4 ชั่วโมงที่แล้ว • การศึกษา

DPU จัดประกวดโมเดลธุรกิจและสร้างแบรนด์เพื่อความยั่งยืน ครั้งที่ 1

ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน เปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงทักษะผู้ประกอบการ
วันที่ 30 มกราคม 2568 วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดการประกวดโมเดลธุรกิจและสร้างแบรนด์ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ครั้งที่ 1 สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี 2567 ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ภายในงานได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม รองอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขัน พร้อมทั้งกล่าวถึงความสำคัญของโครงการที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนในการพัฒนาธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเยาวชนระดับมัธยมปลายและอาชีวศึกษาสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต ผ่านการฝึกฝนทักษะต่างๆ
เช่น การคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน การแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และการใช้โซเชียลมีเดีย นอกจากนี้โครงการยังมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการตลาดเชิงทฤษฎี สร้างแผนธุรกิจที่สามารถนำไปใช้ได้จริง รวมถึงเสริมสร้างประสบการณ์ด้านบัญชีและการวางแผนธุรกิจอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นนักการตลาดและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในอนาคต
อาจารย์วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การจัดการประกวดโมเดลธุรกิจและสร้างแบรนด์ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน นับเป็นครั้งแรกที่จัดการแข่งขั้นขึ้น และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุด
นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งมหาวิทยาลัยเล็งเห็นถึงความสำคัญของโมเดลธุรกิจที่เป็นหัวใจของทุกอุตสาหกรรม จึงมุ่งส่งเสริมให้เยาวชนได้ลงมือทำและเรียนรู้กระบวนการทางธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้เข้าใจหลักการประกอบธุรกิจอย่างลึกซึ้ง
“เรายังกำหนดนโยบาย ผู้ที่ชนะเลิศการแข่งขันทั้ง 4 ถ้วยพระราชทาน จะมีการต่อยอดให้ไปดูงานจริงและพบปะรุ่นพี่ในสายอาชีพ เพื่อให้เกิดเครือข่ายที่แข็งแกร่งและช่วยส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เราจะไม่ให้เด็กแค่แข่งแล้วจบไป แต่จะสร้าง community ให้พวกเขารู้จักกัน และได้เรียนรู้เพิ่มเติมหลังการแข่งขัน อีกทั้งยังมีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่ทำงานจริง เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นว่าสาขาที่เลือกเรียนจะนำไปสู่อาชีพอะไร” อาจารย์วสุกานต์ ระบุ
อาจารย์วสุกานต์ กล่าวต่ออีกว่า เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มของตลาดแรงงานเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อาชีพอิสระ หรือการทำงานในองค์กร แต่สิ่งที่สำคัญคือ “ทักษะด้านโมเดลธุรกิจ” ทุกธุรกิจจึงต้องมีแผน ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ การเริ่มต้นโครงการ หรือแม้กระทั่งเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ อาชีพ ‘มือปืนเขียนแผนธุรกิจ’ กำลังเป็นที่ต้องการ และเราต้องเตรียมเด็กให้พร้อมกับโอกาสเหล่านี้
“มหาวิทยาลัยเราเน้นการเรียนการสอนเชิงวิชาการ เราไม่มีสินค้าให้โชว์ ไม่มีบริการให้ขาย แต่สิ่งที่เรามีคือ ความรู้และการฝึกให้เยาวชนได้พัฒนาสมอง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาในระยะยาว ไม่ว่าอนาคตพวกเขาจะเลือกเรียนที่นี่หรือไม่ก็ตาม ดังนั้นการแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าการประกวด แต่เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะ ทั้งในเชิงวิชาการและการประยุกต์ใช้จริง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้พร้อมสู่โลกธุรกิจในอนาคต”อาจารย์วสุกานต์ กล่าว
สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้มีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมแข่งขันจากทั่วประเทศ จำนวน 29 สถาบัน รวม 34 ทีม โดยทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีมนักศึกษาชั้นปวช.1 สาขาการตลาด จากวิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยวกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วย นางสาวณัฐริการ์ น่วมทะนะ นายธนิต กองเป็ง และ นายศุวัฒน์ กรีม
การประกวดโมเดลธุรกิจและสร้างแบรนด์เพื่อความยั่งยืน ครั้งที่ 1 นี้นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างทักษะและความรู้ด้านธุรกิจให้กับเยาวชนไทย โดยเฉพาะในด้านการคิดวิเคราะห์ การสร้างแผนธุรกิจ และการใช้ทักษะต่างๆ ในการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากการฝึกฝนทางวิชาการแล้ว กิจกรรมนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้และเชื่อมโยงกับโลกการทำงานจริง ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขันในเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการในอนาคตได้เป็นอย่างดี
โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์มุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการศึกษาที่ไม่เพียงแต่มีการเรียนการสอนทางวิชาการ แต่ยังส่งเสริมให้เยาวชนได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในโลกธุรกิจที่เปิดกว้าง และเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ๆ พร้อมทั้งสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อพัฒนานักศึกษาและเยาวชนให้เติบโตเป็นผู้นำที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
โฆษณา