31 ม.ค. เวลา 06:44 • ธุรกิจ

สร้าง Workplace แบบไหนให้คนอยาก ‘กลับ’ มาทำงาน?

Workplace Trends 2025 ในยุคที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทำไมต้องให้ความสำคัญกับ 'คน' มากกว่าที่เคย
ถ้าคุณเป็นผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการรักษาและดึงดูดคนเก่งเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้
[🌊 เปิดภาพรวมการเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน 2025]
จากข้อมูลล่าสุดของ Gallup พบว่าตอนนี้พนักงานกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Great Detachment" หรือภาวะความรู้สึกแปลกแยกจากองค์กร ซึ่งแม้ตัวเลขการลาออกจะลดลง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ผลิตภาพการทำงานที่ถดถอยและความเสี่ยงที่จะสูญเสียพนักงานที่มีความสามารถในอนาคต
ในขณะที่เทคโนโลยีทำให้การทำงานจากที่บ้านสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นกว่าที่เคย แต่หลายองค์กรยังคงยืนกรานให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศ สถานการณ์นี้ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและพนักงานตึงเครียดมากขึ้น
การมาถึงของ AI ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการทำงาน Dr. Nathan Mondragon จาก HireVue ระบุว่า AI จะกลายเป็นเครื่องมือมาตรฐานในการสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคำบรรยายลักษณะงาน คำถามสัมภาษณ์ การประเมินผล และการคัดกรองเบื้องต้น
[👥 แนวโน้มการสรรหาบุคลากรที่กำลังเปลี่ยนไป]
Matt Gilbert จาก Appcast แบ่งปันว่าปี 2025 จะเห็นการปรับสมดุลของตลาดแรงงานจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยและผลกระทบจากการย้ายถิ่นฐานต่อแรงงาน ขณะที่การใช้ AI ในการสรรหาบุคลากร เช่น chatbot เครื่องมือจับคู่งาน และการสัมภาษณ์อัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการคัดเลือก
ที่น่าสนใจคือ บริษัทขนาดเล็กกำลังได้เปรียบในการดึงดูด "ผู้อพยพองค์กร" หรือพนักงานที่ลาออกจากบริษัทใหญ่ Tyler Peterson จาก Hiscox USA เผยว่า คนรุ่นใหม่กำลังมองหาสมดุลชีวิตที่ดีกว่า โอกาสในการเติบโต และความยืดหยุ่นในการทำงาน ซึ่งองค์กรขนาดเล็กสามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ดีกว่า
[💪 เมื่อความสำเร็จขององค์กรต้องเริ่มจากภายใน]
ยุคนี้ไม่ใช่แค่การรักษาพนักงานไว้เท่านั้น แต่ต้องทำให้พวกเขารู้สึกเติบโตไปพร้อมกับองค์กรด้วย Shruthi Kumar และ Annie Varghese จาก University of Phoenix ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกำลังมุ่งสู่แนวคิด "Employee First" ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์แบบองค์รวมให้พนักงาน
การปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นคือ การออกแบบโปรแกรมพัฒนาภาวะผู้นำ การโค้ชชิ่ง และสวัสดิการที่ตอบโจทย์รายบุคคล รวมถึงการดูแลสุขภาวะทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และการเงิน นอกจากนี้ นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานระยะไกล การทำงานแบบไฮบริด หรือการจัดสรรเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่องค์กรต้องพิจารณา
[📊 การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการตัดสินใจ]
เทรนด์สำคัญที่เห็นได้ชัดในปี 2025 คือการใช้ข้อมูลในการบริหารทรัพยากรบุคคล Matt Gilbert จาก Appcast ชี้ให้เห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย องค์กรต้องตรวจสอบงบประมาณ ตัวชี้วัด และกลยุทธ์อย่างละเอียดมากขึ้น
การใช้ข้อมูลไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวิเคราะห์ผลงาน แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์ทักษะของทีมด้วย AI ซึ่ง Shruthi Kumar และ Annie Varghese อธิบายว่า AI สามารถช่วยวิเคราะห์ชุดทักษะของพนักงาน ระบุช่องว่างที่ต้องพัฒนา และแนะนำเส้นทางการเรียนรู้ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังช่วยจับคู่พนักงานกับโปรเจกต์ที่เหมาะกับความสามารถของพวกเขา ทำให้การบริหารทรัพยากรบุคคลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[🔄 การปรับเปลี่ยนกระบวนการสรรหาและรักษาพนักงาน]
Sibyl McCarley จาก HireVue ตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพึ่งพาการแนะนำ (referrals) มากเกินไปในการสรรหาพนักงาน แม้วิธีนี้จะช่วยให้ได้คนที่ "รู้จัก" แต่อาจจำกัดความหลากหลายของทีมและลดโอกาสในการได้มุมมองใหม่ๆ ที่จะมาท้าทายวิธีคิดเดิมๆ ของทีม
ในขณะเดียวกัน องค์กรกำลังเปลี่ยนมุมมองเรื่องการรักษาพนักงาน จากที่เคยพยายามรักษาพนักงานไว้ให้ได้มากที่สุด กลายเป็นการมุ่งเน้นการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพและมีความผูกพันกับองค์กรอย่างแท้จริง นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรกำลังให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ
ที่น่าสนใจคือ 38% ของธุรกิจขนาดเล็กยังไม่ใช้เครื่องมือดิจิทัลในการสรรหาบุคลากร ซึ่งนี่อาจเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา หากธุรกิจเหล่านี้สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น
[🌈 การจัดการคนต่างเจเนอเรชั่น: ความท้าทายที่มาพร้อมโอกาส]
Rebekah Roberts จาก University of Phoenix เน้นย้ำว่า การมีพนักงานหลายเจเนอเรชั่นตั้งแต่ Baby Boomers ไปจนถึง Gen Z ทำให้องค์กรต้องปรับกลยุทธ์การบริหารคนให้เหมาะกับแต่ละกลุ่ม เช่น
- Baby Boomers ต้องการความมั่นคงและการสื่อสารแบบตัวต่อตัว การสร้างโปรแกรมพี่เลี้ยงและแบ่งปันความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
- Gen X เน้นความเป็นอิสระและสมดุลชีวิต ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงานและโอกาสพัฒนาตนเอง
- Millennials แสวงหาเป้าหมายที่มีความหมายและต้องการฟีดแบ็คอย่างสม่ำเสมอ
- Gen Z ให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมและต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
[🤖 AI เครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรยุคใหม่]
Darrin Murriner จาก Cloverleaf เผยว่า แนวโน้มการพัฒนาบุคลากรกำลังเปลี่ยนจากโปรแกรมทั่วไปมาสู่การโค้ชชิ่งที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของพนักงานแบบเรียลไทม์ เทรนด์ "micro-coaching" หรือการโค้ชแบบสั้นกระชับที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในองค์กรที่พนักงานเผชิญกับ "change fatigue" หรือความเหนื่อยล้าจากการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
[💡 สิ่งที่ผู้นำองค์กรต้องเตรียมพร้อมสำหรับปี 2025]
ถึงเวลาที่ต้องมองการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นโอกาส ไม่ใช่อุปสรรค Maryalice Giroux Viljoen จาก QED Investors เน้นย้ำว่าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของพนักงานจะเป็นผู้นำในตลาด โดยต้องครอบคลุมทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย และจุดมุ่งหมายในการทำงาน
ความท้าทายเรื่องการทำงานระยะไกลและแบบไฮบริดทำให้องค์กรต้องสร้างการเชื่อมต่อทางสังคมในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัด team building retreats วันทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่การสร้างพื้นที่ดิจิทัลสำหรับการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้สุขภาวะทางการเงินของพนักงานกลายเป็นประเด็นสำคัญ องค์กรต้องพิจารณาเพิ่มบริการให้คำปรึกษาด้านการเงิน ความโปร่งใสเรื่องเงินเดือน และการให้คำแนะนำเรื่องการจัดการหนี้สิน
องค์กรควรเน้นการลงทุนใน 3 ด้านหลัก
การพัฒนาระบบนิเวศการทำงานที่ยืดหยุ่น ทั้งเรื่องสถานที่และเวลา แต่ต้องไม่ละเลยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง
การนำ AI มาใช้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาบุคลากร การประเมินทักษะ และการสร้างแผนพัฒนารายบุคคล แต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกับความเป็นมนุษย์ในการทำงาน
การสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาวะของพนักงาน โดยมองว่าการลงทุนในคนไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
เขียนโดย : ภคณัฐ ทาริยะวงศ์
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureofWork #HR2025 #WorkplaceTrends
โฆษณา