1 ก.พ. เวลา 04:17 • การตลาด

ลูกค้าฉลาดเลือก แบรนด์ต้องฉลาดขึ้น เจาะ 10 เทรนด์ Beauty & Wellness ปี 2025 โดย Nielsen Thailand

จะดีแค่ไหนถ้ามีคนที่จดจำแบรนด์ของเรา และรักในแบรนด์ของเรา การทำการตลาด ใคร ๆ ก็อยากลูกค้ารักแบรนด์ของเรา และทำให้ KPI ของแบรนด์สูงขึ้น และในท้ายที่สุดทุกคนอยากขายของ ขายอย่างไรก็ได้ให้เราขายของออกไปให้ได้เร็วที่สุด ได้ ROI สูงที่สุด และอยากให้ลูกค้ารักเช่นกัน
วันนี้เราอยู่กันในหัวข้อ Beauty & Wellness Insights: 10 Trends to Watch Out in 2025 โดยคุณ รัญชิตา ศรีวรวิไล Head of Commercial (Advertiser and Agency), Nielsen Thailand ในงาน INDUSTRY INSIGHTS 2025
🔶 10 เทรนด์ Beauty & Wellness Insights ในวันนี้คนไทย หรือลูกค้า มองหาอะไรอยู่ในปี 2025
💄 เทรนด์ที่ 1: ภาพรวมของงบโฆษณาในประเทศไทย
🔹 Media Spending ที่ผ่านมาในปี 2024 มีการเติบโตทรงตัวที่ 3% โดยสื่อที่มีการเติบโตได้น่าสนใจคือ
- Cinema มีการเติบโตถึง (+27%)
- Internet (DAAT) เติบโต (16%)
- Out of Home & Transit (+9%)
- In-Store (+7%)
🔹 งบโฆษณาในกลุ่ม Beauty & Wellness ในปี 2024 มีมูลค่ารวม 20,794 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดในแต่ละหมวดดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) เติบโต 5,084 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Haircare) เติบโต 3,863 ล้านบาท
- วิตามินและอาหารเสริม (Vitamin/Supplementary) เติบโต 3,219 ล้านบาท (+9% จากปีที่แล้ว)
- ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral care) เติบโต 3,205 ล้านบาท
- เวชภัณฑ์ (Pharma) เติบโต 3,019 ล้านบาท
- ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal care) เติบโต 2,126 ล้านบาท
- เครื่องสำอาง (Cosmetics) เติบโต 277 ล้านบาท (+66% จากปีที่แล้ว)
🔹 Online TV เติบโตสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภค Beauty & Wellness
- Online TV และ Out of Home (OOH) มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Influencer Marketing และ TV Offline มีแนวโน้มลดลง
- Social Media และ Audio Streaming ยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด
💄เทรนด์ที่ 2: แนวคิดใส่ใจสุขภาพ (Health - Conscious Mindset)
จากงานวิจัยของ Nielsen ระบุว่าในปี 2020 โดย 60% คนส่วนใหญ่บอกว่าใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเอง แต่ในปี 2024 กระโดดขึ้นมาใส่ใจสุขภาพถึง 80% นั่นหมายความว่าเทรนด์การใส่ใจสุขภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
👉 68% บอกว่าส่วนใหญ่เน้นทาน Healthy Food ที่เขากิน
👉 53% บอกว่าส่วนใหญ่เน้นทาน Food supplementary เป็นส่วนประกอบมากกว่าการกินปกติ
👉 GenZ & GenY กินวิตามินมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมากกว่า 53% อายุน้อยกว่า 40 ปีลงมา
👉 GenZ มองหา Skincare มากที่สุด
👉 GenY, GenX และ Mature (55+) มองหา Eyesight มากที่สุด
👉 จากการสำรวจ Beauty supplement มีการเติบโตสูงขึ้นถึง 13% ตั้งแต่ปี 2020 - 2024 เพราะทุกคนอยากกินเพื่อให้ผิวสวย จึงทำให้
💄 เทรนด์ที่ 3: Beauty Supplement
ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในไทยเติบโตต่อเนื่อง! และกำลังขยายตัวขึ้นทุกปี โดยมีแนวโน้มการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในหลายหมวดหมู่ โดยจำนวนผู้บริโภคในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
👉 ซุปไก่สกัด 12.2 ล้านคน (คิดเป็น 21% ของประชากร เพิ่มขึ้น +7%)
👉 วิตามิน 9.5 ล้านคน (คิดเป็น 17% ของประชากร เพิ่มขึ้น +10%)
👉 รังนก 9.1 ล้านคน (คิดเป็น 16% ของประชากร เพิ่มขึ้น +13%)
👉 อาหารเสริมความงาม 7.1 ล้านคน (คิดเป็น 13% ของประชากร เพิ่มขึ้น +12%)
กลุ่มผู้บริโภคให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณ ดังนั้นโอกาสสำหรับธุรกิจอาหารเสริมในปี 2024 ที่น่าสนใจคือ
✅ การแข่งขันในตลาดอาหารเสริมจะสูงขึ้น แบรนด์ต้องสร้างความแตกต่าง
✅ ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่ มีส่วนผสมที่เชื่อถือได้ และมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้
✅ Personalized Supplement อาหารเสริมที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลกำลังมาแรง
💄 เทรนด์ที่ 4: คนไทยใส่ใจเรื่องของความงามทั้งใบหน้าและร่างกาย
สกินแคร์สำหรับผิวหน้าและผิวกายกำลังเป็นเทรนด์มาแรง โดยเฉพาะ ‘ผลิตภัณฑ์กันแดด’
👉 ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sun Protection) มีการใช้ที่เยอะมาก และเติบโตมากกว่า 20% ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา
👉 ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sun Protection) โตในกลุ่มเด็กลงเรื่อย ๆ GenY และ GenZ มากถึง 44%
👉 อัตราการซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวกายเติบโตโดดเด่นที่สุด (+22%)
👉 รองลงมาคือผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น (Moisturizer) สำหรับผิวหน้า (+18%)
👉 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแบบล้างออก (Cleanser rinse off) และผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย (Anti-aging) ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน
โดยสรุป ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ กันแดดสำหรับผิวกาย ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดถึง +22% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการปกป้องผิวจากแสงแดดมากขึ้น
💄 เทรนด์ที่ 5: ผู้คนอยากเด็กลง (I Keep young looking)
👉 ผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-aging) กำลังเติบโตขึ้น 9% โดยกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวเป็นผู้นำเทรนด์นี้
👉 ปี 2020: ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี คิดเป็น 71% ส่วนผู้ใช้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปอยู่ที่ 29%
👉 ปี 2024: ผู้บริโภควัยหนุ่มสาวลดลงเหลือ 47% ในขณะที่กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 53%
👉 แบรนด์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด ได้แก่ Garnier มาเป็นอันดับหนึ่ง, Nivea, Pond’s, Olay, Eucerin, Smooth E
โดยสรุปปัจจุบันผู้บริโภคกำลังมองหา ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าราคา
💄 เทรนด์ที่ 6: ใคร ๆ ก็อยากมีผมที่สุขภาพดีขึ้น (I want to have healthier hair)
👉 การใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผมเพิ่มขึ้น 11% โดยกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไปเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากต้องการปกปิดผมขาว
👉 ปัจจุบันยังเป็นตลาดที่ใหญ่อยู่ โดยตลาดใหญ่ที่สุด OK Herbal เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคอายุ 40 ปีขึ้นไป
👉 47% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมผม มุ่งเน้นไปที่การปกปิดผมขาว
👉 การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ปกปิดผมขาว โดยรวมเพิ่มขึ้น 21%
👉 ซึ่งเป็นกลุ่ม Gen Y เพิ่มขึ้น 12% และ กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 26%
💄 เทรนด์ที่ 7: ผู้ชายกับการดูแลตัวเอง (Male consumers and his self-care)
👉 โดย 47% ของผู้บริโภคชายไทยใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพิ่มขึ้น +5%
👉 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายไทยซื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่
- โฟมล้างหน้า เพิ่มขึ้น (+11%)
- มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+11%)
- ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+15%)
- ครีมและโลชั่นบำรุงผิวกาย ลดลง (-2%)
- ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย เพิ่มขึ้น (+15%)
- ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งสำหรับผิวหน้า เพิ่มขึ้น (+15%)
- ผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย เพิ่มขึ้น (+4%)
Nielsen - Beauty & Wellness Insights Report (2024) ยังระบุอีกว่า ผู้ชายซื้อครีมบำรุงผิวหน้าบ่อยกว่าผู้หญิง โดยความถี่ในการซื้อผู้ชายมีแนวโน้มซื้อ บ่อยกว่า 2 ครั้ง/เดือน มากกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงมักซื้อครีมบำรุงผิวหน้าทุก 2-3 เดือน หรือ เดือนละครั้ง
💄 เทรนด์ที่ 8: แบรนด์ไทยมาแรง! เครื่องสำอางท้องถิ่นขึ้นแท่นเป็นตัวเด่น
👉 คนไทยนิยมแบรนด์เครื่องสำอางไทยมากกว่าแบรนด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะลิปสติก!
👉 60% ของผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้ลิปสติก และลิปกลอสแบรนด์ท้องถิ่น!
👉 กลุ่มที่มีแนวโน้มใช้แบรนด์ไทยมากที่สุด ได้แก่ Gen Z (64%), Gen Y (54%), ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป (65%)
และ ผู้มีรายได้สูง (44%)
👉 แบรนด์ลิปสติกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย
1️⃣ Mistine (32%)
2️⃣ Maybelline (31%)
3️⃣ Cute Press (19%)
4️⃣ L’Oréal (16%)
5️⃣ Nivea (15%)
6️⃣ Vaseline (13%)
7️⃣ Srichand (11%)
8️⃣ 4U2 (10%)
9️⃣ In 2 It (7%)
🔟 Giffarine (5%)
และแบรนด์อื่น ๆ รวมกันถึงอีก 43% บ่งบอกว่าผู้บริโภคชาวไทยเปิดรับแบรนด์ท้องถิ่นมากขึ้น!
💄 เทรนด์ที่ 9: Gen Z นักช้อปรู้จริงในวงการความงาม
👉 ถ้าต้องการจะเข้า GenZ คือ การรีวิวออนไลน์สำคัญมาก!
👉 คุณภาพ แบรนด์ และราคา คือ 3 ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสินค้าในทุก Generation
- Gen Z: ให้ความสำคัญกับคุณภาพ, ข้อมูลสินค้า และรีวิวออนไลน์
- Gen Y: สนใจคุณภาพ ข้อมูลสินค้า, แบรนด์ที่คุ้นเคย และส่วนลด
- วัย 40+: เลือกซื้อจากแบรนด์ที่คุ้นเคย รองลงมาคือคุณภาพ, ราคา และความภักดีต่อแบรนด์เดิม
👉 Social Media แซงหน้า Search Engine กลายเป็นช่องทางหลักในการค้นหาสินค้าของ Gen Z
- คนรุ่นใหม่ (Gen Z) หาข้อมูลสินค้าผ่าน Social Media เป็นอันดับ 1
- คนรุ่น Millennials ยังใช้ Search Engine เป็นแหล่งข้อมูลหลัก
👉 สำหรับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงลูกค้า Gen Z การตลาดบน Social Media จึงเป็นสิ่งที่ ห้ามมองข้าม!
💄 เทรนด์ที่ 10: Physical Stores vs Online Stores
👉 ออนไลน์ช้อปปิ้งโตไว แต่ร้านค้ายังคงเป็นช่องทางหลักสำหรับสินค้าหลายประเภท แม้ว่าการซื้อของออนไลน์จะเติบโต แต่ผู้บริโภคยังคงเลือกซื้อสินค้าหลายประเภทจากหน้าร้านออฟไลน์ โดยเฉพาะสินค้า เครื่องสำอาง และ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
👉 อะไรเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ?
📌 ค้นหาสินค้าโดยตรงจากร้านค้า – ลูกค้าหลายคนยังต้องการเห็นของจริงก่อนตัดสินใจ
📌 โปรโมชันที่ดึงดูดใจ – ส่วนลดและข้อเสนอพิเศษเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ
📌 เห็นโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แล้วไปเช็กสินค้าต่อ – การตลาดออนไลน์ช่วยสร้างความสนใจให้ลูกค้า ก่อนที่พวกเขาจะไปดูของจริงที่ร้าน
👉 ทำไมแบรนด์ควรใช้กลยุทธ์ Omnichannel
📌 46% ของผู้บริโภคไทย ค้นหาข้อมูลสินค้าออนไลน์ก่อน แล้วไปซื้อที่ร้าน
📌 34% ของผู้บริโภคไทย ไปดูสินค้าจริงที่ร้านก่อน แล้วค่อยสั่งซื้อออนไลน์
💄 3. KeyPoint สำคัญในตลาด Beauty & Wellness
📌 1. สุขภาพดี ผิวสวย ดูอ่อนวัย และการปกป้องผิวจากแสงแดด
👉 กลุ่มวัยรุ่นเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของตลาดความงามและสุขภาพ
👉 โฟกัสของตลาดเปลี่ยนจากกลุ่มผู้สูงอายุ มาเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
👉 พฤติกรรมการซื้อของกลุ่มนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
📌 2. ร้านค้าปลีกยังสำคัญ แม้ช้อปออนไลน์จะเติบโต
👉 แม้ว่าการช้อปออนไลน์จะเพิ่มขึ้น แต่ ร้านค้าออฟไลน์ยังเป็นช่องทางหลัก สำหรับสินค้าความงามและสุขภาพ
👉 ลูกค้าวัยรุ่นนิยมค้นคว้าข้อมูล อ่านรีวิว และหาประสบการณ์ก่อนตัดสินใจซื้อ
📌 3. จัดการสื่อโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการวัดผลจาก ‘กลุ่มเป้าหมายที่ใช่’
👉 ต้องเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มและอุปกรณ์ที่หลากหลาย
👉 การตลาดที่ดีต้อง เข้าถึงลูกค้าได้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกแพลตฟอร์ม
💡 แบรนด์ต้องปรับตัวให้ทัน!
👉 เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
👉 เชื่อมต่อประสบการณ์ทั้ง ออนไลน์และออฟไลน์
👉 ใช้ข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ เพื่อทำการตลาดได้แม่นยำขึ้น
ใครปรับตัวก่อน แล้วเข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อน คนนั้นได้เปรียบ!
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
โฆษณา