่วยงานที่เน้นลดต้นทุน ก็ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และสุดท้ายได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังการเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานกลายเป็นประเด็นสำคัญในห้องประชุมและครัวเรือนทั่วโลก เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 แนวโน้มทั้ง 3 เรื่องต่อไปนี้ คือสิ่งที่จะเปลี่ยนอนาคตของห่วงโซ่อุปทาน
💡 1. การเพิ่มคุณค่าผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
AI ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังในการพลิกโฉมและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับห่วงโซ่อุปทาน แม้ว่าปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบเดิมจะถูกนำมาใช้ในระบบนี้มานานหลายปีแล้ว แต่การมาของ Generative AI ได้เปิดประตูสู่ศักยภาพใหม่ ที่สามารถเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านจากการใช้ AI เพื่อโต้ตอบข้อมูล ไปสู่การตัดสินใจโดยอิงข้อมูลที่ AI วิเคราะห์เป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะต้องอาศัยความไว้วางใจในระบบ และความสมดุลระหว่างการใช้สัญชาตญาณและข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้ AI สามารถสร้างผลลัพธ์ที่แท้จริงได้ องค์กรจำเป็นต้องลงทุนในระบบวิเคราะห์ที่มีกลยุทธ์ โดยเริ่มจากการสร้างทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์ข้อมูลที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจน พร้อมจับคู่กับผู้นำธุรกิจที่เข้าใจเป้าหมายองค์กร
นอกจากนี้ การบริหารจัดการข้อมูลแบบไฮบริด ยังทำให้ทีมธุรกิจสามารถสร้างนวัตกรรมและแก้ปัญหาได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบรวมศูนย์ทั้งหมด จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของข้อมูลและ AI อย่างเต็มที่
💡 2. การจัดการความเสี่ยงและการสร้างความยืดหยุ่น
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบนั้น สำคัญกว่าการรอแก้ปัญหาเมื่อเกิดการหยุดชะงัก โดยความเสี่ยงในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเฉพาะปัญหาด้านปฏิบัติการ เช่น การขนส่งหรือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เช่น ความขัดแย้งระดับภูมิภาค สงครามการค้า หรือปัญหาแรงงาน
ดังนั้น การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นต้องมองไปไกลกว่าการมองเห็นข้อมูล แต่ต้องสร้างความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัว โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่
📌 การออกแบบเครือข่าย
ปรับปรุงโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้สมดุลระหว่างต้นทุน บริการ และความยืดหยุ่น โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสนับสนุนการวางแผนเชิงกลยุทธ์
📌 การประเมินความเสี่ยง
วิเคราะห์ความเปราะบางในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ความเสี่ยงของสถานที่ตั้ง การพึ่งพาสินค้า หรือเส้นทางการขนส่ง
📌 การสร้างความร่วมมือ
สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยใช้ AI เพื่อเฝ้าติดตามเหตุการณ์ความเสี่ยงทั่วโลก และใช้เครื่องมือจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในอนาคต
💡 3. การปฏิวัติด้านเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมขนส่ง
อุตสาหกรรมขนส่งได้เผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ปัญหาการขาดแคลนคนขับ การเพิ่มขึ้นของอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด-19
แม้ว่าหลายเทคโนโลยี เช่น ระบบบริหารการขนส่งบนคลาวด์ (TMS) หรือรถบรรทุกไร้คนขับ จะถูกพูดถึงมานาน แต่การนำมาใช้จริงกลับยังไม่แพร่หลายอย่างที่คาด
ในปี 2025 อุตสาหกรรมนี้กำลังมุ่งสู่การใช้เทคโนโลยีที่เน้นการปฏิบัติจริง
โดยคาดว่าความต้องการในการขนส่งจะเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะช่วยเสริมฐานะการเงินของผู้ให้บริการที่สามารถอยู่รอดได้ และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในแง่ต้นทุนและบริการอย่างแท้จริง
ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านของห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ก้าวล้ำ การบริหารความเสี่ยงที่ลึกซึ้งขึ้น และการใช้เทคโนโลยีขนส่งที่ตอบโจทย์ในระดับปฏิบัติการ สำหรับนักธุรกิจและผู้ประกอบการ การเตรียมพร้อมและเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้จะช่วยให้สามารถแข่งขันและสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรียบเรียงโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsBusiness
โฆษณา