30 ม.ค. เวลา 10:37 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

เห็ดฝางเองก็ก่อให้เกิดโรคได้

เห็ดฝาง (straw mushroom) เป็นเห็ดที่กินได้ แต่เห็ดฝางที่ไม่สะอาดก็อาจจะมีเชื้อโรคและสามารถก่อโรคได้ โดยเฉพาะกับคนที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อนั้นสามารถเกิดจากการสูดดมสปอร์ของเห็ด หรือการรับประทานเข้าไป
ในกระบวนการเพาะเลี้ยงและการกระจายเชื้อเห็ดมีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินที่ใช้คลุมในการเพาะเห็ด ซึ่งสามารถเป็นแหล่งสะสมของโรคต่างๆ และเชื้อก่อโรคที่ติดต่อทางอาหาร เห็ดสดที่วางขายในตลาดมักจะเก็บด้วยมือและขนส่งไปยังโรงงาน ซึ่งจะถูกบรรจุลงในภาชนะสำหรับขายโดยไม่ผ่านการทำความสะอาดและมักจะวางขายที่อุณหภูมิห้อง การแพร่เชื้อเกิดขึ้นผ่านสามเส้นทางหลัก ได้แก่ การสูดดมสปอร์ การกลืนกิน และการบาดเจ็บจากการฉีดเชื้อ ซึ่งนำไปสู่อาการต่างๆ
อาการที่พบโดยทั่วไปประกอบด้วย ไข้เป็นพักๆ ไอมีเสมหะ และปวดศีรษะ เชื้อโรคสามารถก่อให้เกิดฝีในสมอง โรคติดเชื้อราแบบลุกลาม ภาวะไตวายเฉียบพลันและภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจต่อเนื่องด้วยเครื่องช่วยหายใจ และภาวะช็อกจากหัวใจ ในการรักษาปัจจุบันยังไม่มีวิธีการทดสอบมาตรฐานสำหรับการทดสอบความไวต่อยาต้านเชื้อราและข้อมูลการรักษาที่มีอยู่ยังมีจำกัด
โดยเชื้อโรคที่สามารถก่อโรคนั้นพบได้หลายอย่างที่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ปอดและสมองพร้อมกัน ซึ่งรวมถึงแบคทีเรียก่อหนอง เช่น Streptococcus anginosus, Streptococcus agalactiae, Klebsiella pneumoniae และ Listeria monocytogenes แบคทีเรียชั้นสูง รวมถึงเชื้อ Nocardia และ Mycobacterium tuberculosis ด้วย รวมทั้งการติดเชื้อราอื่นๆ เช่น Cryptococcus, Aspergillus หรือ Mucormycosis ก็สามารถแสดงอาการคล้ายกันที่ปอด สมอง และผิวหนังในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เราสามารถป้องกันการติดเชื้อได้จากการเพาะเห็ดที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อ Mycogone พื้นที่เพาะปลูกต้องได้รับการป้องกันจากการปนเปื้อนของสปอร์ผ่านการฆ่าเชื้อเป็นประจำในการดำเนินการเกี่ยวกับวัสดุคลุม อุปกรณ์ และพื้นที่คอนกรีต ในขณะที่ห้องเพาะต้องมีการดูแลรักษาผนัง เพดาน และระบบระบายอากาศอย่างเหมาะสม
หลังจากเก็บเกี่ยวควรทำตามมาตรการสุขอนามัยอย่างครอบคลุม เห็ดควรได้รับการอบไอน้ำอย่างทั่วถึง ตามด้วยการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นอย่างทั่วถึงเพื่อรักษาสภาพการเพาะปลูกที่เหมาะสมและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
reference
[1] Alagha, R., Tham, S. M., Chew, K. L., Cheng, J. W. S., Lian, D. W., Vathsala, A., & Lum, L.
H. W. (2022). Volvariella volvacea brain Abscess in an immunocompromised host—An
emerging fungal pathogen in Asia. Journal of Medical Mycology, 32(3), 101272.
[2] Da, Y., Vathsala, A., & Teo, R. Z. C. (2021). Invasive fungal infection by Volvariella
volvacea: First reported case following solid organ transplantation and a unique therapeutic
approach. Transplant Infectious Disease, 23(4), e13690. https://doi.org/10.1111/tid.13690
[3] Venturini, M. E., Reyes, J. E., Rivera, C. S., Oria, R., & Blanco, D. (2011). Microbiological
quality and safety of fresh cultivated and wild mushrooms commercialized in Spain. Food
Microbiology, 28(8), 1492–1498. https://doi.org/10.1016/j.fm.2011.08.007
[4] (Salit et al., 2010) Salit, R. B., Shea, Y. R., Gea-Banacloche, J., Fahle, G. A., Abu-Asab,
M., Sugui, J. A., Carpenter, A. E., Quezado, M. M., Bishop, M. R., & Kwon-Chung, K. J.
(2010). Death by Edible Mushroom: First Report of Volvariella volvacea as an Etiologic
Agent of Invasive Disease in a Patient following Double Umbilical Cord Blood
Transplantation. Journal of Clinical Microbiology, 48(11), 4329–4332.
โฆษณา