เจ้าของทิชชู KUMA ทำธุรกิจแค่ 8 ปี ตอนนี้ยอดขายปีละ 1,300 ล้าน
เมื่อก่อน ถ้าพูดถึงทิชชูคุณภาพดี คนมักจะนึกถึงแบรนด์ต่างประเทศ อย่าง Scott หรือไม่ก็ Kleenex
แต่ตอนนี้ หลายคนน่าจะมีทิชชูแบรนด์ไทยติดบ้าน ติดรถกันมากขึ้น เพราะทั้งคุณภาพดี แถมราคาไม่แพง
และหนึ่งในแบรนด์ทิชชูคนไทยที่หลายคนคุ้นตา ก็คือ KUMA หรือทิชชูหมี
รู้หรือไม่ว่า เจ้าของ KUMA ใช้เวลาไม่ถึง 10 ปี ปั้นธุรกิจจนทำเงินได้ถึงปีละ 1,300 ล้านบาท
เรื่องราวของ KUMA น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ KUMA คือช่วงปลายปี 2559 โดยคุณคมกริช ขจรวีรพันธ์
คุณคมกริช เคยไปเรียนและทำงานที่จีน ซึ่งห้องน้ำไม่มีสายชำระ คนเลยต้องพกทิชชูเปียกตลอดเวลา
พอกลับมาไทย ก็เลยตั้งคำถามว่า ทำไมคนไทยยังไม่ค่อยใช้ทิชชูเปียกกันเท่าไร ทั้งที่ใช้ง่าย และสะดวกสบาย
แล้วก็ได้คำตอบว่าเพราะ ทิชชูเปียก ในไทยตอนนั้น ราคาแพง ห่อใหญ่ทำให้พกยาก แถมเน้นแต่กลุ่มแม่และเด็กเป็นหลัก
ทำให้คุณคมกริชเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ และตัดสินใจทำแบรนด์ KUMA ขึ้นมา
โดยสินค้าแรกก็คือ ทิชชูเปียก คุณภาพดี แต่ขายในราคาถูก เจาะกลุ่มตลาดกลางและล่าง
ตัวอย่างราคา
- ทิชชูเปียก รุ่นพกพา 20 แผ่น ราคา 10 บาท
- ทิชชูเปียก รุ่นฝาปิด 40 แผ่น ราคา 20 บาท
แล้วยังมีแมสคอตเป็นรูป หมีสีน้ำตาล ที่ดูเข้าถึงง่าย น่าหยิบซื้อ พอคนลองใช้ ก็มักจะซื้อต่อเพราะติดใจในคุณภาพ
และจุดเปลี่ยนที่ทำให้ KUMA เติบโต ก็คือ ช่วงล็อกดาวน์ที่พีกในปี 2563 ทำให้คนไทยหันมาใช้ทิชชูเปียกมากขึ้น
จนยอดขายของ KUMA เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยนอกจากทิชชูเปียกแล้ว KUMA ยังมีสินค้าอื่น เช่น กระดาษทิชชูเช็ดหน้า KUMA รุ่น 168 แผ่น ราคา 20 บาท ที่กลายมาเป็นสินค้าขายดีสุดของบริษัท
รวมถึงการแตกแบรนด์อื่น ๆ ออกมาเพิ่มเติม
- LaLa Bear แบรนด์ทิชชูเน้นขายราคาถูกกว่า KUMA ตัวอย่างสินค้าขายดีคือ ทิชชูแบบแขวน
- KUMA PETTO สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่มีทั้งทิชชู ทิชชูเปียก แผ่นรองซับ และทรายแมว
- KUMA Lady แบรนด์ผ้าอนามัยแบบกางเกง
- KATA สินค้าคู่ครัวเรือน เช่น น้ำยาล้างจาน ถุงมือ ทิชชูเปียกสำหรับใช้ในครัว
โดย KUMA มีฐานการผลิตใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย และไทย
รวมถึงการเลือก พรีเซนเตอร์อย่าง คุณเบลล่า-ราณี มาสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการของ บริษัท คุมะ (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2562 รายได้ 57 ล้านบาท กำไร 3 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 300 ล้านบาท กำไร 16 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 778 ล้านบาท กำไร 47 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 1,256 ล้านบาท กำไร 10.5 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 1,360 ล้านบาท กำไร 43 ล้านบาท
- รายได้ เติบโตเฉลี่ย 121% ต่อปี
- กำไร เติบโตเฉลี่ย 95% ต่อปี
จะเห็นว่า KUMA เน้นขายราคาไม่แพง เลยมีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น
แต่ KUMA ใช้วิธีเน้นขายให้ได้ครั้งละมาก ๆ อย่างการขายทิชชู ทั้งแบบยกแพ็ก ยกลัง จึงคิดเป็นราคาต่อห่อถูกลงไปอีก
ซึ่งช่องทางจำหน่ายของ KUMA มีทั้งในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยสัดส่วนยอดขายเท่ากันอย่างละครึ่ง
ทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการเอ๊ะสงสัย และมองเห็นช่องว่างในตลาดกระดาษทิชชูในไทยของคุณคมกริช ที่รอให้มีคนมาเติมเต็ม แล้วเขาก็ลงมือทำทันที
จนทำให้ KUMA กลายมาเป็นแบรนด์ทิชชูติดบ้านของใครหลายคน
แถมยังเป็นแบรนด์ทิชชู 1,300 ล้านบาท
ที่ใช้เวลาปั้นธุรกิจไม่ถึง 10 ปี..
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
