2 ก.พ. เวลา 04:20 • สุขภาพ

เรื่องเล่าจากห้องยา... "โซเดียมต่ำ" ที่คุณอาจมองข้าม

วันนี้ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง (เรื่องสมมติ😅) เรื่องมันเริ่มจากคุณยายท่านหนึ่งครับ จำได้เลย วันนั้นเป็นวันที่ห้องยาค่อนข้างวุ่นวาย ผมกำลังจ่ายยาให้คนไข้หลายคน จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกจากหน้าเคาน์เตอร์ "เภสัชกรคะ คุณแม่เวียนหัวมากเลยค่ะ" ผมก็รีบเดินไปดู ก็เห็นคุณยายท่านหนึ่งนั่งหน้าซีด มีลูกสาวประคองอยู่ข้างๆ
"คุณยายเป็นอะไรมาครับ?" ผมถามด้วยความเป็นห่วง
ลูกสาวคุณยายตอบด้วยน้ำเสียงกังวล "แม่มีโรคความดัน วันนี้มาตรวจตามนัด แกบอกว่าเวียนหัวตั้งแต่เช้า ทานข้าวไม่ลงเลย"
ผมฟังแล้วก็เริ่มเอะใจ เพราะอาการเวียนหัว อ่อนเพลีย ในผู้สูงอายุที่ทานยาความดัน อาจเป็นสัญญาณของ "โซเดียมในเลือดต่ำ" ได้ ยิ่งคุณยายทาน "ยาขับปัสสาวะ" กลุ่ม "ไธอะไซด์" ที่ใช้กันบ่อยๆ ด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวัง
ผมเลยสอบถามประวัติการใช้ยาเพิ่มเติม พบว่าคุณยายทานยาไธอะไซด์มาได้สักพักแล้ว และช่วงนี้อากาศร้อน ดื่มน้ำเยอะขึ้นกว่าปกติ
"คุณยายเคยตรวจระดับโซเดียมในเลือดล่าสุดเมื่อไหร่ครับ?" ผมถาม
คุณยายและลูกสาวมองหน้ากัน "ไม่เคยตรวจเลยค่ะ" ลูกสาวตอบ
ผมเลยอธิบายให้คุณยายและลูกสาวฟังถึงความเสี่ยงของภาวะโซเดียมในเลือดต่ำที่เกิดจากยาไธอะไซด์ และแนะนำให้คุณยายไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดดูระดับโซเดียม
...และแล้วผลตรวจเลือดของคุณยายก็ออกมาตามที่ผมคาดไว้จริงๆ ครับ คุณยายมีภาวะ "โซเดียมในเลือดต่ำ" จริงๆ
เรื่องของคุณยาย ทำให้ผมฉุกคิดว่า ภาวะ "โซเดียมในเลือดต่ำ" จากยาไธอะไซด์เนี่ย มันใกล้ตัวกว่าที่เราคิดเยอะเลยนะ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัวที่ต้องทานยาขับปัสสาวะเป็นประจำ
ยาดีที่มาพร้อม "เงื่อนไข" ทำความรู้จักยาไธอะไซด์
ยาไธอะไซด์เนี่ย เป็นยาที่ดีนะครับ ช่วยลดความดันโลหิตได้ผลดีมาก หมอถึงสั่งจ่ายกันเยอะแยะ งานวิจัยก็บอกว่า คนอเมริกันเป็นความดันสูง แล้วกินยาไธอะไซด์กันตั้ง 35.6% แสดงว่ายาตัวนี้ช่วยคนได้เยอะจริงๆ
แต่... ยาทุกชนิดมันก็เหมือนดาบสองคม มีประโยชน์ก็มีโทษได้เหมือนกัน ยาไธอะไซด์ก็เหมือนกันครับ นอกจากจะช่วยลดความดันแล้ว มันก็มีผลข้างเคียงที่เราต้องรู้ทัน หนึ่งในนั้นก็คือ "ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ" นี่แหละครับ
"โซเดียมต่ำ"... ทำไมถึงกลายเป็นผู้ร้ายเงียบ?
ทีนี้ถามว่า ทำไมยาไธอะไซด์ถึงทำให้โซเดียมต่ำได้? กลไกของมันคือ ยาจะไป "สั่ง" ให้ไตของเราขับโซเดียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น เหมือนเราเปิดก๊อกน้ำโซเดียมทิ้งไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน ไตก็ยังพยายามเก็บน้ำไว้ในร่างกาย ทำให้สัดส่วนของโซเดียมในเลือดมันน้อยลงๆ จนเกิดภาวะ "โซเดียมในเลือดต่ำ" ในที่สุด
ภาวะนี้มันอันตรายตรงที่ว่า โซเดียมเนี่ย มันสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ในร่างกายมากๆ โดยเฉพาะเซลล์สมอง ถ้าโซเดียมต่ำ เซลล์สมองมันจะ "บวมน้ำ" (Hyponatremic encephalopathy) ทำให้เกิดอาการแปลกๆ ได้ ตั้งแต่เวียนหัว มึนงง สับสน ไปจนถึงชัก หรือหมดสติได้เลยนะครับ
แล้วที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ภาวะโซเดียมต่ำที่เกิดจากยาไธอะไซด์ งานวิจัยล่าสุดบอกว่า มันอาจจะเพิ่มความเสี่ยงเสียชีวิตได้ด้วย ฟังดูน่าตกใจใช่ไหมครับ?
งานวิจัยสะท้อนความจริง: "โซเดียมต่ำ" ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ทีมนักวิจัยจากอเมริกาเขาทำการศึกษาแบบ "ย้อนหลัง" (Retrospective cohort study) โดยใช้ข้อมูลผู้ป่วยเป็นล้านๆ คนจากโรงพยาบาล 76 แห่ง และแบ่งคนไข้ความดันสูงที่เริ่มกินยาไธอะไซด์ออกเป็น 2 กลุ่ม
1. กลุ่มโซเดียมต่ำ กลุ่มที่ตรวจเจอโซเดียมในเลือดต่ำ (≤ 135 mmol/L) ภายใน 6 เดือนแรกที่กินยา
2. กลุ่มควบคุม กลุ่มที่โซเดียมในเลือดปกติ (136-144 mmol/L)
แล้วเขาก็ตามดูคนไข้กลุ่มนี้ไป 1 ปีเต็มๆ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง... ผลที่ออกมาน่าตกใจครับ
**ผลลัพธ์ที่ทำให้ขนลุก**
* อัตราการเสียชีวิต กลุ่มโซเดียมต่ำ "ตาย" มากกว่ากลุ่มควบคุม "เกือบ 2 เท่า" (Hazard Ratio 1.96) ฟังไม่ผิดครับ เกือบสองเท่าจริงๆ
* โรคอื่นๆ กลุ่มโซเดียมต่ำยังเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆ มากขึ้นด้วย เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดบวม ทางเดินปัสสาวะอักเสบ หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง กระดูกสะโพกหัก คือมันไม่ใช่แค่เวียนหัวธรรมดา แต่มันส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้เลย
* สถิติที่น่าคิด ในคนที่เริ่มกินยาไธอะไซด์ มีคนถึง 8.6% ที่เกิดภาวะโซเดียมต่ำภายใน 6 เดือน เยอะนะครับเนี่ย
"โซเดียมต่ำ"... ทำไมถึงร้ายแรงขนาดนี้?
ทำไมโซเดียมต่ำถึงอันตรายขนาดนี้? อย่างที่บอกไปครับ โซเดียมมันสำคัญต่อเซลล์สมองมากๆ พอโซเดียมต่ำ เซลล์สมองบวมน้ำ ก็เลยรวนไปหมด แล้วภาวะโซเดียมต่ำเรื้อรัง มันยังไปเพิ่มความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน กระดูกหัก โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง อีกสารพัด มันเหมือนโดมิโน่ที่ล้มไปเรื่อยๆ เลยครับ
ใครบ้างที่ "เสี่ยง"? และเราจะรับมือยังไง?
ใครที่ต้องระวังเป็นพิเศษ?
1. ผู้สูงอายุ คุณยายคุณตาเนี่ย เสี่ยงสุดๆ เพราะไตทำงานไม่ดีเหมือนเดิม แถมอาจมีโรคประจำตัวเยอะแยะ
2. ผู้หญิง ผู้หญิงบางทีก็เสี่ยงกว่าผู้ชาย
3. คนที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ โรคไต โรคตับ โรคปอด พวกนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ
4. คนที่กินยาหลายอย่าง ยาบางตัวมันตีกันกับยาไธอะไซด์ ทำให้โซเดียมต่ำง่ายขึ้น
แล้วเราจะป้องกันตัวเองยังไง?
1. ปรึกษาแพทย์ ปรึกษาเภสัช ก่อนเริ่มยาไธอะไซด์ บอกแพทย์ บอกเภสัชไปเลยครับว่าเรามีโรคอะไร กินยาอะไรอยู่บ้าง
2. ตรวจโซเดียมในเลือด โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่เริ่มยา หรือถ้ามีอาการแปลกๆ
3. ดื่มน้ำแต่พอดี อย่าดื่มน้ำเยอะเกินไป โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่เริ่มยาไธอะไซด์
4. สังเกตตัวเอง ถ้ามีอาการเวียนหัว อ่อนเพลีย มึนงง คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้ออ่อนแรง รีบไปพบแพทย์เลย
บทส่งท้าย: "โซเดียม" ที่ถูกมองข้าม... แต่สำคัญต่อชีวิต
เรื่อง "โซเดียมในเลือดต่ำ" จากยาไธอะไซด์เนี่ย มันเป็นภัยเงียบจริงๆ ครับ ที่เราอาจจะมองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วมันอันตรายกว่าที่คิดเยอะ และแม้ว่างานวิจัยนี้จะเป็นแค่การศึกษาแบบย้อนหลัง อาจจะมีข้อจำกัดบ้าง แต่ผลที่ออกมามันก็ชัดเจนว่า "โซเดียมต่ำ" มันสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจริงๆ
สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือความตระหนักรู้ครับ รู้ว่ายาที่เรากินอยู่มันมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง รู้ว่าเราต้องดูแลตัวเองยังไง แล้วก็ใส่ใจสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารัก ถ้าคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังกินยาไธอะไซด์ อย่าลืมปรึกษาหมอ ปรึกษาเภสัชเป็นประจำ ตรวจระดับโซเดียมในเลือด แล้วก็สังเกตอาการตัวเองด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใย
หวังว่าเรื่องเล่าจากห้องยาของผมวันนี้ จะเป็นประโยชน์นะครับ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ผมยินดีตอบเสมอครับ
เอกสารอ่านเพิ่มเติม
โฆษณา