เมื่อวาน เวลา 15:22 • ความคิดเห็น

“วัฒนธรรมการโทษกันในองค์กร”

(ปัญหาที่กัดกร่อนความสำเร็จ)
ในโลกการทำงานที่เต็มไปด้วย “ความกดดันและความคาดหวังสูงในยุคนี้” หลายครั้งที่เราพบเห็นพฤติกรรม “การโทษกัน” (Blame Game) ซึ่งไม่เพียงสร้างบรรยากาศเชิงลบ แต่ยังเป็นตัวบั่นทอนประสิทธิภาพของทีมและองค์กรอย่างรุนแรง ข้อความที่ว่า “การโทษกันคือกลไกป้องกันตัวของผู้มีจิตใจคับแคบ” และ “การไม่พูดในเวลาที่ควรพูด แต่มาพูดหรือบ่นทีหลัง” สะท้อนปัญหาที่หลายองค์กรต้องเผชิญอยู่สำหรับการจัดการด้านบุคคลากร
“Blame Game: กลไกป้องกันตัวที่ทำลายทีม”
การโทษกันเป็นพฤติกรรมที่มักเกิดจาก:
1. ความกลัวผิดพลาด – เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอาจถูกตำหนิ จึงรีบโยนความผิดให้ผู้อื่น
2. การขาดความรับผิดชอบ – ไม่ยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
3. จิตใจคับแคบ – ไม่สามารถมองปัญหาในมุมกว้างหรือหาทางออกร่วมกัน
“พฤติกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความขัดแย้ง แต่ยังลดทอนความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของทีมที่แข็งแกร่ง”
“เก่งกันแต่หลังบ้าน”: ปัญหาที่ซ่อนเร้นในองค์กร
อีกพฤติกรรมที่พบได้บ่อยคือ “การไม่พูดในเวลาที่ควรพูด แต่มาพูดหรือบ่นทีหลัง” ซึ่งมักเกิดจาก:
1. ความกลัวเผชิญหน้า – ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าหรือในที่ประชุม โดยเฉพาะกับคนที่เหมือนมีอำนาจมากกว่า
2. การเสียหน้า – กลัวถูกมองว่าไม่มีความสามารถหากเสนอไอเดียที่อาจผิดพลาด
3. วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เปิดกว้าง – บางองค์กรมีบรรยากาศที่ทำให้พนักงานรู้สึกไม่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น
พฤติกรรมนี้ส่งผลเสียอย่างมาก เป็นรากของ “ปัญหาถูกเก็บไว้ใต้พรม” แทนที่จะถูกแก้ไขตั้งแต่ต้นทาง
“ผลกระทบต่อองค์กร”
 
1. ประสิทธิภาพทีมลดลง – การโทษกันและการไม่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาทำให้การทำงานล่าช้า
2. บรรยากาศการทำงานเป็นพิษ (Toxic) – พนักงานโดยเฉพาะระดับล่างรู้สึกไม่มีความสุขและขาดแรงจูงใจ
3. การสูญเสียทรัพยากรบุคคล – พนักงานที่มีศักยภาพอาจลาออก (Turnover) เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
“ทางออก: สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้าง”
 
1. ส่งเสริมการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา – ฝึกให้พนักงานแสดงความคิดเห็นโดยไม่กลัวถูกตัดสิน
2. สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้จากความผิดพลาด – มองว่าความผิดพลาดเป็นโอกาสในการพัฒนา ไม่ใช่สิ่งที่ต้องโทษกัน
3. ผู้นำต้องเป็นแบบอย่าง – ผู้จัดการหรือหัวหน้าต้องไม่โทษทีมเมื่อเกิดปัญหา แต่ควรร่วมกันหาทางแก้ไข
4. ส่งเสริมและสร้างวัฒนธรรมการชมกันบ้าง – ชมกันไม่ได้แปลว่า ทำให้เหลิง แต่การชม หรือให้เครดิต เหมือนน้ำหล่อเลี้ยง ทำให้คนรู้สึกภูมิใจ และกล้าแสดงออก โดยเฉพาะเสียงจากพนักงานที่ใกล้ปัญหา “ความจริงจะเป็นยารักษาโรคที่ดีที่สุดเสมอ”
“หยุดโทษกัน… แล้วเริ่มแก้ปัญหาด้วยกัน”
การโทษกันและการไม่พูดในเวลาที่ควรพูดเป็นพฤติกรรมที่ทำลายทั้งทีมและองค์กร การเปลี่ยนวัฒนธรรมเหล่านี้ต้องเริ่มจากความเข้าใจว่า “ทุกคนคือส่วนหนึ่งของปัญหาและทางออก”
“ทีมที่แข็งแกร่งไม่ใช่ทีมที่ไม่มีปัญหา แต่คือทีมที่สามารถแก้ปัญหาร่วมกันได้โดยไม่โทษกัน”
#วันละเรื่องสองเรื่อง
โฆษณา