31 ม.ค. เวลา 17:20 • ประวัติศาสตร์
นครโฮจิมินห์

"Crack the Sky, Shake the Earth".... ระลึกถึง จุดเปลี่ยนสงครามเวียดนาม

วิเคราะห์ TET Offensive ในมุมมองเชิงยุทะศาสตร์
1
วันที่ 31 มค 1968 ข้อความรหัส “เปิดฟ้าเขย่าแผ่นดิน” ได้ถูกส่งถึงกองกำลังเวียดนามเหนือ และนักรบกองโจรเวียดกง จำนวนกว่า 100,000 นาย ที่ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม "เพื่อเปิดฉากการสู้รบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเรา” มาก่อนหน้านั้น
และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของการเปิดฉากโจมตีเมืองต่างๆ กว่า 36 เมือง ทั่วเวียดนามใต้ โดยหวังที่จะขับไล่กองกำลังอเมริกัน ออกไปการรุกในช่วงเทศกาลเต๊ตในปี 1968 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญช่วงหนึ่งของสงครามเวียดนาม การตัดสินใจเลือกเวลาปฏิบัติการถือเป็น ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากฤดูกาลการเลือกตั้งในสหรัฐกำลังจะเริ่มต้น
ก่อนศึกใหญ่ - สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี 1964 โดยแต่งตั้ง นายพลเวสต์มอร์แลนด์ เป็นผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตร ท่านเลือกใช้กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของสหรัฐฯ ในด้านอำนาจการยิงของปืนใหญ่ และความเหนือกว่าของพลังทางอากาศ โดยทำสงครามแบบ Attrition warfare เป็นการเลือกกลยุทธ์ในเชิงรับมากกว่าเชิงรุก เพราะเป็นการปฏิบัติการบั่นทอนกำลังของข้าศึกอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยหวังว่าจะทำลายไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งข้าศึกเข้าสู่วิกฤตการขาดแคลนกำลังพล ยุทธปัจจัย และประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ
ในที่สุดก็จะถอนกำลังหรือพ่ายแพ้ไปเอง
ต่อมา นายพลเวสต์มอร์แลนด์ พยายามโน้มน้าวประธานาธิบดีจอห์นสัน ให้อนุมัติการทำลายกำลังคนและเสบียงอย่างต่อเนื่องทั้งจากการเผชิญหน้าในสนามรบและการทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์อย่างไม่ลดละต่อเวียดนามเหนือ รวมทั้งการขยายสงครามเข้าไปในกัมพูชาและลาวเพื่อขัดขวางเส้นทางโฮจิมินห์ "เราไม่สามารถชนะได้เว้นแต่เราจะขยายสงคราม"
เมื่อสงครามผ่านไปเรื่อย ๆ นายพลเวสต์มอร์แลนด์ พยายามนำเสนอเน้นไปที่ตัวบ่งชี้เชิงบวกว่าฝ่ายโลกเสรี กำลังได้เปรียบ ทั้งที่การนำเสนอตัวเลขต่อสาธารณชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ เป็นการแต่งตัวเลข "ให้ดีเกินจริง" และตัวเลขแง่บวกทั้งหมดในที่สุดก็กลายเป็นไร้ค่าเมื่อเกิดการรุกครั้งใหญ่ในช่วงเทศกาล TET หนนี้ ผลการรบที่เคซาห์น และการรุก TET ต่อเนื่องกันพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ของ นายพลเวสต์มอร์แลนด์ล้มเหลวทั้งทางการเมืองและการทหาร
ผลกระทบที่สะท้อนจากสนามรบยังคงขยายตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขสถิติผู้เสียชีวิตในหนึ่งสัปดาห์ สูงสุดของทหารสรัฐ เสียชีวิต 543 นาย และได้รับบาดเจ็บ 2,547 นาย ที่ประกาศในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ช๊อกสังคมสหรัฐอย่างมาก และสถิตินี้คงอยู่ ตลอดสงคราม
คนอเมริกันส่วนใหญ่เบื่อหน่ายกับการต้องสูญเสียชีวิตจำนวนมากโดยไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาจะหยุดลงได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โรเบิร์ต เอส. แมคนามารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลาออกจากตำแหน่ง ต่อมาวอลเตอร์ โครไนต์ ผู้ประกาศข่าวของ CBS พูดออกอากาศว่า "การเจรจาคือทางออกอันมีเกียรติ ในรายงานพิเศษที่อิงจากงานสื่อสารมวลชนในเวียดนามของเขาที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ CBS ในเดือนมีนาคม"
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็ทำให้การสนับสนุนของเวียดนามใต้ลดน้อยลงเช่นกัน
เนื่องจากต้นทุนความเสียหายของเวียดนามใต้สูงมาก ประมาณการว่ามีพลเรือนเสียชีวิตอยู่ที่ 14,300 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 24,000 ราย แต่ที่หนักหนาคือยอดมีผู้ลี้ภัยรายใหม่เกิดขึ้นทันที 630,000 คน เมื่อรวมกับยอดเดิมจากสงครามสะสมมา 4-5 ปีอีกเกือบ 800,000 ราย นั้นทำให้ในปีนั้นชาวเวียดนามใต้ 8% ต้องอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย(คือประชากร 1 จาก 12 คน กลายเป็นผู้ลี้ภัย) บ้านเรือนมากกว่า 70,000 หลังถูกทำลายจากการสู้รบ มีอีกเกือบ 30,000 หลังที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศก็ถูกทำลายเกือบทั้งหมด ส่วนกองทัพเวียดนามใต้แม้จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่อเมริกาคาดไว้ แต่ก็ประสบปัญหาขวัญกำลังใจที่ลดลง โดยอัตราการหนีทัพเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับก่อน TET Offensive และเริ่มมีความหวั่นในอยู่ว่า มีโอกาสที่อเมริกาจะละทิ้งเวียดนามใต้ให้กับคอมมิวนิสต์ ประชาชนชาวเวียดนามใต้ เริ่มไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลเพราะการโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นว่าแม้รัฐบาลจะได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายจากอเมริกา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปกป้องพลเมืองของตนได้
ในทางตรงข้ามนี่เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า ฝ่ายคอมมิวนิสต์มีความสามารถในการรุกอย่างต่อเนื่อง สามารถยกระดับการทำสงครามได้ และทำ การรบที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น สามารถสร้างความขัดแย้งลุกลามเข้าไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประประเทศเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ แม้จะพ่ายแพ้ในช่วงเทศกาลเต๊ต ทั้ง 3 ยกก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตของทหารสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้นและการเกณฑ์ทหารทำให้การสนับสนุนของชาวอเมริกัน ในสงครามลดน้อยลง และเราคงได้มาพูดถึงกันต่อ ในตอนต่อ ๆ ไปครับ
โฆษณา