1 ก.พ. เวลา 12:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Gold Outlook 2025-EP.8 : น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ MTS Gold แม่ทองสุก

น.พ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำในยุค “ทรัมป์ 2.0″ ว่า
ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็น ปธน. สหรัฐฯ จะเห็นได้ว่า ในช่วงปีแรกราคาทองคำเคลื่อนไหวเหวี่ยงตัวขึ้น-ลง โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก แต่ความแตกต่างและความเหมือน ระหว่างแนวทางการทำงาน และนโยบายของ “ทรัมป์” ในยุคแรกกับยุคปัจจุบันมีหลายเรื่อง
อันดับแรก นโยบาย “ทรัมป์” ในรอบนี้ดูเหมือนจะพยายามที่จะตัดลบงบประมาณต่าง ๆ ที่ ไม่จำเป็นออก โดยเฉพาะเงินที่ให้การสนับสนุนกับองค์กรต่างๆ อาทิ WHO หรือองค์กรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
เรื่องนี้จะทำให้เกิดผลกระทบกับการทำงานขององค์กรเหล่านั้น รวมถึงจะสร้างความผันผวนมากในตลาดโลก ทำให้ต้องจับตามองว่าหลังจากนี้องค์กรต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งจุดนี้น่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อราคาทองคำ
จึงมองว่าในปีนี้ “ทองคำ” น่าจะมาเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับจับตามองเป็นพิเศษอีก 1 ปี เพราะเพียงแค่เดือน ม.ค. ราคาทองคำได้ปรับขึ้นแรงเร็วกกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทำให้วิเคราะห์ได้ว่า ภาพหลักของทองคำในขณะนี้เป็นทิศทางขาขึ้นในเชิงเทคนิคแบบสมบูรณ์ 100% และทำให้มองว่าในระยะยาวราคาทองคำยังมีโอกาสทำ All TimeHigh (ATH) ได้อีกหลายครั้งในปีนี้
ส่วนอีกแรงหนุนสำคัญของทองคำ ก็คือ การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าปีนี้เฟดอาจจะลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 1 ครั้งในไตรมาส 2 แต่ก็ยังลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง และถือว่าเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ
ส่วนประเด็นเรื่องของสงคราม ยังมองว่าจะยังคงอยู่ เพราะถ้าจะย่อนไปดูช่วง “ทรัมป์” หาเสียง เจ้าตัวระบุว่า จะยุติให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่จนถึงขณะนี้ ผ่านมาแล้วกว่า 10 วัน ทุกอย่างยังไม่คืบหน้า แต่ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด
ทำให้คาดการณ์ว่าปีนี้ราคาทองคำจะทำผลงานได้ดีอีกหนึ่งปี แต่อาจจะไม่ร้อนแรงเหมือนปีที่ผ่านมาที่ราคาปรับขึ้นมากถึง 27%
โดยคาดว่าปีนี้อาจจะปรับเพิ่มในกรอบ 10-15% หากราคาปรับขึ้นตามที่คาดการณ์ ก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำ gold spot ขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ ส่วนทองคำไทย อาจจะขึ้นไปแตะระดับ 48,000 บาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับค่าเงินบาทด้วย
“MTS ประเมินว่า ปัจจัยที่จะส่งเสริมการปรับขึ้นของราคาทองคำยังมีอยู่จากปีที่ผ่านมา แต่อาจจะน้อยลง แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ที่ผ่านมาได้แสดงตัวออกมาแล้ว ก็คือ กองทุนจากฝั่งยุโรป ที่ได้เข้าซื้อทองคำประมาณมาก เพื่อเป็นเงินทุนสำรองจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งจุดนี้จะมาเติมเต็มในประเด็นหนุนที่ลดน้อยลง และจะทำให้ “ทองคำ” ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าเก็บสะสมและน่าลงทุน”
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำปีนี้ น่าจะมีความผันผวนมาก เพราะหากจะดูจากในเดือน ม.ค. จะเห็นได้ว่า ดัชนีดอลลาร์มีความผันผวนหนัก ทำให้ค่าเงินบาทผันผวนหนักในระดับ 20-40 สตางค์ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก และถือว่าผันผวนมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจาก “เอฟเฟคของ โดนัลด์ ทรัมป์” ที่จะส่งมาในตลาด
โฆษณา