Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Arifeen Yama [อารีฝีน ยามา]
•
ติดตาม
30 ม.ค. เวลา 15:28 • ข่าวรอบโลก
การต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์และสิทธิในการดำรงอยู่ของชาวอุยกูร์ในซินเจียง
ชาวอุยกูร์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เติร์กที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน พวกเขามีประวัติศาสตร์ ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างจากชาวฮั่นซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของจีน ซินเจียง หรือที่เรียกกันในอดีตว่า "เตอร์กิสถานตะวันออก" เป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าสำคัญที่เชื่อมต่อจีนกับตะวันออกกลางและยุโรป
แม้ว่าชาวอุยกูร์จะได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งใน 56 กลุ่มชาติพันธุ์ของจีน แต่พวกเขากลับเผชิญกับข้อจำกัดมากมายในด้านวัฒนธรรมและศาสนา ชาวอุยกูร์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพวกเขา อย่างไรก็ตาม นโยบายของรัฐบาลจีนในซินเจียงได้จำกัดเสรีภาพทางศาสนา เช่น การห้ามถือศีลอดในเดือนรอมฎอน การห้ามแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม และการรื้อถอนมัสยิด สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำลายมรดกทางวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์
รัฐบาลจีนให้เหตุผลว่านโยบายของพวกเขาในซินเจียงเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายและการปราบปรามลัทธิสุดโต่ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่เชื่อมโยงกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนอุยกูร์ ทางการจีนได้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการใช้ระบบเฝ้าระวังขนาดใหญ่ จุดตรวจของตำรวจ และการติดตามข้อมูลดิจิทัล ซินเจียงถูกอธิบายว่าเป็นหนึ่งในรัฐเฝ้าระวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ชาวอุยกูร์ถูกจับตาดูผ่านโทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย และแม้แต่การเก็บข้อมูลชีวมิติ ส่งผลให้เกิดบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวในชุมชนของพวกเขาเอง
หนึ่งในประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงมากที่สุดเกี่ยวกับซินเจียงคือการกักกันชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่นๆ ในศูนย์ "ปรับทัศนคติ" รายงานจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อระหว่างประเทศระบุว่ามีชาวอุยกูร์ถูกควบคุมตัวมากกว่าหนึ่งล้านคน รัฐบาลจีนอ้างว่าสถานที่เหล่านี้เป็น "ศูนย์ฝึกอาชีพ" ที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันลัทธิสุดโต่ง
อย่างไรก็ตาม คำให้การจากอดีตผู้ต้องขังและเอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นว่า ค่ายเหล่านี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการล้างสมองทางการเมือง การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการบังคับให้ชาวอุยกูร์ละทิ้งอัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรมของตนเอง ผู้ที่ถูกกักกันต้องเผชิญกับแรงกดดันให้แสดงความจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน และบางรายต้องเผชิญกับการใช้แรงงานบังคับ ครอบครัวจำนวนมากถูกแยกจากกัน โดยเด็ก ๆ ถูกส่งไปยังสถานเลี้ยงเด็กของรัฐ ขณะที่พ่อแม่ของพวกเขาถูกส่งเข้า "ศูนย์ปรับทัศนคติ"
นอกเหนือจากการกักกันแล้ว ชาวอุยกูร์ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่กว้างขวาง แม้ว่ารัฐบาลจีนจะลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในซินเจียงภายใต้โครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative) แต่ชาวอุยกูร์หลายคนอ้างว่าพวกเขาถูกกีดกันจากโอกาสทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลจีนได้ส่งเสริมให้ประชากรชาวฮั่นอพยพเข้ามาในซินเจียง ส่งผลให้สัดส่วนประชากรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และชาวอุยกูร์พบว่าตนเองถูกกีดกันจากตลาดแรงงานและธุรกิจขนาดใหญ่ นโยบายของรัฐที่มุ่งเน้นให้ชาวอุยกูร์ "กลมกลืน" กับสังคมกระแสหลักของจีน ทำให้วิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขาถูกคุกคาม
ประชาคมโลกได้แสดงท่าทีประณามนโยบายของจีนในซินเจียง ประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร ได้กล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน และบางประเทศถึงกับใช้คำว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" (genocide) เพื่อลักษณะการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์
นอกจากนี้ ยังมีการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และบริษัทจีนที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิในซินเจียง องค์การสหประชาชาติและกลุ่มสิทธิมนุษยชนได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนอิสระเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยมองว่าเป็น "โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง" และยืนยันว่านโยบายของพวกเขามุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจ
ปฏิกิริยาของประเทศมุสลิมต่อประเด็นชาวอุยกูร์มีความแตกต่างกัน บางประเทศ เช่น ตุรกีและมาเลเซีย ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของชาวอุยกูร์ ขณะที่บางประเทศ เช่น ปากีสถานและซาอุดีอาระเบีย กลับให้การสนับสนุนจุดยืนของจีนหรือเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็น ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะข้อตกลงทางการค้ากับจีน เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลายประเทศไม่ต้องการเผชิญหน้ากับปักกิ่งในประเด็นนี้
แม้ว่าประเด็นชาวอุยกูร์จะได้รับความสนใจจากนานาชาติ แต่สถานการณ์ยังคงเป็นวิกฤตสิทธิมนุษยชนที่ไม่มีแนวโน้มว่าจะได้รับการแก้ไขในเร็ว ๆ นี้ นักเคลื่อนไหวชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยในต่างประเทศยังคงพยายามเรียกร้องความสนใจจากประชาคมโลกและกดดันให้รัฐบาลต่าง ๆ ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดขึ้นต่อจีน อย่างไรก็ตาม อิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตของจีนทำให้หลายประเทศลังเลที่จะดำเนินการใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับปักกิ่ง
สำหรับชาวอุยกูร์ การต่อสู้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของสิทธิทางการเมือง แต่ยังเป็นการปกป้องอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและศาสนาของพวกเขาด้วย นโยบายของจีนในซินเจียงได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการทำลายวัฒนธรรมของชาวอุยกูร์ ทำให้หลายคนต้องลี้ภัยหรือใช้ชีวิตภายใต้ความหวาดกลัว ขณะที่จีนยังคงขยายอิทธิพลของตนบนเวทีโลก คำถามสำคัญคือแรงกดดันจากประชาคมระหว่างประเทศจะสามารถเปลี่ยนทิศทางของสถานการณ์ในซินเจียงได้หรือไม่ หรือชาวอุยกูร์จะยังคงเผชิญกับข้อจำกัดที่รุนแรงขึ้นต่อไป
ข่าวรอบโลก
สังคม
ธุรกิจ
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย