29 ม.ค. เวลา 01:01 • กีฬา

✍️FOOTBALL MANIA’s STORY

ลูกไก่ในกำมือของเลวี่และอังเก้
=====================
กว่าสองทศวรรษเข้าไปแล้ว ที่พลพรรคไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ไม่เคยคว้าถ้วยแชมป์ใด ๆ มาครอบครอง
ทั้ง ๆ ที่สเปอร์เป็นสโมสรใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แฟนบอลเหนียวแน่น มีวัฒนธรรมฟุตบอลที่แข็งแกร่ง
ภาพจำของฟุตบอลสเปอร์คือทีมที่เล่นฟุตบอลสนุก เต็มไปด้วยสปิริตความเป็นนักสู้ มีนักเตะตัวรุกระดับแม่เหล็กที่พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจอยู่ตลอด
ฟุตบอลของสเปอร์สนั้นถูกนิยามว่า “สวยงามแต่ยังไม่สมบูรณ์” เพราะแม้จะเล่นเกมรุกได้อย่างน่าประทับใจ แต่ปัญหาเกมรับที่ไม่รัดกุมและขาดความสม่ำเสมอยังคงเป็นจุดอ่อนที่พวกเขาไม่อาจหลุดพ้นได้
กระทั่งปี 2001 แดเนียล เลวี นักธุรกิจผู้หลงใหลในคาแรกเตอร์ฟุตบอลของสเปอร์ ได้ตัดสินใจยื่นซื้อหุ้นจากอลัน ชูการ์ ในราคา 22 ล้านปอนด์ จากนั้นได้ตั้งตนเองขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสโมสร โดยภารกิจที่เขาประกาศไว้คือ ตั้งเป้าจะพา
สเปอร์สที่กำลังตกต่ำสุดขีดให้กลับมาเป็นยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกให้ได้
เลวี่ลงทุนกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสโมสร ทั้งสนามซ้อม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ที่ใช้ทุนสูงถึง 1 พันล้านปอนด์ เนรมิตสนามไวท์ ฮาร์ท เลน ที่เก่าแก่ให้กลายร่างเป็น ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม อัพความจุผู้ชมจากเดิม 36,240 มาเป็น 62,850 ที่นั่ง พร้อมกับเนรมิตให้สนามแห่งนี้กลายเป็นสนามที่ทันสมัยที่สุดในโลก ภายในสนามสร้างเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ ที่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถ
เปลี่ยนสนามเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต หรือจัดอีเวนต์ต่าง ๆ รวมถึงการแข่งขันกีฬาอื่นอย่างรักบี้ ก่อให้เกิดรายได้เข้าสโมสรมหาศาลได้อีกด้วย
ในส่วนของกุนซือ เลวี ก็ใช้ของระดับท็อปมาโดยตลอด
ชื่อของกุนซือชื่อก้องอย่าง ฌัก ซ็องตีนี, มาร์ติน โยล, ฆวนเด้ รามอส, แฮร์รี เรดแนปป์, อังเดร วิลลัช-โบอัช, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน, โชเซ่ มูรินโญ่, อันโตนิโอ คอนเต้ ต่างเคยแวะเวียนมากุมบังเหียนกันทั้งนั้น
นโยบายการซื้อตัวผู้เล่น เลวี่ชื่นชอบการ “ลงทุน” กับนักเตะอายุน้อยมีแวว หลายต่อหลายคนก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ลูก้า โมดริช, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ร็อบบี้ คีน, แกเร็ธ เบล, คริสเตียน อีริคเซ่น, ซอน เฮืองมิน นักเตะเหล่านี้ ฯลฯ ต่างตบเท้าเข้าร่วมโปรเจ็กต์ของเลวี่ สเปอร์จึงเป็นหนึ่งในทีมคอเกมส์ FM เลือกเล่น เพราะดาวรุ่งดีๆ เยอะมาก
เล่ามาทั้งหมดเหมือนจะเคลิ้มใช่ไหมครับ การบริหารจัดการทั้งภายในภายนอกสนามก็ดี ทำไมสเปอร์ถึงร้างซึ่งความสำเร็จอย่างยาวนาน และปัจจุบัย แฟนสเปอร์ กลับออกมาขับไล่แดเนียล เลวี
ด้วยความเป็นนักธุรกิจ สิ่งที่เลวี่คิดคือ เขาจะไม่ละลายเงินทิ้งในแม่น้ำ ดังนั้นในทุก ๆ การลงทุนของเขาต้องไม่สูญเปล่า เขาใช้หลักคิดที่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้สิ้นปีบรรดาผู้ถือหุ้นของสโมสรจะต้องได้ผลกำไร และทีมฟุตบอลจะต้องมีผลงานความสำเร็จในสนามควบคู่ไปด้วย
ด้วยหลักคิดแบบนี้ เรื่องนอกสนามเลวี่ก็ว่ากันไป แต่เรื่องในสนามก็เลยต้องถูกกระทบจริงอย่างเสียมิได้
เราจึงเห็นปรากฏการณ์การเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็นว่าเล่น ในยามที่พวกเขาพาพลพรรคไก่เดือยทองจบฤดูกาลในอันดับต่ำกว่าที่ 4 ทำให้ชวดโควตาไปเล่นในฟุตบอลถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นแหล่ง “รายได้อันมหาศาล”
นอกจากนี้ บรรดาเหล่านักเตะดาวรุ่งที่เลวี่ลงทุนไว้ แม้กำลังจะผลิดอกออกผล เลวี่ก็พร้อมที่จะปล่อยตัว ถ้าได้ค่าตัวที่สมน้ำสมเนื้อ
แกเร็ธ เบล (เรอัล มาดริด 85 ล้านปอนด์) ลูก้า โมดริช (เรอัล มาดริด 30 ล้านปอนด์) ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 30.75 ล้านปอนด์) ร็อบบี้ คีน (ลิเวอร์พูล 30 ล้านปอนด์) ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 50 ล้านปอนด์) หรือแม้กระทั่ง แฮรี่ เคน (บาร์้้ยิร์น มิวนิค 86 ล้านปอนด์)
ทุกรายย้ายออกไปขณะที่ฟอร์มกำลังจะถึงจุดพีค แทนที่สโมสรจะรั้งไว้ เพื่อสร้างทีมต่ยอดความสำเร็จ
แต่เลวี่เลือกที่จะขาย เพื่อนำเงินมาหมุนในสโมสร
ช่วงแรกแฟน ๆ สเปอร์ก็ต่อว่าบรรดาเหล่ากุนซือชื่อดัง ที่ไม่สามารถพาสเปอร์ไปถึงฝั่งฝันได้ แต่พักหลัง ๆ เสียงกุนซือหลาย ๆ คนต่างออกมาเปิดอกไปในแนวทางเดียวกัน คือ ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรจากฝ่ายบริหาร จนแฟนไก่เดือยทองต้องเงี่ยหูฟังความไม่ชอบมาพากลกันบ้าง
โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เปิดใจหลังจากที่โยกไปคุมโรม่าไว้ว่า
“สเปอร์สคือสโมสรเดียวที่ผมไม่รู้สึกผูกพัน อาจเป็นเพราะสนามที่ว่างเปล่าในช่วงโควิดที่ไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกม และที่สำคัญที่สุดคือ แดเนียล เลวี่ ที่ไม่ยอมให้ผมนั่งคุมทีมรอบชิงชนะเลิศเพื่อคว้าถ้วยรางวัล การมีโอกาสคว้าแชมป์กับสโมสรมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ และมันเป็นความฝันของเหล่าแฟนบอล”
อันโตนิโอ คอนเต้ ที่เข้ามาคุมทีมต่อจากมูรินโญ่ และเกิดความขัดแย้งกับเลวี่ ต่อมาคอนเต้ได้ ทิ้งบอมบ์ว่า
“เรื่องของสเปอร์สมันมีแค่นี้เลย เจ้าของสโมสรอยู่กับทีมมา 20 ปีแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย อะไรคือเหตุผลล่ะ? ความผิดทั้งหมดมันตกอยู่กับสโมสรหรือผู้จัดการทีมทุกคนที่มาที่นี่ ผมเห็นผู้จัดการทีมของสเปอร์สทุกคนที่คุมทีมอยู่ที่ม้านั่งข้างสนาม พวกเขาต้องเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อปกป้องเรื่องอื่นตลอดเวลา”
สเปอร์วนเวียนวงจรเดิม ๆ มาเรื่อย จนกระทั่งฤดูกาล 2023-2024 ที่ผ่านมา แดเนียล เลวี ได้ตั้ง อังเก้ ปอสเตโคกลู โค้ชชาวออสเตรเลีย ที่คุม กลาสโกว์ เซลติก ในลีก สก็อตแลนด์ เข้ามาคุมสเปอร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เลวี่ “เอาใคร?” มาคุมทีม
ก่อนที่อังเก้จะเข้าคุมเซลติก เขาเป็นคนที่ค่อนข้างโลว์โปรไฟล์ มีประสบการณ์เพียงแค่คุมทีมในทวีปเอเชีย (แชมป์เจลีก กับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส) เมื่อครั้งถูกแต่งตั้งให้ไปคุมเซลติก เลยถูกค่อนขอดจากแฟน ๆ เขียวขาวอย่างมาก
ยิ่งประเดิมคุมเซลติกใน 3 นัดแรก ผลจบลงด้วยการไม่ชนะใครเลย พร้อมกับพาทีมตกรอบเพลย์ออฟ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เสียงวิจารณ์ยิ่งอื้ออึงหนัก
แต่หลังจากที่เขาพาทีมแพ้ ฮาร์ทส์ ออฟ มิดโลเธียน ในนัดเปิดฤดูกาล สก็อตติช พรีเมียร์ชิพ อังเก้กลับมาพาทีมชนะรวด 6 นัดติดต่อกัน ด้วยการยิง 24 ประตู ข้อสงสัยในตัวอังเก้ก็ได้หายไป เขาพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้ง สกอตติช แชมเปียนชิพ และ สกอตติช ลีก คัพ หลังย้ายมาอยู่กับสโมสรแค่เพียงฤดูกาลแรก และทำได้อีกครั้งในฤดูกาลที่สอง โดยฤดูกาลล่าสุด พาเซลติกคว้าแชมป์ก่อนจบฤดูกาลถึง 4 นัด ด้วยสถิติการยิงไปทั้งหมด 144 ประตู
ตัวแดเนียล เลวี ได้ให้เหตุผลว่า เขาตามหากุนซือที่มีสไตล์การทำทีม ที่ทำทีมให้มีเกมรุกสนุกสนานเร้าใจ และเพรสซิ่งใส่คู่แข่งอย่างดุดัน เมื่อกวาดสายตาไปยังลิสต์รายชื่อกุนซือที่คุณสมบัติดังว่าแล้ว เลวีจึงสนใจในตัว อังเก้ ปอสเตโคกลู
เริ่มฤดูกาล 2023-2024 อังเก้เปิดตัวกับสเปอร์ ได้ตื่นตาตื่นใจ เขานำเอาวิธีคิดแบบใหม่มาติดตั้งให้นักเตะ ที่สื่อเรียกกันว่า “Ange ball”
ลักษณะเด่นของ Ange ball คือ การครองบอลและเล่นเกมรุกอย่างดุดัน สร้างโอกาสในการบุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางริมเส้นหรือผ่านบอลตัดแนวรับ
การเล่นด้วยความเร็วและความเข้มข้นสูง นักเตะต้องพร้อมวิ่งและกดดันในทุกจังหวะ ทั้งในเกมรุกและเกมรับ
จากข้อมูลสถิติในพรีเมียร์ลีกแสดงให้เห็นว่า ทีมของปอสเตโคกลูมักมีสถิติการสปรินต์และระยะทางที่ครอบคลุมในเกมสูงสุดในลีก ส่วนเกมรับจะใช้วิธีกดดันสูงในแดนของคู่แข่ง เพื่อตัดบอลและเปลี่ยนจังหวะเป็นเกมรุกอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนักเตะของอังเก้ จึงต้องใช้พลังงานสูงมากๆ ในแต่ละนัด
นอกจากนี้ อังเก้ยังย้ำปรัชญาของเขากับลูกทีมว่า “We Never Stop” หรือ เราจะไม่หยุด ทีมของเขาต้องเล่นด้วยจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะนำหรืออยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
อังเก้ชัดเจนในแนวทางของตัวเองสุด ๆ แม้บางนัดการดันไลน์เกมรับขึ้นสูงจะถูกดักทางและถูกคู่แข่งยิง 3-4 ประตู อังเก้ก็เดินหน้าใช้ Ange Ball บดอัดเหมือนเดิม เรียกได้ว่า ยิงมายิงกลับไม่โกง
พวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร 10 นัดติดต่อกัน ก่อนที่ฝันของแฟน ๆ ไก่เดือยทองจะค่อย ๆ สลายเมื่อปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นและผู้เล่นถูกแบนมาเยือน ทำให้ฟอร์มของสเปอร์ ค่อยๆ ตกลงไป จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ยิงไป 74 ประตู แต่ก็เสียไปถึง 61 ประตู เช่นเดียวกัน
แม้จะจบด้วยการไม่ได้โควตาไปลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ได้ไปเตะยูโรปา ลีก ปลอบใจ คอมเมนต์จากแฟนสเปอร์ส่วนใหญ่ชอบใจจากคาแรกเตอร์ของทีมที่อังเก้ติดตั้งไว้ให้
ฤดูกาลที่สองของอังเก้ แดเนียล เลวี เติมผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลูคัส เบิร์กวัลล์ (เยอร์การ์เดน, 8.42 ล้านปอนด์), อาร์ชี่ เกรย์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด, 40 ล้านปอนด์), ยาง มิน-ฮยอก (กังวอน เอฟซี, ไม่เปิดเผยค่าตัว), โดมินิค โซลันเก้ (บอร์นมัธ, 65 ล้านปอนด์) รวม ๆ แล้วใช้เงินไปกว่า 100 ล้านปอนด์
เริ่มต้นฤดูกาลฟอร์มการเล่นของสเปอร์กลับขึ้น ๆ ลง ๆ พวกเขาสามารถมีฟอร์มการเล่นที่สุดยอดชนะได้ทั้ง แมนซิตี้ แมนยู หรือแม้กระทั่งลิเวอร์พูลในฟุตบอลถ้วย
แต่บทจะแพ้ ก็พร้อมจะแพ้ทุกทีม ไม่ว่าจะเป็น อิปสวิช คริสตัลพาเลซ หรือแม้กระทั่งนัดล่าสุดที่เปิดบ้านแพ้เลสเตอร์ ทั้ง ๆ ที่เลสเตอร์เพิ่งแพ้ใรลีคติดต่อกันมาถึง 7 นัด
แต่เมื่อมองลงไปในเนื้อเกมก็พบว่า สเปอร์ยังเป็นทีมที่เล่นบอลได้ดีเหมือนเดิม เกมรุกสนุกเร้าใจ อังเก้ยังยึดมั่นในปรัชญาการเล่นของเขาเอง ที่จะใช้พละกำลังวิ่งบีบสูงในแดนบนทั้งทีมด้วยความเร็วและความเข้มข้นสูงสุด จากสถิติในพรีเมียร์ลีก ซึ่งก่อนเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สเปอร์สติดอันดับหนึ่ง ทั้งจำนวนการสปรินต์และระยะทางที่ผู้เล่นวิ่งทั้งหมดในเกม แต่นักฟุตบอลก็ยังเป็นมนุษย์ การเลือกวิธีที่เข้มข้นอยู่ตลอดของอังเก้กำลังก่อปัญหา
จากต้นฤดูกาล สเปอร์สกำลังเผชิญกับปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บสะสมมาเรื่อย จนปัจจุบันมีตัวผู้เล่นบาดเจ็บเกินกว่า 10 คน โดยเฉพาะแนวรับที่เจ็บกันยกแผง ทั้ง สเปนซ์, มิกกี้ ฟาน เดอ เฟน, คริสเตียน โรเมโร และ เดสตินี่ อูโดกี้ ส่วนแดนกลางล่าสุด เพิ่งเสีย เจมส์ แมดดิสัน เจ็บสมทบ อีฟ บิสซูม่า แนวรุกไม่น้อยหน้า ทั้งแบรนแนน จอห์นสัน, ติโม แวร์เนอร์ และหัวหอกอย่าง โซลันกี้ ก็เจอพิษเดี้ยงเล่นงาน
จริงอยู่ที่อาการบาดเจ็บของหลายรายมาจากความโชคร้ายส่วนหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การที่นักเตะเจ็บเกือบทั้งทีม มันมาจาก “วิธี” การเล่นหรือไม่
เมื่อตลาดหน้าหนาวเปิดขึ้นมาอีกครั้ง อังเก้ เรียกร้องไปยังบอร์ดบริหารให้ช่วยแก้ปัญหา ด้วยการเสริมทัพเพื่อเพิ่มขุมกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น แต่บอร์ดบริหารกลับเซ็นสัญญาเพียง อันโตนิน คินสกี้ ผู้รักษาประตูวัย 21 ปีเท่านั้น
แดเนียล เลวี่ ใช้เงินในช่วงซัมเมอร์ไปกว่า 100 ล้านปอนด์ แต่นักเตะอย่าง ลูคัส เบิร์กวัลล์, อาร์ชี่ เกรย์ และ ยาง มิน-ฮยอก เป็นการซื้อเพื่ออนาคตมากกว่าที่จะพร้อมใช้ในตอนนี้ พอมาถึงตลาดหน้าหนาวก็ต้องคิดหนัก ที่จะต้องควักกระเป๋าหาซื้อใครสักคนเข้ามาเพิ่ม
“พวกเรา (สเปอร์ส) กำลังเล่นกับไฟ ด้วยการไม่ซื้อใครเข้ามาเลย แต่ในอีกด้านหนึ่ง สโมสรกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นั้นอยู่” อังเก้ กล่าวกดดันบอร์ดบริหารผ่านสื่อ
นอกจากอังเก้แล้ว คริสเตียน โรเมโร กองหลังชาวอาร์เจนติน่า ยังออกมาสนับสนุนแนวทางของปอสเตโคกลู พร้อมกับทิ้งบอมบ์ไปที่แดเนียล เลวี ประธานสโมสร “โดยเน้นว่าทีมร้างความสำเร็จ เพราะทิศทางของสโมสรที่บอร์ดวางไว้ไม่ถูกต้อง”
การออกมาประกาศโต้ง ๆ หน้าสื่อ ทำให้แฟนบอลโกรธแค้นแดเนียล เลวี อย่างหนัก เหตุเพราะไม่ยอมสนับสนุนผู้จัดการทีมที่แฟน ๆ รัก โดยในเกมลีก นัดที่ล่าสุด ที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม สาวกไก่เดือยทองที่เข้าไปเชียร์ในสนาม ต่างพร้อมใจกันตะโกน “we want Levy out” (เราต้องการให้เลวีออกไป) วนไปซ้ำ ๆ ตั้งแต่ต้นครึ่งแรก ก่อนที่ความโกรธจะทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกมจบด้วยความพ่ายแพ้ของสเปอร์สอีกครั้ง
ความไม่พอใจของแฟนบอลต่อสโมสรไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เหตุการณ์ล่าสุดได้ทำให้ความไม่พอใจนั้นเด่นชัดขึ้นกว่าเดิม สเปอร์สกำลังเผชิญกับผลงานที่ย่ำแย่ โดยชนะเพียง 1 นัดจาก 12 เกมในพรีเมียร์ลีก และแพ้ไปถึง 13 จาก 23 เกมในฤดูกาลนี้ ทั้งนี้ มีเพียงเลสเตอร์, วูล์ฟส์ และเซาแธมป์ตันเท่านั้นที่แพ้มากกว่า ซึ่งทีมเหล่านั้นต่างอยู่ในโซนตกชั้น และดูเหมือนว่าสเปอร์ส ซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับที่ 15 แม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ว่าแย่ อันดับยังดีกว่าพวกเขา
แน่นอนว่าเป็นหน้าที่ของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมที่ต้องออกมาพบกับสื่อหลังเกม แม้เขาจะเป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับคำถามและแรงกดดันในฐานะหัวหน้าทีม แต่เขาไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของความไม่พอใจจากแฟนบอล เป้าหมายที่แท้จริงคือ แดเนียล เลวี ประธานสโมสร ที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์โดนวิจารณ์อย่างหนักในครั้งนี้
“นักเตะต้องการความช่วยเหลือ” อังเก้ ปอสเตโคกลู กล่าวในงานแถลงข่าว พร้อมเสริมว่าสโมสร “กำลังทำงานอย่างหนัก” เพื่อ “บรรเทาปัญหา” แต่คำพูดนี้กลายเป็นเหมือนคำพูดที่ได้ยินซ้ำ ๆ และดูเหมือนว่าแฟนบอลเองก็รู้สึกเช่นนั้น บรรยากาศในสนามแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“แน่นอน หนึ่งในสิ่งที่ผมอยากทำตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนี้คือการรวมสโมสรให้เป็นหนึ่งเดียว และสร้างบรรยากาศที่ทุกคนมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกัน แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เป็นไปตามที่หวังไว้”
“ผมเข้าใจดี อย่างที่คุณพูด แฟนบอลไม่พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของเรา มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ เพราะในตอนนี้เราต้องการพวกเขามาก โดยเฉพาะในเกมเหย้าที่บรรยากาศในสนามเป็นสิ่งสำคัญ”
อังเก้ ยอมรับในงานแถลงข่าวหลังเกมว่าเขายังไม่สามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างทีมและแฟนบอลได้ตามที่ตั้งใจไว้
ไม่มีใครปฏิเสธสไตล์การเล่นและปรัชญาเกมบุกอันสุดแสนเร้าใจของอังเก้ แต่ด้วยสภาพทีมตอนนี้ ถ้าไม่มีการซ่อมหรือเสริมทีม ยากที่จะเกิดอิมแพ็กหรือพลิกสถานการณ์ได้ สเปอร์ กับโจทย์ทางธุรกิจ ที่ถือไว้โดย ดาเนียล เลวี่ กับฟุตบอลมีทรงอันสุดแสนเร้าใจ แต่ไม่มีพลิกแพลงของอังเก้
จะไปต่อยังไง น่าลุ้นน่าติดตามจริง ๆ ครับ
======================
ถ้าชอบอ่านเรื่องฟุตบอลยาวๆ ฝากกดไลค์
กดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะครับ ❤️
หรือจะสนับสนุนตามช่องทางได้นะค้าบบ
โฆษณา